BLOGGER TEMPLATES AND TWITTER BACKGROUNDS

วันศุกร์ที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

Basilica di San Antonio di Padova

ผ่านไปผ่านมาทุกวันที่ไปเรียน
แต่ไม่เคยเข้าไปสวดภาวนาข้างในสถานที่แห่งนี้เลย
วันนี้..มีโอกาสดี.. จึงเข้าไปสวดภานา ขอพรจากพระ




ภายในโบสถ์แห่งนี้


ภายในห้องเล็ก ๆ ก็เป็นวัดน้อยสำหรับสวดภาวนา

จะมีรูปปั้นของท่านนักบุญกับบรรดาเด็ก ๆ


ด้านข้างผนังก็จะเป็นภาพวาดเรื่องราวเกี่ยวกับอัศจรรย์ที่ท่านได้กระทำ



ด้านข้างของโบสถ์..ก็จะมีแท่นมากมายทั้งสองด้าน
ซึ่งด้านบนจะเป็นภาพวาดเรื่องราวต่าง ๆ ของท่านนักบุญ











นักบุญเป็นแบบอย่างแก่เราในการดำเนินชีวิต
นักบุญเป็นเป้าหมายของเราคริสตชนที่จะต้องเดินทางไปให้ถึง
นักบุญเป็นผู้ที่ดำเนินชีวิตเหมือนอย่างเรา.. แต่ดำเนินชีวิตโดยมีพระเจ้าเป็นศูนย์กลาง
นักบุญมีชีวิตมิใช่เพื่อตัวเอง.. แต่เพื่อพระเจ้า

ท่านนักบุญอันตนแห่งปาดัว  ช่วยวิงวอนเทอญ

วันอาทิตย์ที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

Basilica di Santa Croce in Gerusaleme

โบสถ์แห่งนี้..เป็นอีกสถานที่หนึ่งที่มีความเป็นมาทางประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจ





 


นี่คือ ภาพอีกห้องหนึ่งด้านขาวมือ..ซึ่งเมื่อเข้าไปข้างในก็จะพบเช่นนี้





 ด้านบนเพดานของห้องนี้


 นี่เป็นภาพ..พระเยซูเจ้าตรงกลางและผู้นิพนธ์พระวรสารทั้งสี่ล้อมรอบ


นี่น่าจะเป็นภาพของพระนางเอเลนา


นี่คือ นักบุญเปโตร


นี่ก็คือ นักบุญเปาโล

และด้านข้างของโบสถ์แห่งนี้ก็จะมีภาพวาดต่าง ๆ 




 


ด้านซ้ายมือก็จะมีอีกห้องหนึ่ง..





ความศรัทธาที่มาจากหัวใจ..
สามารถสร้างสิ่งที่มนุษย์เรียกว่า เป็นไปไม่ได้
สามารถเรียกใหม่ว่า เป็นไปได้...

วันอาทิตย์ที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

ธรรมชาติของความรัก




ธรรมชาติของความรัก
คือ การเปิดตัวเองออกไปสู่บุคคลอื่น บุคคลรอบข้าง
ความรักจะสมบูรณ์ไม่ได้.. หากไม่ได้มุ่งไปสู่บุคคลอื่น
ความรักจะสมบูรณ์ไม่ได้..หากไม่ได้พบปะกับบุคคลอื่น
การหันหน้าไปหาคนอื่นหมายถึงการบอกว่าผมรักคุณ

ธรรมชาติของความรัก
ไม่ใช่การปิดตัวเอง ไม่ใช่อยู่เพื่อตัวเอง
แต่เป็นการแบ่งปัน สร้างความรักในความสัมพันธ์กับบุคคลอื่น

ธรรมชาติของความรัก
เคารพในความรักของบุคคลอื่น
วางใจในความรักของบุคคลรอบข้าง

ธรรมชาติของความรัก
ให้..รัก   รับ..รัก
เก็บ..รัก  แบ่งปัน..รัก

ธรรมชาติของความรัก
ไม่ใช่การหันเข้าหาตัวเอง
ยิ่งหันเข้าหาตัวเอง ความรักก็ยิ่งจะมอดดับไป
ที่สุดกลายเป็นความเห็นแก่ตัว

ธรรมชาติของความรัก
ไม่ทำอันตรายทั้งต่อตัวเองและบุคคลรอบข้าง
ตรงกันข้ามกลับสร้างความเป็นหนึ่งเดียวกันกับทุก ๆ คน

ธรรมชาติของความรัก
นำทุกคนไปสู่ความสมบูรณ์
นำทุกคนมุ่งไปสู่ความรักสูงสุด

ธรรมชาติของความรัก
ตายต่อตัวเอง ละลายตัวเอง เพื่อสร้างความรักที่ยิ่งใหญ่กว่า

ธรรมชาติของความรัก
ไม่นิ่งเฉย หรือ อยู่กับที่
แต่..เป็นการขับเคลื่อนที่ตลอดเวลา

เช่นเดียวกับความรักของพระเจ้า
ที่แบ่งปันมาสู่มนุษย์ด้วยการสร้างมนุษย์ให้เหมือนกับภาพลักษณ์ของพระองค์

เช่นเดียวกับครอบครัว
ที่แบ่งปันความรักแก่กันและกันด้วยการให้กำเนิดบุตรขึ้นมา

สุขสันต์...ความรัก...


วันเสาร์ที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

วาเลนไทน์..ได้ หรือ เสีย??

ใครได้..ใครเสีย.. หรือ ต่างฝ่ายต่างได้ หรือ ต่างฝ่ายต่างเสีย???





หนุ่มสาวหลายคู่ต่างคิดว่า วันวาเลนไทน์ต้องได้รับความรัก
หรือคิดว่า วันวาเลนไทน์ต้องมอบความรัก
ความรัก..ตามประสาหนุ่ม ๆ สาว ๆ
ไม่เกี่ยวกับครอบครัว..
ไม่เกี่ยวกับพ่อแม่..
ไม่เกี่ยวกับสังคม..
ไม่เกี่ยวกับศีลธรรมจริยธรรม..
ไม่เกี่ยวกับศาสนา..
เพราะเป็นเรื่องของสองเรา..
..คิดเช่นนี้..ไม่ถูกต้อง..

ทั้ง ๆ ที่วันวาเลนไทน์เป็นวันแห่งความรัก..
มอบความรัก  เผื่อแผ่ความรัก..
แบ่งปันความรัก..ที่บริสุทธิ์
ความรักที่จริงใจ..
ความรักที่เคารพ..ให้เกียรติซึ่งกันและกัน
ความรักที่...สร้างความดีในสังคม

ทั้ง ๆ ที่วันวาเลนไทน์เป็นวันแห่งความรัก..
ไม่ใช่การกอบโกย..แสวงหาความพึงพอใจ
ไม่ใช่..การได้  หรือ การเสีย..คุณค่าของตัวเอง
ไม่ใช่..การเรียกร้อง ถ้ารักกันจริง..ก็ต้องยอมทุกอย่าง แม้แต่ร่างกายของตน
ไม่ใช่..เงื่อนไข.. ถ้าไม่ยอม..แสดงว่าไม่รักกันจริง

ทุกวันนี้..
หนุ่มสาว..
มองดูความรัก..เป็นเรื่องไร้สาระ
มองดูความรัก..เป็นเรื่องนามธรรม..กินไม่ได้
มองดูความรัก..เป็นเรื่องของฉัน
มองดูความรัก..แฝงด้วยผลประโยชน์
มองดูความรัก..เป็นเรื่องความพึงพอใจ..

สิ่งเหล่านี้..เป็นการลดระดับคุณค่าของความรัก..เหลือแค่ความใคร่
สิ่งเหล่านี้.. บั่นทอนความรักลงเหลือเพียงแค่..ความพอใจ
สิ่งเหล่านี้..ดึงความรักลงสู่ระดับของอารมณ์ความรู้สึก..

คุณอยากได้ภรรยาที่เกิดมาจากอารมณ์และความรู้สึกหรือ??
คุณอยากได้สามีที่เกิดมาจากการตอบสนองความต้องการของตัวเองหรือ??
คุณอยากมีครอบครัว..ที่ไม่ได้เกิดมาจากความรักหรือ??
คุณอยากอยู่ด้วยกันเพียงแค่..ความต้องการทางร่างกาย
หรือการตอบสนองต่อความต้องการทางเนื้อหนังเท่านั้นหรือ??

ได้ความสุขเพียงแค่ข้ามวัน
แต่เสียคุณค่าและศักดิ์ศรีไปจนตลอดชีวิต..

คุณค่าของตัวเอง..รักษามาจนถึงวันนี้
ใช้เวลานานแสนนาน..
แต่ต้องมาสูญเสียไป..เพียงแค่อารมณ์ชั่วขณะ
มันไม่คุ้มกันเลย..


สำหรับ..คริสตชน..
ความรักเป็นเรื่องของความสวยงาม
ความรักเป็นความดี
ความรักเป็นความบริสุทธิ์

หนุ่มสาวคริสตชน...
พึงรักษาตัวและจิตใจ
พึงรักษาร่างกายและจิตวิญญาณ
ให้บริสุทธิ์เสมอ..เพื่อความรักที่แท้จริง

จะต้องมองความรักเป็นเหมือนกับการให้เกียรติซึ่งกันและกัน
จะต้องเข้าใจความรักเป็นการเคารพในคุณค่าของกันและกัน
และยึดมั่นในศักดิ์ศรีของร่างกายของตนและคนอื่น
ต่างฝ่ายต่างเคารพและให้เกียรติกัน
นั่นแหละจุดเริ่มต้นของชีวิตครอบครัวคริสตชน...


วันพฤหัสบดีที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

คิด...วันวาเลนไทน์




วันวาเลนไทน์ คุณคิดอะไรอยู่??

คำถามนี้เล็งไปที่บรรดาวัยรุ่น  บรรดาหนุ่มสาว
บรรดานักเรียน บรรดานิสิตนักศึกษาตามรั้วมหาลัยต่าง ๆ
หรือชายโสด หญิงโสดทั้งหลาย...

วันวาเลนไทน์ คุณคิดจะทำอะไร??

คำตอบคงจะอยู่ในความคิดของตนเอง
แต่อยากจะให้คำตอบนี้อยู่ในหัวใจของเรามากมาก
เพราะหากคำตอบมาจากความคิด..แล้วก็จะผ่านไป
แต่ถ้ามาจากใจ...มันก็คือ ตัวของเราทั้งหมด..

สังคม..ส่งเสริมวันวาเลนไทน์อย่างไร??
พ่อแม่ ผู้ปกครองมองดูลูกหลานของตนเองแสดงออกในวันวาเลนไทนอย่างไร??

วันวาเลนไทน์ เป็นวันแห่งความรัก

นี่คือ ความสำคัญ หรือ สิ่งที่ทุกคนรู้และเข้าใจดี เหมือนกับเป็นความหมายพิเศษ
วันวาเลนไทน์ เป็นวันแห่งความรัก..

วันแห่งความรักนี้.. ก็จำเป็นต้องแสดงออกถึงความรัก
ต้องประกาศถึงความรัก  ต้องทำสิ่งที่เป็นความรัก แก่คนที่เรารัก..

วันแห่งความรัก..ต้องแบ่งปันความรักแก่คนอื่น
แบ่งปันและมอบความรักแก่ทุก ๆ คน
กระทำความดีแก่กันและกัน

เป้าหมายนี้..ก็เป็นสิ่งที่ดี เป็นความคิดที่ดี ที่จะมอบความรักแก่คนที่เรารัก
หรือจะให้มีค่ามากขึ้น.. มอบความรักแก่ทุก ๆ คน แม้คนที่ไม่รัก..

ดูเหมือนว่า..
ปัจจุบันนี้..ความรัก การให้สิ่งดีดี การแบ่งปันสิ่งดีดี การมอบสิ่งดีดีให้แก่กันนั้น
จะกลายเป็นความดีส่วนตัวเรื่องส่วนตัว
จะกลายเป็นความดีเฉพาะตัว
จะกลายเป็นความดีที่หันเข้าหาตัวเอง..
หรือจะกลายเป็นแค่.. ความพึงพอใจของตัวเอง...


มีสิ่งดีดีเกิดขึ้นมากมายในวันแห่งความรัก

แต่ก็มีสิ่งที่เลวร้ายเกิดขึ้นตามมาด้วยเช่นกันในวันแห่งความรักนี้

คุณจะสร้างความดี.. หรือ คุณจะเป็นผู้สร้างความชั่ว..
ในวันแห่งความรัก..ในปีนี้...

วันพุธที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

เครื่องหมายแห่งรัก

เมื่อพูดถึงความรัก...


ความรักแรกเริ่ม หรือ จุดกำเนิดของความรักอยู่ที่ไหน??
แน่นอนว่า.. คำตอบก็คือ พระเจ้า..

พระเจ้าเป็นความรัก พระเจ้าคือองค์แห่งความรัก
พระเจ้าแสดงออกถึงความรัก พระเจ้าอยู่ในความรัก..

แล้วเหตุการณ์ไหนล่ะที่แสดงหรือบ่งถึงความรักของพระเจ้าได้อย่างชัดเจนที่สุด..
มี  ๒  เหตุการณ์สำคัญก็คือ..

การเกิดมาของพระเยซูเจ้าและการตายบนไม้กางเขนของพระเยซูเจ้า
ทั้งการเกิดและการตายนี้.. เป็นอยู่..เพื่อ มนุษย์..

ในพระคัมภีร์กล่าวถึงการเกิดมาของพระเยซูเจ้าว่า...

ความรักของพระเจ้าปรากฏให้เราเห็นดังนี้ คือ
พระเจ้าทรงส่งพระบุตรพระองค์เดียวมาในโลก
เพื่อเราจะได้มีชีวิตโดยทางพระบุตรนั้น
                                                                 (1ยน 4:9)

การเกิดมาของพระเยซูเจ้า..เป็นความรักของพระเจ้าที่มีต่อมนุษย์..
อยากจะให้มนุษย์ได้เข้าใจว่า พระเจ้าทรงรักมนุษย์อย่างมากมาย..
พระเจ้ารักมนุษย์อย่างหาที่สุดมิได้.. พระเจ้ารักมนุษย์อย่างท่วมท้น..
เป็นความรักที่ไร้ขอบเขต..

ความผิด..หรือ จะยิ่งใหญ่เท่ากับความรักของพระเจ้า
ความบกพร่อง..หรือ จะรอดพ้นจากการให้อภัยของพระเจ้าได้

และการสิ้นพระชนม์ของพระเยซูเจ้าปรากฏอย่างชัดเจน..

เพราะความรักของพระคริสตเจ้าผลักดันเรา เราแน่ใจว่า 
ถ้าคนหนึ่งตายเพื่อทุกคน ก็เหมือนกับว่าทุกคนได้ตายด้วย  
พระองค์สิ้นพระชนม์แทนทุกคน เพื่อผู้ที่มีชีวิตจะได้ไม่มีชีวิตเพื่อตนเองอีกต่อไป 
แต่มีชีวิตเพื่อพระองค์ผู้ได้สิ้นพระชนม์ และทรงกลับคืนพระชนมชีพเพื่อเขา
                                                                                      (2คร 5:14-15)

นี่แหละคือ..ความรักของพระเจ้า.. ที่เกิดมา และ ตาย เพื่อเรา....
ดูเหมือนว่า สุดยอดของความรัก..ก็คือ การเกิด
ดูเหมือนว่า สุดยอดของความรัก..ก็คือ ความตาย
เกิดมาจากจากความรัก และตายเพื่อคนที่ตนรัก..
เกิดมามีเป้าหมาย และตายด้วยเป้าหมายเดิม..

ทำให้มนุษย์สัมผัสถึงความรักของพระเจ้า..
ความรักที่เป็นจริงในชีวิตบนโลกใบนี้..
ความรักที่บริสุทธิ์ของพระเจ้าที่มอบให้แก่มนุษย์..

และการดำเนินชีวิตของพระเยซูเจ้า..ก็เต็มเปี่ยมไปด้วยความรัก

วันอาทิตย์ที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

พักอีกนิด..หนึ่ง

ไม่รู้จักกันเลย..














ระหว่างคนหนึ่ง กับ สองคนหนึ่ง

ความไม่รู้จักกัน..ไม่ได้หมายความว่า ไม่มีความสัมพันธ์กันเลย
หรือ การไม่รู้จักกัน..ไม่ได้หมายความว่า ไม่ได้เคารพ หรือ ให้เกียรติกัน

หลายคนใช้ความแปลกหน้า ความไม่รู้จักกันนี้ เป็นช่องทางของบาป..หรือทำความชั่ว

ไม่เป็นไรหรอก..ไม่ใช่ของเรา
ไม่เป็นไรหรอก..ไม่มีใครจักเรา
ไม่เป็นไรหรอก..จำเราไม่ได้หรอก
ไม่เป็นไรหรอก..ทำไปเถอะ..ไม่ใช่ญาติของเราสักหน่อย
ไม่เป็นไรหรอก..

สิ่งเหล่านี้..เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง.. เพราะเราจะเป็นคนแปลกหน้า ไม่รู้จักใครก็จริง
แต่เราทุกคนก็มีศักดิ์ศรี และเอกลักษณ์ที่จะต้องให้ความเคารพต่อผู้อื่นเสมอ

มีคำพูดว่า "ศักดิ์ศรีของคนสิบคน ไม่ใช่ว่า มีคุณค่ามากกว่าศักดิ์ศรีของคนคนเดียว"

หมายความว่า .. ทุกคนมีความเท่าเทียมกันในคุณค่าและศักดิ์ศรีของความเป็นคน

ไม่ว่าจะเป็น เด็กน้อย.. รวมไปถึงอยู่ในครรภ์ของมารดาด้วย
ไม่ว่าจะเป็น ผู้หญิง หรือ ผู้ชาย
ไม่ว่าจะเป็นขอทาน หรือ คนพิการ
ไม่ว่าจะเป็นใคร.. ทุกคนมีคุณค่า..

การไม่รู้จักกันเป็นเสมือน.. การเปิดตัวเองออกสู่คนอื่น
เปิดตัวเองออกสู่การเรียนรู้จักคนอื่น
เปิดตัวเองออกสู่การสร้างความสัมพันธ์กับคนอื่น
ในฐานะที่..เป็นคนเหมือนกัน..และไม่แตกต่างกัน ไม่แปลกต่างกันเลย

ความเป็นคนไม่ได้อยู่ที่หน้าที่การงาน
ความเป็นคนไม่ได้อยู่ที่เสื้อผ้า การแต่งกาย
ความเป็นคนไม่ได้อยู่ที่ยศศักดิ์ หรือ ฐานะตำแหน่ง
ความเป็นคนไม่ได้อยู่ที่มีมากหรือมีน้อยในวัตถุ

จะร่ำรวยหรือยากจน.. ก็เป็นคน
จะขอทานหรือพิการ..ก็เป็นคน
จะหนุ่มหรือชรา..ก็เป็นคน
จะสวยมากหรือสวยน้อย.. ก็เป็นคน

ความเป็นคนไม่ได้อยู่ที่ภายนอกที่แสดงออกทางร่างกาย
ความเป็นคนอยู่ในตัวของคนแต่ละคน..
ไม่สามารถซื้อ หรือ ขาย หรือ ทำแทนกันได้..
ความเป็นคนคือตัวของเราเอง ชีวิตของเราเองทั้งครบ..อื่น

ความเป็นคนมีคุณค่า..ในตัวเอง..
แหล่งกำเนิดและเป้าหมายของเราแต่ละคนคือ ความรักของพระเจ้า..




ละความคิด.. แล้วคิดอีกอย่าง

มนุษย์ กับ รูปปั้น

มีอะไรที่น่าคิดเยอะแยะมากมาย
มีข้อคิดต่าง ต่าง มากมาย เพื่อสะท้อนความคิดของมนุษย์

รูปปั้น..เหมือนมนุษย์ทุกอย่างในลักษณะภายนอก แต่ไม่มีชีวิต
รูปปั้น..เลียนแบบมนุษย์ทุกอย่างแค่ร่างกาย แต่ไม่มีวิญญาณ
รูปปั้น..มีอวัยวะเช่นเดียวกับมนุษย์ทุกอย่าง แต่ไม่มีความรู้สึก
รูปปั้น..ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ด้วยตัวเอง ต้องอาศัยสิ่งอื่น..พลังงานอื่น..

มองดูรูปปั้นต่าง ต่าง ทำให้คิดถึงภาพของชาวอิสราเอลในพระคัมภีร์..
พระเจ้าทรงห้ามกราบไหว้รูปปั้น รูปเคารพต่าง ต่าง..
ที่มนุษย์สร้างขึ้นเสมือนเป็นพระเจ้า
ทั้ง ๆ ที่ความเป็นจริง.. สิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้น จะมีอำนาจเหนือตัวเองได้อย่างไร
สิ่งที่ตัวเองสร้างขึ้นมาด้วยมือ..จะกลายเป็นพระเจ้าทรงฤทธานุภาพได้อย่างไร
สิ่งที่ตัวเองจิตนาการออกมา..จะสามารถช่วยตัวเองให้รอดพ้นจากสิ่งต่าง ต่างได้อย่างไร
มนุษย์ช่างโง่เขลาเหลือเกิน..
แต่มนุษย์ก็ยังคงกราบไหว้..ยังคงนมัสการ ยังคงให้ความเคารพ.. รูปปั้น..เช่นเดิม

แตกต่างกับมนุษย์..
มนุษย์มีร่างกายที่สวยงามแตกต่างกันไปตามธรรมชาติ
มนุษย์มีอวัยวะที่มีหน้าที่ที่แตกต่างกันไปตามการสร้างสรรค์
มนุษย์มีวิญญาณ..ที่มาจากผู้สร้าง
มนุษย์จึงมีชีวิต..
ร่างกายของมนุษย์เคลื่อนไหวได้ เพราะมีวิญญาณขับเคลื่อนภายใน
วิญญาณจะทำเช่นนี้ได้ก็เพราะมีร่างกาย
ทั้งร่างกายและวิญญาณมาจากพระเจ้า และเป็นภาพลักษณ์ของพระเจ้า..

มนุษย์มองดูกันและกันว่า เป็นความสวยงามที่มนุษย์ไม่สามารถสร้างขึ้นได้
มนุษย์มองดูกันและกัน.. ทำให้คิดถึงผู้สร้างตนเองมา..คือพระเจ้า
มนุษย์จะนมัสการมนุษย์เสมือนเป็นพระเจ้า... ไม่ได้
มนุษย์จะยกย่องกันและกันเสมอเท่าพระเจ้า.. ไม่ได้
มนุษย์จะอยู่เหนือกว่าอำนาจของพระเจ้า.. ไม่ได้
เพราะมนุษย์มาจากพระเจ้า..

จึงเป็นความโง่เขลา และความชั่วช้าของมนุษย์..
ที่หลงไปนมัสการรูปเคารพ และ ตัวของมนุษย์เองว่า เป็นผู้มีอำนาจสูงสุด...
แทน พระเจ้า ผู้ทรงฤทธานุภาพ เที่ยงแท้ แต่เพียงพระองค์เดียว..



วันอังคารที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

ฉลอง ๕๐ ปีของการเป็นสงฆ์

วันที่ ๒๙ มกราคม ๒๐๑๑

เป็นวันฉลอง ๕๐ ปีของการเป็นสงฆ์ของ


Rev. P. Sylwester Pajak, S.V.D.

Padre Spirituale el Pont.Collegio S. Pietro Ap. Roma

ซึ่งแน่นอนว่า.. มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่ชีวิตสงฆ์จะเดินทางมาถึงระยะทางที่ยาวไกลขนาดนี้..
ถือว่า เป็นพระพรของพระเจ้า  ถือว่า.. เป็นพระหรรษทานของพระเจ้า
ถือว่า เป็นความรักของพระเจ้า  ที่มอบให้แก่บุคคลหนึ่งอย่างเต็มเปี่ยม


ก็ขอร่วมแสดงความชื่นชมยินดีกับพระสงฆ์องค์หนึ่ง
ซึ่งผ่านประสบการณ์หลาย ๆ อย่างมามากมายในชีวิตสงฆ์

แต่วันนี้.. เวลานี้

ผ่านมาตั้ง ๕๐ ปีแล้ว ก็ยังมั่นคงในกระแสเรียก
กระแสเรียกแห่งการรับใช้





และบรรยากาศในห้องอาหารของบรรดาสงฆ์ไม่ถึง ๕๐ ปี

ก็เป็นบรรยากาศแบบไทย ไทย พม่า พม่า..


ชีวิตก็ยังนี้แหละ..มีกิน 


คพ.หน่อง คพ.ซิมอน และคพ.แบงค์
 มีถือขวด.. ยังไม่ดื่ม มีฉลองและสนุกสนาน


คพ.หน่อง คพ.ภัค และคพ.ซิมอน



คพ.หน่อง คพ.อ่องซอ และคพ.ซิมอน


ขอบคุณช่างภาพ don Tommaso

ชีวิตสงฆ์
มีเพียงเป้าหมายเดียวคือ การรับใช้พระเจ้าและเพื่อนมนุษย์

กว่าที่คนคนหนึ่งจะกลายเป็นพระสงฆ์..ต้องใช้เวลานาน
ฝึกแล้วฝึกอีก ขัดแล้วขัดอีก..ก็ยังได้แค่นี้
กว่าที่คนคนหนึ่งจะตกลงยินยอมสมัครใจด้วยอิสรภาพอย่างเต็มเปี่ยม
และเลือกเส้นทางนี้..นั้น
ต้องอาศัยเวลาในแต่ละวัน แต่ละวัน เพื่อจะได้มั่นใจในทางที่ถูกต้อง
มันไม่ง่ายเลย

การที่คนคนหนึ่งบวชเป็นพระสงฆ์..ต้องใช้เวลานาน
ในการฝึก ในการขัดเกลา ในการควบคุม และดูแลตนเองให้อยู่ในเส้นทางเดิม
มันไม่ใช่เรื่องของวันเดียว

การที่พระสงฆ์คนหนึ่ง
ใช้เวลาผ่านไปแต่ละวัน แต่ละเดือน แต่ละปี
ในปีหนึ่ง หนึ่ง ก็ต้องผ่านหลายต่อหลายอย่าง
ที่ฝึกฝนตนเองอยู่เสมอ
ที่ฝึกปฏิบัติอยู่เสมอ
มีหลายที่ไม่ถูกใจ..
มีหลายอย่างที่ไม่เป็นไปตามใจ..
มีหลายอย่างที่ไม่พอใจ..
ซึ่งก็ต้องผ่าน..และต้องผ่านให้ได้

การที่พระสงฆ์ดำเนินชีวิตของการเป็นสงฆ์
ในกระแสเรียกของการเป็นสงฆ์
จนถึง ๕๐ ปี

ให้เราขอบคุณพระเจ้า และสรรเสริญพระองค์เถิด..