BLOGGER TEMPLATES AND TWITTER BACKGROUNDS

วันพุธที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2553

Duomo เมืองมิลาน


วันที่ ๒๐ กันยายน ๒๐๑๐

ในที่สุดก็ได้เดินทางมาถึงเป้าหมายที่ตั้งใจไว้..คือ Duomo Milano
การเดินทางโดยทางรถไฟ ใช้เวลาประมาณ ๑ ชั่วโมง จาก san Giorgio
เมื่อมาถึง..สัมผัสกับบรรยากาศที่แปลกใหม่ และตื่นตา ตื่นใจกับ Duomo ที่ทำจากหินอ่อนทั้งหมด
มียอดแหลมสูงมากมายจริง ๆ


กับการเดินทางมาถึงครั้งแรกที่ Duomo 



ด้านหน้าตรง

ภายใน Duomo ในช่วงเวลากลางวัน

ไม้กางเขน..


ภาพบนกระจกสี..เป็นอีกเอกลักษณ์หนึ่งของ Duomo ซึ่งมีมากมายและยิ่งใหญ่




จุดศูนย์กลางก็คือ พระแท่น 


นี่เป็นภาพด้านข้าง ๆ พระแท่น


ภาพทางเดินตรงกลาง..จะมองเห็นพระแท่นอยู่ด้านหลัง




ภาพรวมภายใน Duomo 




ภาพประตูทางเข้าด้านข้าง


บรรยากาศด้านหน้า Duomo  จะเห็นว่า มีผู้คน นักท่องเที่ยวเยอะแยะมากมาย










มองอีกด้านของDuomo ก็จะเห็น..ร้านขายเสื้อผ้าซึ่งอยู่ภายในประตูแห่งนี้


ภาพด้านข้าง Duomo 

เอกลักษณ์ของเมืองมิลานก็คือ Duomo แห่งนี้ ที่แสดงออกถึงศิลปะ และความยิ่งใหญ่
เมืองมิลานได้ขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองแห่งแฟชั่นยี่ห้อดัง ๆ อีกด้วย..

เบื้องหลังความยิ่งใหญ่..ของสิ่งก่อสร้างต่าง ๆ ก็คือ พลังความศรัทธา
ความศรัทธาที่ออกมาจากภายใน..เพื่อสรรเสริญความยิ่งใหญ่ของพระเจ้า
ยิ่งมนุษย์บรรจงสร้างสรรค์สิ่งใด  
ก็ยิ่งเห็นพลังอำนาจความยิ่งใหญ่ของพระเจ้ามากขึ้นเท่านั้น

การสรรเสริญพระเจ้า..จะมีอยู่ตลอดไป
การสรรเสริญพระเจ้า..จะคงอยู่ตลอดไป


ขอบคุณช่างภาพ don Tommaso

วันอังคารที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2553

ช่วงหลังพักร้อน ๒

วันที่ 19 กันยายัน 2010

เป้าหมายอยู่ที่ San Giorgio  ออกจากตัวเมืองมิลานไปประมานชั่วโมงได้
เพื่อร่วมมิสซาครบรอบ 7 ปี ของครอบครัวหนึ่ง ซึ่งการเดินทางเป็นไปอย่างราบรื่น
และเรียบร้อย..


วัด San Giorgio ซึ่งกำลังบูรณะและซ่อมแซมใหม่ และไม่สามารถเข้าไปถวายมิสซาได้


คพ.ภัคพล  พี่บุญสม  พี่บำรุง (เจ้าภาพ)  พระคุณเจ้าสิริพงษ์  Ferdinando (เจ้าภาพ)  ภารดาเอกมัย  คพ.วิโรจน์   คพ.เอกภพ


พระคุณเจ้าสิริพงษ์เป็นประธานมิสซาสุขสำราญให้กับครอบครัวพี่บำรุง และคณะสงฆ์ไทยก็เข้าร่วม ซึ่งมีคพ. Mikro เจ้าอาวาส เป็นผู้อำนวยความสะดวก


หลังมิสซา..ถ่ายภาพร่วมกันอีกครั้ง..


จากนั้นก็เดินด้วยเท้า...ไปทานอาหารเที่ยงที่ร้านอาหาร..เดินไปกับพระคุณเจ้า (ปลอดภัย)


และพร้อมกันนั้น ก็เดินไปกับภารดาด้วย..ก็ปลอดภัย


ที่ร้านอาหารชื่อ Aurora แปลว่ารุ่งอรุณ 


ก่อนทานอหาร ก็ต้องเรียกน้ำย่อยซะก่อน..โดย Franco เจ้าของร้านบริการพระคุณเจ้าเต็มที่ (เต็มแก้ว)


ช่วงเวลารับประทานอาหาร กิน และดื่ม ไวน์


ช่วงรับประทานอาหาร.. กินและดื่มไวน์ และคุยกัน (ภาษาไทย และภาษาอิตาเลี่ยน)


ก่อนกลับก็ถ่ายภาพ..ไว้เป็นที่ระลึก


ผู้อาวุโสที่อยู่ตรงกลางเป็นปู่ของพี่บำรุง อายุ 92 ปีแล้ว.. ยังเดินได้ กินอร่อย (ไม่หยุด) นอนหลับสบาย..



สร้างภาพอีกซักหน่อย..ก่อนออกเดินทาง


ติดประกาศว่า..พระคุณเจ้าสิริพงษ์จะมาเป็นประธานมิสซา..ติดอยู่ที่ร้านอาหารแห่งนี้..


ขอบคุณพี่บำรุง..ที่ได้เชิญไปร่วมงานครั้งนี้
ขอบคุณพระคุณเจ้า..ที่ได้ทำให้เรามีวันนี้..

ความสุขเกิดขึ้นได้..แม้จะไม่ได้คิดฝันก็ตาม
ความสุขเกิดขึ้นอยู่เสมอ...หากมองด้วยใจสุข
ความสุข..เป็นของคนที่ทำตัวให้สุขเสมอ

ชีวิตยังต้องเดินทางอีกยาวไกล
เก็บความสุข..ในทุกที่ไว้..เผื่อไว้ระหว่างการเดินทาง..


วันอาทิตย์ที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2553

ช่วงหลังพักร้อน


หลังจากกลับมาจากงานอภิบาลตามวัดแล้วในช่วงปิดเทอม
ก็มีหลายสิ่งหลายอย่างที่ได้ทำ..เล็ก ๆ น้อย ๆ
ก่อนที่จะเริ่มปีการศึกษาใหม่

๐๑ กิจกรรมแสดงความยิน
     เป็นโอกาสดี และเป็นโอกาสพิเศษก็เลยพากันมาแสดงความเคารพพระสังฆราชใหม่ที่มาที่กรุงโรม


คพ.วิไลพร (มิสซังลาว) คพ.เอกภพ  พระคุณเจ้าสิริพงษ์ พระคุณเจ้าลือชัย ภารดาเอกมัย  คพ.วิโรจน์


คพ.ภัคพล คพ.เอกภพ  พระคุณเจ้าสิริพงษ์ พระคุณเจ้าลือชัย ภารดาเอกมัย  คพ.วิโรจน์



๐๒ กิจกรรมความเป็นหนึ่งเดียว
มีโอกาสไปกินอาหารญี่ปุ่น เพราะว่ามีสัตบุรุษผู้มีน้ำใจดีเชิญพระสังฆราชทั้งสอง
เราจึงมีโอกาสลิ้มรสอาหารญี่ปุ่นที่แดนมักกะโรนี


โฉมหน้าอาหารจานหนึ่ง ส่วนใหญ่ดิบ ดิบทั้งนั้น



คนไทย..กินอาหารต่างแดน


ของหวาน..ญี่ปุ่น

ขณะรอ..ก็เลยนั่งรอ




ถ่ายภาพกับเจ้าของร้าน..ชาวญี่ปุ่นของจริง


๐๓ กิจกรรมท่องราตรี
๐๓.๑ บันไดสเปน

     หลังรับประทานอาหารญี่ปุ่นเสร็จแล้ว..ก็แยกย้ายกันกลับบ้าน
     จึงเป็นโอกาสดีที่จะได้ท่องราตรี ยามค่ำคืนอีกครั้ง
     จึงเริ่มต้น..ที่บันไดสเปน


มีผู้คนมากมายมานั่ง..ยืน  เดิน  และคุยกัน เพื่อกินบรรยากาศ
ส่วนใหญ่ก็จะเป็นหนุ่มสาวที่รักกัน นักท่องเที่ยว และกลุ่มหนุ่มสาว


สำหรับภาพนี้.. ไม่รู้ว่า ช่างกล้องคิดอะไรอยู่..


มุมนี้ถือว่าเป็นมุมที่เป็นศูนย์กลางก็ว่าได้.. มีหลายคนที่รอคิวที่จะนั่งตรงนี้..เพื่อถ่ายภาพความสวยงาม



ถ่ายคู่กับนางแบบสื้อผ้ายี่ห้อดังซะเลย..


นางแบบคนนี้ก็ใจดีนะ.. ยืนใกล้ ๆ ก็ไม่ได้ว่าอะไร

๐๓.๒ ที่ Piazza Navona
เดินจากบันไดสเปนถึงปิอัสซ่านาโนว่า..ไกลพอสมควร ก็เดินตามถนนหนทาง ซึ่งที่นี่ไม่มีคำว่าเปลี่ยว
เพราะว่า มีนักท่องเที่ยวเดินสวนกันไปมาตลอดเวลา
ที่ปิอัสซ่าราเวนนา เป็นแหล่งรวมศิลปะต่าง ๆ (ไม่มีภาพ)



นี่เป็นน้ำพุที่อยู่ตรงกลางของ Piazza Navona

วัน-คืน มักจะผ่านไปเร็ว จนตามแทบไม่ทัน (ถ้าใครอยากตามก็เหนื่อยหน่อย)
กลางวัน กลางคืน ก็ผ่านไปอีกแล้ว จนเหนื่อยที่จะคิดถึงมัน
มีวันนี้ก็ถือว่า ดีแล้วสำหรับชีวิต
เพื่อสร้าง และทำให้ดีสำหรับชีวิต ในหน้าที่ ในความรับผิดชอบ

ก็อย่างว่านั่นแหละ.. แต่ละวันก็มีเวลาของแต่ละวัน
และแต่ละคนก็มีเวลาของแต่ละคน..
ทำให้ดี..ดี.. และดี..ก็ดีแล้ว



วันพุธที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2553

วันสุดท้าย Belforte del Chienti


วันสุดท้ายสำหรับช่วงเวลาปิดเทอม 3 เดือน
ก่อนจะเดินทางกลับโรมเพื่อไปเรียนศึกษาวิชาการตามทางของตนเอง
ผมกับคุณพ่อภัคพลได้ร่วมกันถวายมิสซาบูชาขอบพระคุณร่วมกันบรรดาซิสเตอร์และสัตบุรุษ


เริ่มต้นด้วยพิธีมิสซาบูชาขอบพระคุณ..ตามเวลาปกติของวัน

ภาคเริ่มพิธี


ภาคพระวาจา

(คพ.ภัคพลอ่านพระวรสาร)

ภาคถวาย

(ครอบครัวคุณสมศักดิ์..นำของถวาย)




ภาคขอบพระคุณ



ภาครับศีลมหาสนิท


ถ่ายภาพร่วมกับครอบครัวของ Franco,Maria



การอำลาด้วยรอยยิ้ม..

มีการมอบของที่ระลึกให้กับครอบครัวคุณสมศักดิ์


ดูเอาเอง..ว่าใครเป็นใคร
ถ้าไม่รู้ว่าใครเป็นใคร
ก็ไม่ต้องถามว่า..ใครเป็นใคร


คงเหลือแค่รอยยิ้มและความสุข
ยิ้มเห็นฟันบ้าง ไม่เห็นฟันบ้าง..แต่ก็มีความสุข


นี่แหละชีวิต..
เป็นการจากกันไปเพื่อเริ่มต้นใหม่..ในแต่ละชีวิตของเรา ในแต่ละหน้าที่ของเรา
ทุกคนมีหน้าที่ที่ต้องสร้างสรรค์ 
ทุกคนมีความรับผิดชอบที่ต้องทำให้เต็มที่

สิ่งที่ผ่านมา..
กลายเป็นประสบการณ์ส่วนบุคคลที่ไม่มีใครสามารถเข้าถึงได้
ประสบการณ์กลายเป็นชีวิต
ประสบการณ์กลายเป็นความทรงจำ
ประสบการณ์กลายเป็นสิ่งที่มีคุณค่า
ประสบการณ์จะย้อนกลับมาดังเดิมในประสบการณ์ใหม่

ขอบคุณทุกประสบการณ์ที่ดี
เพื่อสร้างสรรค์สิ่งที่ดี
และก้าวเดินต่อไป...