BLOGGER TEMPLATES AND TWITTER BACKGROUNDS

วันศุกร์ที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2553

เดินยามราตรี..หลังคริสตมาส 2010

สถานที่ ๔ ที่ร้านขายไอศกรีม

พากันกินไอศกรีมในสภาพอากาศ ๖ องศา.. เพราะอยากจะท้าทายความหนาวและความเย็น
ไอศกรีม..ไม่ละลายเลย เพราะความเย็น
หน้าของแต่ละคนก็ไม่ละลายเลย.. เพราะความเย็น..
กินอย่างไม่อายใคร.. กินอย่างแซบ  แซบ..

มีความสุขคนละแบบ มีลีลาคล้าย ๆ กัน..แต่ มีความแตกต่าง...


ไอศกรีมก้อนใหญ่ ๆ ราคาแค่ ๓ ยูโร เท่านั้นเอง


ลีลาการกินไอศกรีมของแต่ละคน.. 





















ร่วมกับสาว สาวขายไอศกรีม



ความหนาวเย็น..ไม่เป็นอุปสรรคสำหรับการกินไอศกรีมพิเศษ
ความสุข
ความยินดี
ความสนุกสนาน
ความเป็นหนึ่งเดียว

สำหรับเรา...ก็คงเป็นประสบการณ์คริสตมาส.. สุดท้ายแล้ว..จริง ๆ



วันพฤหัสบดีที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2553

เดินยามราตรี..หลังคริสตมาส 2010

วันที่ ๒๘ ธันวาคม ๒๐๑๐

มีเป้าหมายอยู่ที่ Piazza del Popolo เพื่อที่จะเข้าไปดู 100 presepi
เมื่อได้เวลา..ก็ออกเดินทางไปยังเป้าหมายที่ตั้งใจ และนัดกันไว้..

สถานที่ ๑ ที่ร้านขายตุ๊กตา..

มีตุ๊กตามากมาย น่ารัก และสวย งามทั้งนั้น จึงอดใจไม่ได้ที่จะเก็บไว้เป็นที่ระลึก
มีเงินไม่พอ.. ไม่ได้ครอบครอง.. แค่เคียงข้างก็พอแล้ว..

มีความสุขกับการเคียงข้าง..เล็ก ๆ น้อย ๆ















สถานที่ ๒  ที่ห้องโชว์เปรเซปี 

ไม่ให้ถ่ายภาพด้านใน.. จึงเก็บไว้ได้แค่ป้านด้านนอก.. บ่งบอกว่า มาเบิ่งแล้วเด้อ..
ค่าบัตรเข้าชมก็ ๕.๕๐ ยูโรฯ

ดูข้างในแล้วประทับใจมาก.. เพราะจากวัสดุพื้นบ้านบวกกับแนวความคิดสร้างสรร.. ได้เล่าเรื่องราว
การบังเกิดมาของพระเยซูเจ้า และองค์ประกอบต่าง ๆ สวยงาม..


สถานที่ ๓ บริเวณลานปิอัสซ่าโปโปโล

ความหิว ไม่เคยปรานีใคร..และไม่เคยเลือกสถานที่ทำอะไรก็ได้เมื่อหิว..
เช่นเดียวกัน.. กลุ่มคนกลุ่มหนึ่งกำลังหิว..และกำลังทำอะไรก็ไม่รู้..โดยไม่แคร์สายตาชาวต่างชาติ..
สิ่งที่พวกเขาทำก็คือ จ๊กข้าวเหนียว คุ๊ย กับ ปนปลา..

ตอนนี้ยังยิ้มได้.. ต่อไปก็ยิ้มไม่ได้แล้ว..


แต่..ต่อมานี้..มือใครมือมัน ปั้นใครปั้นมัน ปากใครปากมัน..ใครกินก็อิ่ม..ใครยิ้มเฉย ๆ ก็อด



ไม่รู้ว่ามือใคร เป็นมือใคร หรือ มือใครกันแน่...


คงไม่ต้องบอกว่า ...แซบอีหลี  แซบขนาดไหน???


นี่แค่จุดเริ่มต้นของการเดินท่องเที่ยว ท่ามกลางบรรยากาศอันหนาวเหน็บ ซึ่งก็ไม่เท่าไหร่หรอก
แค่ ๖ องศา เท่านั้นเอง... ยังไปไหนมาไหน ยังทำได้หลาย ๆ อย่าง  และยังมีความสุข..


สุขแค่วันเดียว..
สุขแค่นี้..
สุขแค่ไหน??
สุขแค่ใจ..
ก็ขอแค่สุขใจก็พอแล้ว...



วันศุกร์ที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2553

สุขสันต์วันคริสต์มาส

วันที่ ๒๔ ธันวาคม ๒๐๑๐

บรรยากาศทั่ว ๆ ไปที่กรุงโรม ในค่ำคืนก่อนสมโภชพระคริสตสมภพ
มีผู้คนมากมาย..หลั่งไหลมาสู่ลานมหาวิหารนักบุญเปโตร..เพื่อเข้าร่วมพิธีมิสซาบูชาขอบพระคุณ
ร่วมกับพระสันตะปาปา..

ปีนี้ไม่ได้เข้าไป..เพราะว่าไม่มีตั๋ว และอยากจะสัมผัสบรรยากาศรอบ ๆ บ้าง
และก็เช่นเคย..ฝนตก..ลงมาตามปกติ และตามธรรมประเพณี.. แต่ก็ไม่ใช่อุปสรรค
สำหรับผู้มีความเชื่อ และตั้งใจจริง..

นี่คือ เครื่องตรวจสิ่งของที่ต้องข้าม..ก่อนเข้าข้างในเพื่อร่วมมิสซาฯ




เวลานี้ ประมาณสามทุ่มกว่า ๆ ก็ยังมีผู้คนอีกมากที่ต้องเข้าแถวเพื่อเข้าไปข้างไปมหาวิหาร
และตอนนี้ฝนก็ตกด้วย..



ที่ตรงนี้..สำหรับผู้ที่ไม่มีบัตรที่จะเข้าข้างในมหาวิหาร..


มีเพียงเก้าอี้เท่านั้น


นี่คือ จอภาพขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ที่ลานมหาวิหาร ซึ่งมีอยู่ 3 จุดใหญ่ ๆ ด้วยกัน


ผู้คนก็ยังคงอยู่หน้าลานมหาวิหารเพื่อเก็บบรรยากาศต่าง ๆ


นี่คือ กลุ่มนักขับร้องประสานเสียงอิสระ.. ซึ่งรวมกลุ่มกันมาขับร้องที่หน้าลานมหาวิหาร
เพื่อสร้างบรรยากาศค่ำคืนแห่งความชื่นชมยินดี..



มองไปทางซ้ายหรือขาว.. ก็ยังมีผู้คนมากมาย




ความชื่นชมยินดี
ความสุข
ความหวัง
ความดี
ความรัก
ไม่ได้มาจากมนุษย์..
มาจากพระเจ้าผู้ทรงเป็นความรัก..

ความรักของพระเจ้ากลายเป็นความจริงในองค์พระเยซูเจ้า
ความรักที่แท้จริง
ความรักที่ไม่หวังสิ่งใด ความรักที่ไม่ต้องพูด
เพราะทุกชีวิตและการกระทำเป็นความรัก


สุขสันต์วันคริสตมาส 2010

Il presepio ที่วาติกันจัดได้สวยงามมาก
จัดไว้ที่ลานหน้ามหาวิหารนักบุญเปโตร...ผู้คนมากมายมาชมในความสวยงาม
และในความคิดสร้างสรรค์ของผู้ที่ออกแบบ..











ช่วงเวลานี้ยังไม่มีพระกุมารนอนในรางหญ้า.. เพราะว่า พระกุมารยังไม่ได้ลงมาบังเกิด







ต้นคริสต์มาสที่สุงและสง่างาม ประดับด้วยไฟที่หลากหลาย..



ความสุขของผู้คน..ออกมาจากใจ แสดงสู่ภายนอก
ความสุขที่มาจากหัวใจ.. นำทางเท้าของเราเดินเข้ามาหาพระเยซูเจ้า
ความสุขที่มาจากหัวใจ..ไม่มีคำว่าเจ็บปวด.. แม้จะทนทุกข์ทรมานก็ตาม

วันพฤหัสบดีที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2553

มิสซาคริสตมาสคนไทยในโรม ๒๐๑๐

ประสบการณ์แห่งความชื่นชมยินดี..ในเทศกาลแห่งความชื่นชมยินดี
เทศกาลแห่งการบังเกิดมาของพระบุตรของพระเจ้า.. พระวาจาทรงรับเอาเนื้อหนังเป็นมนุษย์..
คนไทยในโรม..ร่วมกันเฉลิมฉลองความชื่นชมยินดี..ร่วมแบ่งปันความสุข..แก่กันและกัน
ร่วมกัน รวมกัน ที่หอไอริส..สถานที่แบ่งปันความสุข

ในพิธีมิสซาบูชาขอบพระคุณ..เป็นการรื้นฟื้นธรรมล้ำลึกของพระเยซูเจ้า..
ในศีลมหาสนิทเป็นการประทับอยู่ของพระองค์...



เสร็จพิธีมิสซาฯ.. เห็นว่า ภาพเบื้องหลังสวยงาม..ก็เก็บไว้เป็นที่ระลึก..





















ความรักของพระเจ้าที่ให้แก่เรามนุษย์...ไม่มีวันหมดอายุ..ไม่มีวันตายจริง ๆ
ความรักของพระเจ้าส่งให้กับมนุษย์..ไม่มีวันที่จะไม่งอกงามและบังเกิดผล
ความรักของมนุษย์ในตัวมนุษย์..มาจากพระเจ้า
ความรักของมนุษย์..ไม่มีวันตาย..แม้คนนั้นจะตายก็ตาม..






เทศกาลคริสต์มาสในโรม 2010

วันที่ ๑๘ ธันวาคม ๒๐๑๐

กิจกรรมสงฆ์ไทยในโรม..เริ่มต้นเทศกาลแห่งความชื่นชมยินดี
สงฆ์ไทย ครูคำสอน และฆราวาสจำนวนหนึ่ง
ไปคำนับมาแมร์..ร้องเพลงอวยพร.. รับประทานอาหารร่วมกัน.. รับฟังโอวาท..
เป็นการแบ่งปันความสุข ความชื่นชมยินดีแก่กันและกัน..



มาแมร์ให้โอวาท..

"การทำให้พระวาจาของพระเจ้าเป็นจริงในชีวิตนั้น เป็นสิ่งที่สำคัญ และสิ่งสำคัญก็คือ
พระวาจานั้นอยู่ในตัวของพวกเราแต่ละคนแล้ว..."


ภาพทั่ว ๆ ไปกับงานศิลปะ



ถ่ายภาพร่วมกัน และรวมกัน




ขับร้องเพลงคริสต์มาส และเพลงปีใหม่..
ส่งความสุขและความชื่นชมยินดี..ในครอบครัวของคนไทย..สีด้วยกัน



ชีวิตของเราแต่ละคนเป็นพระวาจาของพระเจ้าที่จะต้องหยิบยื่น..สิ่งที่มี สิ่งที่เป็น
ตามความสามารถ ตามพรสวรรค์ของตน เพื่อกันและกัน
เหมือนพระเยซูเจ้าได้มอบสิ่งที่พระองค์มีเพื่อเราทุกคน นั่นคือ พระองค์มีชีวิต
และพระองค์ให้ชีวิตของพระองค์เพื่อเรา..  เราล่ะ..เรามีชีวิต..เราให้คนอื่นได้หรือ??



วันพุธที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2553

ต้นคริสต์มาส กรุงโรม 2010

สัญลักษณ์อย่างหนึ่งของเทศกาลแห่งความชื่นชมยินดีและความรัก ก็คือ
ต้นคริสต์มาส ซึ่งแต่ละประเทศก็จะมีการประดับประดาที่แตกต่างกันไปตามธรรมประเพณี
และตามภูมิประเทศของตน..

แต่ที่แน่ ๆ เทศกาลคริสตมาสต้องมีต้นคริสตมาส...


ต้นคริสตมาสที่ Termini




สังเกต..จะมีการ์ดคริสตมาสที่ผู้คนผ่านไปผ่านมาเขียนแล้วก็ไว้...



การประดับประดาที่ Piazza Venezia












ต้นคริสตมาสตามหน้าร้านต่าง ๆ



ในร้านขายตุ๊กตาแห่งหนึ่ง.. ต้นคริสตมาสประดับด้วยตุ๊กตา





ต้นคริสตมาสที่หอน.เปโตร





ต้นไม้..มีความหมาย และเป็นสัญลักษณ์ที่สำคัญในโลก
รวมทั้งในโลกของพระคัมภีร์ด้วย..
ตั้งแต่การเริ่มสร้างโลก...มีต้นไม้แห่งชีวิต และต้นไม้แห่งรู้ดีรู้ชั่ว
โมเสสได้สัมผัสกับพระเจ้า..ต้นไม้ไหม้ไฟ แต่ไม่ไหม้ไป..
และสุดท้าย.. บนกางเขน..ตรีงพระเยซูเจ้า..