บทเทศน์
วันเสาร์ที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2555
สมโภชนักบุญเปโตรและนักบุญเปาโล2012
เขียนโดย don Pietro Virote Phosawang ที่ 13:37 0 ความคิดเห็น
วันพุธที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2555
วันพฤหัสบดี 12 ธรรมดาปี B
มธ 7:21-29
บทเทศน์
เขียนโดย don Pietro Virote Phosawang ที่ 16:41 0 ความคิดเห็น
วันอังคารที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2555
วันพุธ 12 ธรรมดาปี B
พระวรสาร มธ 7:15-20
15 “จงระวังประกาศกเทียมซึ่งมาพบท่าน นุ่งห่มเหมือนแกะ แต่ภายในคือสุนัขป่าดุร้าย
16 ท่านจะรู้จักเขาได้จากผลงานของเขา มีใครบ้างเก็บผลองุ่นจากต้นหนาม
หรือเก็บผลมะเดื่อเทศจากพงหนาม
17 ในทำนองเดียวกัน ต้นไม้พันธุ์ดีย่อมเกิดผลดี ต้นไม้พันธุ์ไม่ดีย่อมเกิดผลไม่ดี
18 ต้นไม้พันธุ์ดีจะเกิดผลไม่ดีมิได้ และต้นไม้พันธุ์ไม่ดีก็ไม่อาจเกิดผลดีได้
19 ต้นไม้ทุกต้นที่ไม่เกิดผลดีย่อมถูกโค่นทิ้งในกองไฟ
20 เพราะฉะนั้น ท่านจะรู้จักประกาศกเทียมได้จากผลงานของเขา”
เขียนโดย don Pietro Virote Phosawang ที่ 16:34 0 ความคิดเห็น
วันจันทร์ที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2555
วันอังคาร 12 ธรรมดาปี B
พระวรสาร มธ 7:6,12-14
ข้อคิด
ท่านอยากให้เขาทำกับท่านอย่างไร ก็จงทำกับเขาอย่างนั้นเถิด..
พระเยซูเจ้าพระองค์ ปรารถนาให้แต่ละคนรู้จักที่จะเคารพรักต่อกันและกัน ด้วยความเป็นพี่เป็นน้องกัน
โดยเริ่มต้นจากตัวของเราเอง.. ไม่ใช่รอคอยจากคนอื่น โดยที่ตัวเองไม่เริ่มทำอะไรเลย
"ท่านหว่านอะไร ท่านก็จะเก็บเกี่ยวสิ่งนั้น"
หากหว่านความดีในตัวของคนอื่น เราก็จะเก็บเกี่ยวแต่สิ่งดีดีจากคนอื่น เพราะว่า ไม่ว่าเราจะทำอะไร หรือ
ทำอย่างไงกับคนอื่น เขาก็จะทำกับเราอย่างนั้น
ถ้าท่านแบ่งปันสิ่งที่ท่านมีแก่คนอื่น คนอื่นก็จะแบ่งปันสิ่งที่มีแก่ท่านด้วย
การเริ่มต้น จึงต้องมาจากตัวของเราเอง
ลงมือกระทำเป็นคนแรก
แต่บางครั้ง.. เราทำดีต่อคนอื่นแล้ว แต่สิ่งที่ได้รับนั้นอาจจะกลับกลายเป็นสิ่งที่ตรงกันข้าม
เราก็ต้องอดทน และรอคอยการเติบโตของความดีในตัวของเขา
เราจะต้องไม่ท้อแท้ในการที่จะทำดีต่อไป ในการที่จะช่วยหลือ หรือ รักเขาต่อไป
อยากให้คนอื่นคิดดีต่อเรา เราก็ต้องไม่ตัดสินคนอื่นในใจก่อน
อยากให้คนอื่นฟังในสิ่งที่เราพูด เราก็ต้องฟังสิ่งที่เขาพูดเสียก่อน
อยากให้คนอื่นรักเรา เราก็ต้องรักเขาก่อน
จงเป็นคนแรกเสมอ เพื่่อสร้างสรรค์สิ่งดีดี งามงามในชีวิต
เขียนโดย don Pietro Virote Phosawang ที่ 15:36 0 ความคิดเห็น
วันอาทิตย์ที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2555
วันจันทร์ 12 ธรรมดาปี B
มธ 7:1-5
การตัดสินคนอื่น.. เหมือนกับการเข้าไปก้าวก่ายและไปยุ่งกับเรื่องของคนอื่น จึงไม่เป็นการดี
ที่เราจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับคนอื่น เนื่องมาจากความไม่รู้ของเรา เพราะว่า เราไม่รู้ว่า แท้จริงแล้ว
คนคนนั้นเป็นอย่างไร?
พระเยซูเจ้าไม่ได้บอกว่า ไม่ให้สนใจผู้อื่น.. เราควรที่จะให้ความสนใจและเอาใจใส่ต่อผู้อื่น
แต่ไม่ควรที่จะไปตัดสินเขา จากบางส่วน หรือ บางแง่มุมที่เรามองเห็น เพราะเราไม่มองไม่เห็น
สิ่งที่เป็นจริงในตัวของเขา
ถ้าท่านตัดสินเขาอย่างไร พระเจ้าจะทรงตัดสินท่านอย่างนั้น..
มันไม่ยุติธรรมสำหรับคนคนหนึ่งที่ถูกตัดสินชีวิตทั้งหมดทั้งครบของเขา เพียงแค่การกระทำผิด
หรือการกระทำที่ขัดต่อความจริงเพียงครั้งเดียว หรือเพียงแค่หนึ่ง
การตัดสินคนอื่น..หากไม่เป็นความจริง ก็เป็นเหมือนกับการใส่ร้ายป้ายสี
การตัดสินคนอื่น..หากเป็นความจริง เราก็ไม่ควรที่จะตัดสินชีวิตของเขา แต่เราสามารถตักเตือนเขา
ด้วยความห่วงใยได้..
การตัดสินคนอื่น เป็นเหมือนกับการขาดความรัก และการเอาตัวเองเป็นศูนย์กลาง..เป็นเหมือนกับการตัด
สายตาแห่งความเป็นพี่เป็นน้องออกไป
การตัดสิน.. เป็นของพระเจ้าเท่านั้น
มนุษย์ไม่สามารถ ไม่มีอำนาจที่จะตัดสินคนอื่นได้เลย
เพราะว่า ต่อหน้าพระเจ้า เราทุกคนเป็นคนบาป
สิ่งที่เราควรจะทำต่อกันก็คือ การให้อภัย และการให้โอกาส
เขียนโดย don Pietro Virote Phosawang ที่ 15:58 0 ความคิดเห็น
วันพฤหัสบดีที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2555
วันศุกร์ 11 ธรรมดาปี B
พระวรสาร มธ 6:19-23
เขียนโดย don Pietro Virote Phosawang ที่ 16:13 0 ความคิดเห็น
วันพุธที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2555
วันพฤหัสบดี 11 ธรรมดาปี B
Gospel Mt 6:7-15
"In praying, do not babble like the pagans,
who think that they will be heard because of their many words.
Do not be like them.
Your Father knows what you need before you ask him.
"This is how you are to pray:
"Our Father who art in heaven,
hallowed be thy name,
thy Kingdom come,
thy will be done,
on earth as it is in heaven.
Give us this day our daily bread;
and forgive us our trespasses,
as we forgive those who trespass against us;
and lead us not into temptation,
but deliver us from evil."
"If you forgive others their transgressions,
your heavenly Father will forgive you.
But if you do not forgive others,
neither will your Father forgive your transgressions."
ข้อคิด
พระเยซูเจ้าสอนเราให้เราตระหนักถึงความสัมพันธ์ที่พระเจ้ามีต่อมนุษย์
พระองค์สองเรา..ให้เราเรียกพระเจ้าว่า "พระบิดา"
เป็นความสัมพันธ์แบบ พ่อ-ลูก
เป็นความสัมพันธ์แบบที่ใกล้ชิดที่สุด ที่มนุษย์ไม่เคยรับรู้และไม่เคยได้ยิน
เป็นความสัมพันธ์แบบที่มนุษย์ต้องพึ่งตระหนักและซึมซับความสัมพันธ์เช่นนี้
พระเยซูเจ้า สอนเราให้เรียกพระเจ้า ว่า "พระบิดา"
สอนเราให้ร้องหาพระองค์ด้วยความไว้วางใจ และด้วยความขอบพระคุณ
สอนเราให้มั่นใจต่อการเอาใจใส่ของพระเจ้า ในฐานะบิดาที่มีต่อบุตร
บิดารักบุตรของตนมากมายเช่นใด
พระบิดาเจ้าสวรรค์นั้น รัก เรามากยิ่งกว่านั้นอีก..
เมื่อเราเรียกพระเจ้าว่า "พระบิดา"
เราก็ย่อมเรียกกันและกันว่า "พี่น้อง"
และการให้อภัยต่อกันและกัน
เป็นเหมือนหัวใจของการเป็นบุตร และการเป็นครอบครัวเดียวกัน
จิตสำนึก และสามัญสำนึกของเรา
ที่มีให้แก่กันและกัน มีอย่างเดียวคือ ความเป็นพี่เป็นน้องกัน
เมื่อเราเป็นครอบครัวเดียวกัน
เมื่อเราเป็นพี่น้องกัน
การให้อภัย
การแบ่งปัน
ก็กลายเป็นธรรมชาติ และเอกลักษณ์ของเรา..
เขียนโดย don Pietro Virote Phosawang ที่ 16:08 0 ความคิดเห็น
วันอังคารที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2555
วันพุธ 11 ธรรมดาปี B
มธ 6:1-6,16-18
1 “จงระวัง อย่าปฏิบัติศาสนกิจของท่านต่อหน้ามนุษย์เพื่ออวดคนอื่น มิฉะนั้น ท่านจะไม่ได้รับบำเหน็จจากพระบิดาของท่านผู้สถิตในสวรรค์
2 ดังนั้น เมื่อท่านให้ทาน จงอย่าเป่าแตรข้างหน้าท่านเหมือนที่บรรดาคนหน้าซื่อใจคด มักทำในศาลาธรรมและตามถนนเพื่อจะได้รับคำสรรเสริญจากมนุษย์ เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า เขาได้รับบำเหน็จของเขาแล้ว
3 ส่วนท่าน เมื่อให้ทาน อย่าให้มือซ้ายของท่านรู้ว่ามือขวากำลังทำสิ่งใด เพื่อทานของท่านจะได้เป็นทานที่ไม่เปิดเผย
4 แล้วพระบิดาของท่านผู้ทรงหยั่งรู้ทุกสิ่ง จะประทานบำเหน็จให้ท่าน
5 “เมื่อท่านอธิษฐานภาวนา จงอย่าเป็นเหมือนบรรดาคนหน้าซื่อใจคด เขาชอบยืนอธิษฐานภาวนาในศาลาธรรม และตามมุมลานเพื่อให้ใครๆ เห็น เราบอกความจริงแก่ท่านว่า เขาได้รับบำเหน็จของเขาแล้ว 6 ส่วนท่าน เมื่ออธิษฐานภาวนา จงเข้าไปในห้องส่วนตัว ปิดประตู อธิษฐานต่อพระบิดาของท่านผู้สถิตอยู่ทั่วทุกแห่ง แล้วพระบิดาของท่านผู้ทรงหยั่งรู้ทุกสิ่งจะประทานบำเหน็จให้ท่าน
16 “เมื่อท่านทั้งหลายจำศีลอดอาหาร จงอย่าทำหน้าเศร้าหมองเหมือนบรรดาคนหน้าซื่อใจคด เขาทำหน้าหมองคล้ำ เพื่อแสดงให้ผู้คนรู้ว่าเขากำลังจำศีลอดอาหาร เราบอกความจริงแก่ท่านว่า เขาได้รับบำเหน็จของเขาแล้ว
17 ส่วนท่าน เมื่อจำศีลอดอาหาร จงล้างหน้า ใช้น้ำมันหอมใส่ศีรษะ
18 เพื่อไม่แสดงให้ผู้คนรู้ว่าท่านกำลังจำศีลอดอาหาร แต่ให้พระบิดาของท่าน ผู้สถิตอยู่ทั่วทุกแห่งทรงทราบ และพระบิดาของท่านผู้ทรงหยั่งรู้ทุกสิ่ง ก็จะประทานบำเหน็จให้ท่าน”
ข้อคิด
การกระทำอะรไก็แล้วแต่..สิ่งสำคัญก็คือ การกระทำที่ออกมาจากใจ การกระทำที่มีความจริงใจ โดยเฉพาะการปฏิบัติศาสนกิจ กิจศรัทธาต่าง ๆ ต้องกระทำด้วยความจริงใจ และด้วยความเคารพต่อพระเจ้า
ไม่ใช่เป็นการกระทำทีโอ้อวด การกระทำที่ต้องการคำชม หรือยกย่องจากคนอื่น เพราะจะเป็นเหมือนการเอาพระเจ้ามาเป็นเครื่องมือสำหรับตนเอง เอาพระเจ้ามาเพื่อช่วยตัวเองให้ได้รับเกียรติ และการยกย่อง
ตัวอย่างที่พระเยซูเจ้าให้แก่เรา..ชัดเจนมากในเรื่องของการที่ไม่โอ้อวดตนเอง
การทำทาน..อย่าให้มือซ้ายรู้ว่ามือขวากำลังทำสิ่งใด
การอธิษฐานภาวนา..จงเข้าไปในห้องส่วนตัว ปิดประตู
การจำศีลอดอาหาร..จงล้างหน้า ใช้น้ำมันหอมใส่ศีรษะ
เพราะว่า พระบิดาเจ้าสวรรค์ผู้หยั่งรู้ทุกสิ่งทรงรู้และจะประทานรางวัลให้แก่ท่าน
ผู้ที่ประทานรางวัลให้คือ พระบิดาเจ้าสวรรค์ ไม่ใช่มนุษย์
ไม่ว่า เราจะกระทำสิ่งใด เราจะต้องไม่คิดถึงผลที่จะได้รับจากมนุษย์ เช่น คนชมเชย คำยกย่อง การให้เกียรติ หรือ การสรรเสริญในการกระทำที่ดีของเรา
ไม่ว่า เราจะกระทำสิ่งใด ขอให้จิตใจของเราหันไปสู่พระเจ้า หันไปหาพระเจ้า
ด้วยการขอบคุณ และด้วยคำสรรเสริญพระองค์
เขียนโดย don Pietro Virote Phosawang ที่ 16:16 0 ความคิดเห็น
วันอังคาร 11 ธรรมดาปี B
มธ 5:43-48
43 “ท่านทั้งหลายได้ยินคำกล่าวว่า จงรักเพื่อนบ้าน จงเกลียดศัตรู
44 แต่เรากล่าวแก่ท่านว่า จงรักศัตรู จงอธิษฐานภาวนาให้ผู้ที่เบียดเบียนท่าน
45 เพื่อท่านจะได้เป็นบุตรของพระบิดาเจ้าสวรรค์ พระองค์โปรดให้ดวงอาทิตย์ของพระองค์
ขึ้นเหนือ คนดีและคนชั่ว โปรดให้ฝนตกเหนือคนชอบธรรมและคนอธรรม
46 ถ้าท่านรักแต่คนที่รักท่าน ท่านจะได้บำเหน็จรางวัลอะไรเล่า บรรดาคนเก็บภาษี
มิได้ทำเช่นนี้ดอกหรือ
47 ถ้าท่านทักทายแต่พี่น้องของท่านเท่านั้น ท่านทำอะไรพิเศษเล่า
คนต่างศาสนามิได้ทำเช่นนี้ดอกหรือ
48 ฉะนั้น ท่านจงเป็นคนดีอย่างสมบูรณ์ ดังที่พระบิดาเจ้าสวรรค์ของท่าน ทรงความดีอย่างสมบูรณ์เถิด
ข้อคิด
จงรัก..เหมือนอย่างที่พระเจ้าทรงรัก เหมือนพระบิดาเจ้าสวรรค์
จงรัก..ศัตรู และจงภาวนาให้ผู้ที่เบียดเบียนท่าน เหมือนพระบิดาเจ้าสวรรค์
พระเยซูเจ้าสอนเราให้รู้จักที่จะรัก.. รักเกินความรักแบบมนุษย์
พระเยซูเจ้าสอนเราให้รู้จักรัก..ในแบบของพระองค์ คือ รักอย่างไม่มีข้อยกเว้น
แม้ว่าจะเป็นใครก็ช่าง จะเป็นศัตรูหรือคนที่เกลียดเราก็ช่าง จงรักเขา
หากเราไม่รักคนที่รักเรา หรือคนที่เกลียดชังเรา..เราได้ทำดีมากกว่าคนอื่นได้อย่างไร?
คนบาป คนเก็บภาษี คนต่างศาสนาก็ทำเช่นเดียวกัน
ทุกคนต้องทำดี..
แต่สำหรับเราคริสตชน.. ต้องมากกว่าการทำดี
นั่นคือ การกระทำด้วยความรัก..
การกระทำดี เป็นหน้าที่และเป็นธรรมชาติของมนุษย์ทุกคน ทุกศาสนาที่ต้องกระทำ
แต่สำหรับเรา.. เราต้องทำด้วยความรัก เหมือนอย่างพระเยซูเจ้าทรงกระทำด้วยความรัก
พระเยซูเจ้าตายบนไม้กางเขน.. มิใช่เพื่อต้องการเป็นคนดี ที่ตายแทนคนอื่นมากมาย
แต่พระองค์ตาย..เพราะพระองค์รักมนุษย์
ความรัก จึงผลักดันเราให้กระทำในสิ่งที่เกินกว่าธรรมชาติของเรา
จงทำด้วยความรัก ในทุกสิ่งในทุกอย่าง
เขียนโดย don Pietro Virote Phosawang ที่ 16:04 0 ความคิดเห็น
วันอาทิตย์ที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2555
วันจันทร์ 11 ธรรมดาปี B
มธ 5:38-42
38 “ท่านเคยได้ยินเขากล่าวว่า ‘ตาต่อตา ฟันต่อฟัน’
39 แต่เรากล่าวแก่ท่านทั้งหลายว่า อย่าโต้ตอบคนชั่ว
ผู้ใดตบแก้มขวาของท่าน จงหันแก้มซ้ายให้เขาด้วย
40 ผู้ใดอยากฟ้องท่านที่ศาลเพื่อจะได้เสื้อยาวของท่าน ก็จงแถมเสื้อคลุมให้เขาด้วย
41 ผู้ใดจะเกณฑ์ให้ท่านเดินไปกับเขาหนึ่งหลัก จงไปกับเขาสองหลักเถิด
42 ผู้ใดขออะไรจากท่าน ก็จงให้ อย่าหันหลังให้ผู้ที่มาขอยืมสิ่งใดจากท่าน
ข้อคิด
ตาต่อตา ฟันต่อฟัน นี่คือ กฎทั่วไปของมนุษย์ที่แสดงออกถึงความยุติธรรม เท่าที่จะทำได้
ตาต่อตา ฟันต่อฟัน คล้าย ๆ กับว่า ต้องการให้แต่ละคนเคารพต่อกันและกัน หมายความว่า เราจะต้องไม่ทำในสิ่งไม่ดีต่อคนอื่น หากเราทำไม่ดี เราก็จะถูกทำไม่ดีตอบแทนด้วย
ตาต่อตา ฟันต่อฟัน คล้าย ๆ กับว่าเป็นความยุติธรรม
ตาต่อตา ฟันต่อฟัน คล้าย ๆ กับว่า เป็นการตอบแทนที่เหมาะสม และสมควร
แต่..สิ่งเหล่านี้ ไม่ใช่คำสอนของพระเยซูเจ้า
พระองค์สอนเราว่า อย่าโต้ตอบคนชั่ว.. ทำไม พระเยซูเจ้าไม่ให้เราโต้ตอบคนชั่ว..
การโต้ตอบ มีอยู่ 2 วิธี คือ ใช้ความชั่วโต้ตอบความชั่ว และ ใช้ความดีโต้ตอบความชั่ว
ซึ่งวิธีการแรก ดูเหมือนเป็นวิธีการที่ง่ายและสะใจ แต่วิธีการที่สองเป็นวิธีการที่ต้องออกแรง
ออกจากตัวเอง และต้องฝืนใจตนเอง
และดูเหมือนว่าพระเยซูเจ้าจะสอนให้เราใช้วิธีการที่สองมากกว่าวิธีการแรก โดยพระองค์ยกตัวอย่างว่า
ผู้ใดตบแก้มขวาของท่าน จงหันแก้มซ้ายให้เขาด้วย..
การจะทำดีต่อคนที่ทำชั่วกับเรานั้น เป็นสิ่งที่ลำบากมาก เพราะตามหลักศีลธรรม ใครทำดีต่อเรา เราก็ทำดีตอบแทน ใครทำชั่วกับเรา เราก็ต้องทำชั่วตอบแทน เพื่อให้เกิดความยุติธรรมและความสมดุลย์กันของชีวิตที่ต้องอาศัยอยู่ร่วมกัน
ในพระอาณาจักรแห่งความรัก
จงรัก เหมือนกับที่พระคริสตเจ้าทรงรัก
จงรัก แม้แต่ศัตรู ตามแบบอย่างความรักของพระคริสตเจ้า
จงรัก กันและกัน ในรูปแบบของ ตาต่อตา ฟันต่อฟัน
พระเยซูเจ้าไม่ได้แสวงหาความรุนแรง แต่พระองค์ปรารถนาสันติสุข
พระเยซูเจ้านำความอ่อนโยน และถ่อมตน ไม่ใช่ความหยิ่งจองหอง และการเอารัดเอาเปรียบ..
เขียนโดย don Pietro Virote Phosawang ที่ 15:55 0 ความคิดเห็น
วันเสาร์ที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2555
สมโภชพระหฤทัยของพระเยซูเจ้า
วันอาทิตย์ ที่ 17 มิถุนายน 2012
เขียนโดย don Pietro Virote Phosawang ที่ 06:41 0 ความคิดเห็น
วันเสาร์ที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2555
สมโภชพระกายและพระโลหิต 2012
นี่คือ กายของเรา นี่คือ โลหิตของเรา เพื่อท่าน
เขียนโดย don Pietro Virote Phosawang ที่ 06:32 0 ความคิดเห็น
ครบ 7 ปี ของการเป็นสงฆ์
วันที่ 4 มิถุนายน 2012
เป็นวันครบรอบบวช 7 ปีของการดำเนินชีวิตในการเป็นสงฆ์
เมื่อมองดูอดีตที่ผ่านมา
4 มิถุนายน 2005
บวชเป็นพระสงฆ์ ที่อาสนวิหารอัครเทวดามีคาแอล ท่าแร่ โดยพระคุณเจ้ายอร์ช ยอด พิมพิสาร C.Ss.R.
มิถุนายน 2005 - ธันวาคม 2006
เป็นผู้ช่วยอาสนวิหารอัครเทวดามีคาแอล ท่าแร่ (คพ.วัชรินทร์ ต้นปรึกษา เป็นเจ้าอาวาส)
ดูแลเด็กคำสอน เยาวชน และการสอนคำสอน/พิธีกรรมในวัด
มกราคม 2007 - พฤษภาคม 2008
เป็นเจ้าอาวาสวัดพระนามเยซู นาคำ และวัดนักบุญอันตน นาทัน
รับผิดชอบงานเยาวชนของอัครสังฆมณฑล ท่าแร่
มิถุนายน 2008 - พฤษภาคม 2009 เตรียมตัวเรียนภาษา
มิถุนายน - กรกฎาคม 2008 ช่วยงานวัดจันทร์เพ็ญ เสาร์-อาทิตย์
สิงหาคม - ตุลาคม 2008 ช่วยงานมิสซังอุดร
(เขตวัดห้วยเล็บมือ และ อาสนวิหารพระมารดานิจจานุเคราะห์)
29 มิถุนายน 2009 - 4 กรกฎาคม 2011
ศึกษาต่อปริญญาโท วิชา เทววิทยาเกี่ยวกับการแต่งงานและครอบครัว
ที่สถานบันพระสันตะปาปายอห์น ปอล ที่ 2 ในมหาวิทยาลัยลาเตรัน กรุงโรม ประเทศอิตาลี
กรกฎาคม 2011 - จนถึงปัจจุบัน
เป็นคณะผู้ให้การอบรมสามเณรในบ้านเณรฟาติมา ท่าแร่
เป็นรองอธิการ ดูแลเรื่องระเบียบวินัย
วันนี้ 4 มิถุนายน 2012
ชีวิตที่ผ่านมา.. มีหลายต่อหลายสิ่งที่น่าจะจดจำ และมีหลายต่อหลายสิ่งที่ต้องใส่ใจ เรียนรู้และแก้ไข
จากความผิดพลาด จากความเข้าใจผิด จากความไม่เข้าใจ ในการกระทำหลาย ๆ อย่าง
ปัจจุบัน.. เป็นการทำหน้าที่ของตนเองให้ดีที่สุด ทำหน้าที่ที่ได้รับผิดชอบต่อตัวเอง และต่อคนอื่นให้ดีที่สุด เท่าที่จะสามารถทำได้ เพราะไม่มีสิ่งใดที่เป็นกังวลใจ
ความดีงาม และความผิดพลาดย่อมควบคู่กันไปเสมอ มีเพียงการเริ่มต้นใหม่เท่านั้นที่จะทำให้เกิดการก้าวหน้าในความดีงาม
อนาคต.. รับรู้ มั่นใจ และเชื่อมั่นในพระเจ้าเท่านั้น พระองค์เท่านั้นที่จะทำให้เรารอดพ้นได้ ในทุกสิ่ง ด้วยความเพียรทน ด้วยความอดทน และด้วยการวางใจในพระหัตถ์ของพระองค์
7 ปีของการเป็นสงฆ์ ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะผ่านพ้นได้ในแต่ละวัน และในแต่ละปี
ขอบคุณพระหรรษทานของพระที่มีให้เสมอ และเพียงพอที่จะก้าวหน้าในกระแสเรียก
พระหรรษทานและความรักของพระ ทำให้เกิดความเข้มแข็งเสมอ
พระหรรษทานและความรักของพระองค์ ทำให้ชีวิตไม่หลงทาง
"ข้าพเจ้าเป็นสงฆ์ของพระองค์ เป็นข้ารับใช้พระวาจาของพระองค์ และเพื่อนพี่น้อง"
เขียนโดย don Pietro Virote Phosawang ที่ 06:27 0 ความคิดเห็น
วันเสาร์ที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2555
สมโภชพระตรีเอกภาพ 2012
บทเทศน์
เขียนโดย don Pietro Virote Phosawang ที่ 17:12 0 ความคิดเห็น