BLOGGER TEMPLATES AND TWITTER BACKGROUNDS

วันศุกร์ที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2554

คริสต์มาสที่บ้านเณรท่าแร่ 2011

วันที่ 22 ธันวาคม 2011
บ้านเณรฟาติมา ท่าแร่ จัดให้มีการเฉลิมฉลองคริสต์มาสประจำปีขึ้น
เพื่อเป็นการฉลองการบังเกิดมาของพระเยซูเจ้าท่ามกลางบรรดาผู้ที่เตรียมตัว
ฝึกฝนตนเองในการเป็นผู้รับใช้ของพระองค์

พร้อมกันนี้ ยังเป็นการฉลองครบ 50 ปีของการเป็นสงฆ์ ของคุณพ่อเสงี่ยม ดีศรีวรกุล
อีกด้วย ซึ่งทางบ้านเณรจัดขึ้นเพื่อเป็นการย้ำให้เห็นถึงคุณค่าของชีวิตพระสงฆ์
ผู้ซึ่งดำเนินชีวิตในเส้นทางแห่งการเป็นสงฆ์ ยังอยู่ได้จนถึงทุกวันนี้ ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่าย

ในปีนี้ การจัดการเฉลิมฉลอง เป็นการฉลองที่เรียบง่าย
เริ่มต้นด้วยพิธีมิสซาบูชาขอบพระคุณ
หลังจบมิสซา ก็กินเนื้อย่าง...และเนื้อจุ่ม
อย่างเอร็ดอร่อย และแซบ แซบ..

























คุณพ่อเสงี่ยม กล่าวในตอนหนึ่งว่า 
ท่านเป็นคนที่มีความศรัทธาต่อนักบุญเทเรซาแห่งพระกุมารเยซู
นักบุญองค์นี้ เป็นองค์อุปถัมภ์ของมิสซัง และเป็นนักปราชญ์ แห่งพระศาสนจักร
ท่านไม่ได้กระทำสิ่งใหญ่โตอะไร
ท่านอยู่ในอาราม แต่หัวใจท่านนั้นยิ่งใหญ่
ท่านบอกว่า เสียดายที่ไม่ได้เกิดมาเป็นผู้ชาย เพราะสามารถบวชเป็นพระสงฆ์ได้
ท่านอยากออกไปทำงานแพร่ธรรม ประกาศศาสนา

แต่..สิ่งที่ท่านทำนั้น เล็ก เล็ก น้อย น้อย แต่ยิ่งใหญ่
มีครั้งหนึ่งเพื่อน ๆ ซิสเตอร์ในอารามด้วยกันขณะที่ซักผ้าอยู่นั้น น้ำกระเด็นใส่หน้า
ของน.เทเรซา ในใจท่านก็โมโห โกรธเหมือนกัน แต่ท่านก็ได้ถวายความโมโหนี้เพื่อ
งานแพร่ธรรมของบรรดามิสชั่นนารี

ในเรื่องการกินอาหาร 
อาหารอะไรที่ดีดี อร่อยอร่อย ท่านจะให้เพื่อน ๆ กินเสมอ ส่วนท่านนั้นเลือก
ในสิ่งที่ไม่ค่อยอร่อยนัก เพื่อเป็นการพลีกรรม สำหรับงานแพร่ธรรมของพระศาสนจักร

นี่คือสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ออกมาจากใจ..


คุณพ่อเสงี่ยมพูดอีกว่า อยากให้สามเณรมีความศรัทธาต่อนักบุญเทเรซา
และเลียนแบบชีวิตของท่าน..



วันอาทิตย์ที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2554

ฉลองบุญราศีสองคอน 2011

ค่ำคืนของวันที่ 16 ธันวาคม 2011
เป็นค่ำคืนก่อนเฉลิมฉลองบุญราศีทั้ง 7 แห่งสองคอน
ผู้ซึ่งสละชีวิตของตนเอง เพื่อเทิดเกียรติแด่พระเจ้า
และยืนยันความเชื่อด้วยเลือด และด้วยชีวิตของท่าน ในฐานะที่เป็นคริสตชน

จากชาวบ้านซื่อ ซื่อ ธรรมดา ธรรมดา ไม่มีการปรุงแต่งชีวิตให้ทันสมัย
จากชาวบ้านที่ดำเนินชีวิตเรียบง่าย แต่เข้มแข็ง
เต็มเปี่ยมด้วยพละแห่งความเชื่อ ความศรัทธาต่อพระเจ้า
กลายเป็นผู้นำทางความเชื่อ
กลายเป็นพยานให้กับคนยุคนี้
กลายเป็นผู้ที่เด่นชัดต่อหน้าพระเจ้าและมนุษย์

ชีวิตที่เป็นพยานด้วยเลือด..
หากภายในไม่เข้มแข็งพอ..จะทำได้หรือ?
หากภายในจิตใจหวาดกลัว..จะไหวหรือ?
หากความหนักแน่นในจิตวิญญาณไม่มากเหลือ..จะยอมหรือ?

ต่อหน้าความตาย
ต่อหน้ากระบอกปืน
ต่อหน้าการพิพากษา
ต่อหน้าพระเจ้า

ความเข้มแข็งมาจากไหน?
ความกล้าหาญมาจากที่ใด?
ใครเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง การหลั่งเลือดนี้..?

พระเจ้าและมนุษย์ทำงานอย่างสอดคล้องกัน
พระเจ้าประทานพระหรรษทานให้
มนุษย์ตอบรับด้วยความยินดี..





  










การเป็นมรณะสักขี
เป็นความสมบูรณ์ระหว่างมนุษย์และพระเจ้า
เป็นความกลมกลืนระหว่างมนุษย์และพระเจ้า
เป็นความสอดคล้องระหว่างมนุษย์และพระเจ้า


วันพฤหัสบดีที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2554

เข้าเงียบสงฆ์เดือนธันวาคม 2011

วัน 7-8 ธันวาคม 2011 เป็นวันเข้าเงียบประจำเดือนของพระสงฆ์มิสซังท่าแร่ฯ
เทศน์ โดย คุณพ่อวีระชัย  อุตะมะชะ
หัวเรื่องในการเทศน์คือ   "พระสงฆ์ตายเป็นไหม?"





แน่นอนว่า พระสงฆ์ก็เป็นคนคนหนึ่ง ย่อมฝืนธรรมชาติของการมีชีวิตไม่ได้
แน่นอนว่า เมื่อมีคนเกิด ย่อมมีคนตาย เกิดเท่าไร ตายเท่านั้น เกิดสิบ ตายสิบ เกิดร้อย ตายร้อย

หลายต่อหลายคน ไม่อยากตาย และจะไม่ยอมตายด้วย
แม้แต่พระสงฆ์เราหลายท่าน ก็ไม่อยากจะตาย และไม่ยอมแก่ นั่นคือ เมื่อผมมีสีขาว ก็พยายาม
แสวงหาวิธีให้มันดำอยู่เสมอ  หลายท่านเส้นผมน้อย ก็พยายามแสวงหาหนทางที่จะให้ผมดกดำ
หลายคนไม่อยากจะไปอยู่บ้านซีเมออน เพราะไม่อยากขึ้นบัญชีว่า แก่ ชรา..

ความจริงแล้ว ความตายสำหรับเราคริสตชนไม่ใช่เรื่องที่น่ากลัว
แต่ตามธรรมชาติของเรา  เราก็กลัว
เพราะความตายเป็นการเปิดไปสู่ีชีวิตใหม่   แต่หลายคนชอบชีวิตนี้มากกว่า
ความตายจะเกิดขึ้นกับทุกคนไม่ว่า ใครจะแก่หรือหนุ่ม 
และที่สำคัญเราไม่รู้ว่า ความตายจะมาถึงเราวันไหน??

หลายคนพยายามฉลองวันเกิดให้กับตัวเอง ร้องเพลง อวยพร ให้มีอายุยืน
สิ่งหนึ่งที่น่าคิด ในการฉลองวันเกิด ก็คือ ความตาย
น่าจะเปลี่ยนจาก Happy Birth day เป็น Happy Death day

เราว่า ทุกปีเราก็เดินทางเข้าไปใกล้ความตายทุกขณะ

ความตายกับพระคริสตเจ้า 
ความตายไม่มีความหมายสัำหรับพระองค์ เพราะพระองค์ทรงชนะความตาย
ด้วยการกลับคืนพระชนมชีพ.. ตายแต่ไม่ตาย ตาย แต่มีชีิวิต..




วันพฤหัสบดีที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2554

วันพ่อ.. ที่ซ.ย. ท่าแร่

วันพฤหัสบดี ที่ 1 ธันวาคม 2011

ได้รับมอบให้เป็นตัวแทนจากคุณพ่ออธิการบ้านเณร..ให้ลงไปเป็นประธานในวจนพิธีกรรม
เนื่องในวันพ่อแห่งชาติที่โรงเรียนเซนต์โยเซฟ ท่าแร่..
ในเมื่อเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้..เพราะไม่มีใครว่าง ก็เลยต้องไป..
ก็มีประธานฝ่ายสงฆ์  และมีประธานฝ่ายรัฐด้วย เพื่อมาประกอบพิธีในวันนี้

เริ่มต้นด้วย วจนพิธีธรรม
จากนั้น ก็เป็น รัฐพิธี
และก็มีการแสดงต่าง ๆ มากมาย
ในแต่ละระดับชั้น มีขับร้องประสานเสียงอีกด้วย

สิ่งสำคัญที่ผู้เป็นประธานฝ่ายรัฐได้ให้โอวาทก็คือ
ความสำคัญของการเป็นพ่อและแม่
ความสำนึกของการเป็นลูก

จากนั้น ก็มีการกราบพ่อด้วย..






นี่คือผลงานที่บรรดาลูก ๆ เณรมาติดให้..
หลายคนเข้ามากราบ..ไหว้
ก็รู้สึกถึงความเป็น..พ่อ เหมือนกัน

ลูกทั้งหลาย จงฟังข้าพเจ้าซึ่งเป็นบิดาของท่านเถิด
            ถ้าท่านทำเช่นนี้ ท่านจะรอดพ้น
            องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงปรารถนาให้บิดาได้รับเกียรติจากบุตร
            ทรงกำหนดให้มารดาได้รับความเคารพจากบุตร
            บุตรที่ยำเกรงบิดาก็ชดเชยบาปของตน
            บุตรที่ให้เกียรติมารดาก็เหมือนกับสะสมทรัพย์สมบัติไว้
            ผู้ที่ยำเกรงบิดาก็มีความสุขจากบุตรของตน
            เมื่อเขาอธิษฐานภาวนา พระเจ้าก็จะทรงฟังเขา
            บุตรที่ให้เกียรติบิดาจะมีอายุยืน
            บุตรที่เชื่อฟังองค์พระผู้เป็นเจ้าจะทำให้มารดาชื่นใจ
            ผู้ยำเกรงองค์พระผู้เป็นเจ้าย่อมให้เกียรติแก่บิดา
            เขารับใช้บิดามารดาเหมือนรับใช้เจ้านาย
            จงให้เกียรติบิดาด้วยกิจการและวาจา
            เพื่อพรจากบิดาจะได้ลงมาเหนือท่าน
            พรของบิดาทำให้บ้านเรือนของบุตรมั่นคง
            แต่คำสาปแช่งของมารดาย่อมถอนรากฐาน
            อย่าภูมิใจเมื่อบิดาของท่านต้องอับอาย
            เพราะความเสื่อมศักดิ์ศรีของบิดาไม่เป็นเกียรติแก่ท่าน
            เกียรติของมนุษย์ย่อมมาจากเกียรติของบิดา
            และความอับอายของมารดาก็เป็นความอับอายของบุตรด้วย
            ลูกเอ๋ย จงดูแลบิดาของท่านในวัยชรา
            อย่าให้เขาเศร้าโศกตลอดชีวิต
            แม้สติปัญญาของบิดาจะเสื่อมลง ก็จงสงสารเขา
            อย่าดูหมิ่นเขาขณะที่ท่านยังแข็งแรงอยู่
            เพราะพระเจ้าจะไม่ทรงลืมความเมตตาของท่านต่อบิดา
            พระองค์จะทรงนับว่าความเมตตานั้นเป็นการใช้โทษบาปของท่าน
            เมื่อท่านตกทุกข์ได้ยาก พระเจ้าจะทรงระลึกถึงท่าน
            บาปของท่านจะสลายไปดุจน้ำแข็งละลายเมื่อถูกแสงแดด
            บุตรที่ละทิ้งบิดาก็เหมือนผู้กล่าวดูหมิ่นพระเจ้า
            บุตรที่ทำให้มารดาเสียใจ จะถูกองค์พระผู้เป็นเจ้าสาปแช่ง
                                                                                                                          
                                                                                                                  บสร 3:1-16