BLOGGER TEMPLATES AND TWITTER BACKGROUNDS

วันเสาร์ที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2555

รวมรุ่น26 ปี 2012

เย็นของวันที่ 24 มกราคม 2012

พวกเราก็พากันไปเที่ยวชมงานมหกรรมพืชสวนโลก
แต่เราไปตอนเย็น ๆ เพราะเพื่อนๆ หลายคนกลัวอากาศร้อน..เมื่อไปตอนเย็น
ก็เจอแต่แสง สี และเสียง ส่วนดอกไม้นั้น..ก็ไม่ได้สัมผัสอะไรเลย
สัมผัสแต่ แสงของดอกไม้..แห่งโลกจิตนาการ
อันที่จริงก็สวยไปอีกแบบเน๊าะ??

อย่างไรก็ตาม พวกเราก็ไปด้วยกันทั้งหมด
ต่างคนก็ต่างแยกย้ายกันไปซึมซับเอาบรรยากาศภายในสถานที่จัดงาน

นี่คือบรรยากาศภายในงานยามค่ำคืน

เพื่อนกันตลอดไป





หอคำ..ยามค่ำคืน


ย้อนอดีตพากันขึ้นล้อหมุน (ชิงช้าสวรรค์)
มีเสียงกรีดกร๊าดตลอดเวลา เหมือนกับเด็ก ๆ เพิ่งขึ้นครั้งแรก..
กล้าเปล่า? กล้าหมุนเปล่า? ฮ่า ฮ่า..



แสงไฟในรูปลักษณ์ต่าง ๆ






สวนดอกไม้และแสงสีในโลกจินตนาการที่สัมผัสได้






และแล้วทุกอย่างก็ผ่านไปอีกหนึ่งวัน..
ซึ่งดูเหมือนว่าจะไม่ได้อะไรเลย..เป็นกอบเป็นกำ เต็มกำมือ
แต่สิ่งที่ได้คือ เวลาที่ได้อยู่ร่วมกัน  เวลาที่ได้เดินทางร่วมกัน
เวลาที่ได้หัวเราะร่วมกัน หรือ เวลาที่ได้เห็นหน้า พบปะกัน

วันนี้ก็ผ่านไปอีกหนึ่งวัน
กลายเป็นอดีตและความทรงจำของแต่ละคน...




วันพุธที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2555

รวมรุ่น26 ปี 2012

วันที่ 24 มกราคม 2012
ในช่วงเย็น ๆ ของวันนี้..
ทุกคนมาพร้อมหน้า พร้อมตากันครบ..นั่นคือ

เชียงใหม่ คพ.ธรรมนูญ และคพ.สันติ

ราชบุรี  คพ.ชิตชนนท์

กรุงเทพฯ  คพ.วรพจน์  และคพ.สราวุธ

จันทบุรี  คพ.อนุสรณ์  คพ.ภูวนารถ และคพ.สมภพ

ท่าแร่ คพ.วิโรจน์ และคพ.ศรชัย

โคราช  คพ.เกรียงไกร

คณะพระมหาไถ่  คพ.เอ็ม คพ.ต้อ และ บร.บุ้ง

ภราดากาปูชิน  ภราดาสุปิติ

รวมทั้งหมด ก็ 15 คนพอดี..แม้ว่าจะยังขาด อีกก็ไม่เป็นไร?

เมื่อมาพบปะกัน ทักทายกัน จนหมดทุกคนแล้ว
บรรยากาศแห่งความสนุกสนาน ความชื่นชมยินดี
หลายปีที่ไม่ได้พบกัน หลายปีที่ไม่พูดจา ทักทาย ถามไถ่ กันแบบตัวต่อตัว
วันนี้..จึงเป็นวันที่งดงามอีกวันหนึ่ง..

ภาพเก่า เก่า เพื่อนเก่า เก่า
ความทรงจำเก่า เก่า ได้ถูกรื้อฟื้อขึ้นมาใหม่
ความทรงจำใหม่ ใหม่ ก็จดจำจารึกกันใหม่

ตอนเย็นก็เลยพากันไปดูงานพืชสวนโลกที่ ราชพฤกษ์

นี่คือบรรยากาศภายนอกงาน





















นี่เป็นส่วนหนึ่งของภายนอกงาน
ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ยืนรอเพื่อน เพื่อน ก็เลยมีเวลา
ที่จะเก็บเกี่ยวบรรยากาศทั่ว ๆ ไป

วันอังคารที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2555

รวมรุ่น26 ปี 2012

วันที่ 24 มกราคม 2012

ตื่นนอนก็สบาย สบาย เกือบสิบโมงกว่า
จากนั้นก็ทานอาหารเช้าด้วยกัน ตามสบายสบาย
ทำกินเอง..ด้วยฝีมือของคพ.ก๊อด ก็ไม่ได้ทำอะไรมาก ทำแค่ไข่ดาว ไข่เจียว
ก็อร่อยแล้ว ทานกับขนมปัง และก็ยังมีมาม่าร้อน ๆ ด้วย
แต่อาหารที่อร่อยที่สุดก็คือ การสนทนากัน การแซวกันตามประสาเพื่อน ๆ
เสียงหัวเราะ และความสดชื่นก็ปรากฏขึ้นแต่เช้า..เทียวเดียว

จากนั้นก็ร่วมพิธีมิสซาบูชาขอบพระคุณ
เพื่อขอบคุณพระสำหรับวันเวลา และเวลาที่มาร่วมกัน

บทเทศน์เตือนใจ โดยคพ.เอ็ม
เริ่มจากบทเรียนที่มาจากหนังสือซามูแอล
ซาอูลต้องการฆ่าดาวิด เพราะหูเบา เชื่อคนอื่น เพราะว่าลูกน้องทำงานดีกว่าตน
ชาวอิสราเอลต้องการกษัตริย์ แต่กษัตริย์ที่เป็นมนุษย์ไม่ดีแม้แต่สักคนเดียว เพราะพระเจ้าคือกษัตริย์
ดาวิดทำดีมาตลอด แต่ต้องตกม้าตายเพราะผู้หญิง ในวัยชรา..ต้องระวัง..

จากนั้นก็ออกเดินทางไปที่อ.สันกำแพง เพื่ออาบน้ำแร่ จากบ่อน้ำร้อน
เพื่อ..รักษาสุขภาพ เพราะเป็นน้ำแร่จากธรรมชาติ..

















นี่แหละบรรยากาศแบบเพื่อน เพื่อน


รวมรุ่น26 ปี 2012

เริ่มต้นการเดินทางที่แสนยาวไกล..
กว่า 700 กิโล เพื่อมาพบปะกัน..เพื่อน..ที่กว่าจะได้เจอกัน

เริ่มต้นการเดินทาง
รวมตัวกันทั้ง 3 คนจากอีสาน ที่วัดนักบุญเปาโล แก้งคร้อ
โดยมีคพ.เกรียงไกร เป็นผู้นำทาง มีคพ.ศรชัย และ คพ.วิโรจน์ ร่วมเดินทาง

เริ่มต้นการเดินทาง
ประมาณ 10 โมงของวันที่ 23 มกราคม
ทุกอย่างก็เคลื่อนที่ มุ่งไปสู่เป้าหมายเดียวกันกับเพื่อน ๆ อีก กลุ่มอื่น ๆ

การเดินทาง
เป็นไปด้วยบรรยากาศของการสนทนา
เสียงหัวเราะ มุขตลก ขำ
สาระ และไร้สาระ
ความสุขระหว่างทาง

การเดินทาง
มีความเงีบบเข้ามาปะปนในหลาย ๆ จังหวะ
จังหวะแรก ทุกคนต่างนิ่งเงียบ ไม่รู้จะคุยอะไร?
จังหวะที่สอง ผู้ร่วมเดินทางหลับ แต่คนขับไม่ได้หลับ

ระหว่างเดินทาง
เกิดคำถาม. ทำไมต้องกินกาแฟ?
ทั้ง ๆ ที่ตนเองไม่ได้เป็นคนขับรถ??




ดื่มกาแฟ เอสแฟสโซ
ที่พิษณุโลก
ในเวลา บ่ายโมงกว่า ๆ 

ไม่ดื่มกาแฟขณะเดินทางได้หรือไม่??
งง..กับตัวเอง
แต่ก็ต้องดื่ม..

ชีวิตมันก็เป็นแบบนี้แหละ..

วันอาทิตย์ที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2555

บทเทศน์: อาทิตย์ 2 ธรรมดา ปี B

                   
                        พี่น้องที่เคารพรัก พระวาจาของพระเจ้าตรัสอะไรแก่เราบ้าง
                  ในบทอ่านที่ 1 จากหนังสือประกาศกซามูเอล เราได้ยินเรื่อง พระเจ้าทรงเรียกซามูเอล  
นั่นคือ  ซามูเอลเป็นเด็กที่แม่ได้นำมาถวายให้กับพระเจ้า 
เพื่อทำงานรับใช้พระองค์ในสถานนมัสการพระเจ้า 
หรือเรียกง่าย ๆ ว่า เด็กวัด คอยช่วยเหลือเอลีซึ่งเป็นพระสงฆ์ที่ประจำอยู่ในสถานนมัสการพระเจ้า
                 
และในค่ำคืนของวันหนึ่ง พระเจ้าได้ทรงเรียกซามูแอลว่า ซามูแอล ซามูแอล   
ซามูแอลเป็นเด็กอยู่คิดว่า เอลีซึ่งแก่ชรามากแล้ว แถมตาบอดอีกต่างหากได้เรียกตนเอง  
จึงวิ่งไปหาเอลีบอกว่า ข้าพเจ้ามาแล้ว เพราะท่านเรียกข้าพเจ้า 
เอลีก็ปฏิเสธว่า เราไม่ได้เรียกเจ้า ไปนอนเถอะ.. 
เป็นอย่างนี้ถึง 3 ครั้ง และครั้งสุดท้าย เอลีให้ซามูแอลตอบว่า
ขอพระองค์ตรัสเถิด พระเจ้าข้า ข้ารับใช้ของพระองค์กำลังฟังอยู่


                    พี่น้องที่เคารพรัก พระเจ้าได้ทรงเรียกเราทุกคนให้มีความสัมพันธ์กับพระองค์ 
                    พระเจ้าทรงพระเจ้าเป็นผู้ริเริ่ม เป็นบุคคลแรกที่ต้องการจะเข้ามามีความสัมพันธ์กับมนุษย์
และพระองค์ทรงเรียกเราแต่ละคนให้เป็นอย่างที่เราเป็น 
และในที่นี้ เราทุกคนเป็นคริสตชน เป็นศิษย์ของพระองค์  
                   
สิ่งหนึ่งที่เราควรจะบอกกับพระองค์คือ 


ขอพระองค์ตรัสเถิด พระเจ้าข้า ข้ารับใช้ของพระองค์กำลังฟังอยู่” 


เป็นคำพูดที่หมายความว่า ตนเองพร้อมที่จะรับใช้พระเจ้า 
พร้อมที่จะทำทุกสิ่งตามพระประสงค์ของพระเจ้า พร้อมที่จะทำ 
และเต็มใจที่จะทำตามคำสั่งของพระเจ้า


                ให้เราถามตัวเราเองว่า เราพร้อมไหม? เราพร้อมที่จะยืนยันถึงพระองค์? 


เราพร้อมที่จะเสียสละเพื่อพระองค์? เราพร้อมที่จะเผชิญทุกสิ่งร่วมกับพระองค์และพร้อมกับพระองค์?


ในพระวรสาร ศิษย์ 2 คนของยอห์น เมื่อได้ยินยอห์นผู้เป็นอาจารย์บอกว่า นี่คือลูกแกะของพระเจ้า 
                  โดยชี้ไปที่พระเยซูเจ้า  ทั้ง 2 คนจึงละยอห์น และติดตามพระเยซูเจ้าลูกแกะของพระเจ้า 
                  เป็นการเปรียบเทียบว่า พระเยซูเจ้าทรงเป็นเสมือนลูกแกะที่ถูกฆ่าถวายเป็นเครื่องบูชา 
                 (ลูกแกะปัสกา) เพื่อช่วยให้มนุษยชาติรอดพ้นจากบาป 
และในหนังสือวิวรณ์ ลูกแกะ ซึ่งถูกประหารนี้ยังคง ยืนอยู่ 
                   หมายถึงพระเยซูเจ้าผู้ทรงสิ้นพระชนม์และกลับคืนพระชนมชีพแล้ว 


         ดังนั้น ทุกคนจึงรอคอยผู้ที่เป็นลูกแกะของพระเจ้า เพราะนั่นหมายถึง พระแมสสิยาห์ 
พระผู้ช่วยให้รอดพ้น 
และในวันนี้ ยอห์นก็เน้นย้ำว่า พระเยซูเจ้าเป็นลูกแกะของพระเจ้า 
พระเยซูเจ้าเป็นผู้ช่วยโลกให้รอด


เมื่อทั้ง 2 คน รับรู้  เข้าใจแล้ว เขาก็ละยอห์น ผู้เป็นอาจารย์ และติดตามองค์พระเยซูเจ้าไป 
หันมามองดูตัวของเราบ้าง  เรารับรู้  เราเข้าใจ จากการประกาศสอนของบรรดาอัครสาวก ถ่ายทอดคำสอนมาผ่านทางบรรดาพระสันตะปาปา พระสังฆราช พระสงฆ์ 
ซึ่งเป็นคำสอนทางการของพระศาสนจักรว่า


พระเยซูเจ้าทรงเป็นพระเจ้า พระเยซูเจ้าทรงเป็นลูกแกะของพระเจ้า 
พระเยซูเจ้าทรงเป็นพระผู้ช่วยให้รอดพ้นแต่เพียงผู้เดียว 


เราได้ยินซ้ำแล้ว ย้ำอีกหลายรอบ หลายครั้ง หลายปี จนชินหูไปแล้ว  
หากจะถามว่า เราได้ยินแล้ว เราคิดจะทำอย่างไร? ศิษย์ยอห์น 2 คน ละจากยอห์น 
หมายถึง การทิ้งความคิด ทิ้งความเป็นศิษย์ ทิ้งแล้วทิ้งเลย ไม่หวนกลับไปอีก ทิ้งอย่างเด็ดขาด 
และได้ติดตามพระเยซูเจ้าไป      


เราเองก็เช่นกัน  เราควรที่จะละจากสิ่งอื่น ๆ ละจากความคิดเดิม ๆ 
จากอคติ จากความชั่วร้ายเลวทรามต่าง ๆ อย่างเด็ดขาด โดยไม่มีการประนีประนอม
 ตัดก็คือตัด ขาดก็คือขาด    แล้วจึงจะติดตามพระองค์ไป ติดตามอย่างติด ๆ 
เพื่อจะได้ไม่คลาดสายตาจากพระองค์ เพื่อเราจะได้ไม่หลงทาง 
ออกนอกเส้นทางของพระองค์ เส้นทางแห่งความรอด


แล้วพระเยซูเจ้าทรงเรียกร้องอะไรจากผู้ที่ติดตามพระองค์ นั่นก็คือ 


การอยู่กับพระองค์ และอาศัยอยู่ในพระองค์  
อยู่กับพระองค์ และอาศัยอยู่ในพระองค์ 
หรือในอีกความหมายหนึ่งก็คือ การมีชีวิตอยู่ในพระเจ้า 


นั่นคือ การดำเนินชีวิตตามคำสอนของพระองค์ นั่นเอง 
ดังพระวาจาที่ว่า เราเป็นหนทาง ความจริง และชีวิต 
เพราะฉะนั้น การมีชีวิตอยู่กับพระองค์ก็คือ การทำตามพระวาจาของพระองค์นั่นเอง  
เมื่อทำตามพระวาจาของพระองค์ เราก็สนิทสัมพันธ์กับพระองค์ 
และก็เป็นจิตใจเดียวกันกับพระองค์ ดังที่น.เปาโลได้บอกเราในวันนี้


ดังนั้น เมื่อเราได้ยิน รับรู้ เข้าใจ และติดตามพระองค์ ด้วยการปฏิบัติตามพระวาจาของพระเจ้าแล้ว 
ชีวิตของเราก็จะเป็นชีวิตของพระเจ้า เมื่อเป็นชีวิตของพระเจ้าแล้ว 
ความชั่วร้าย ความบาป ย่อมอยู่ห่างจากชีวิตของเรา


น.เปาโลเตือน สอน และให้เราเข้าใจเกี่ยวกับร่างกายของเราว่า



           1.  ร่างกายมิได้มีไว้เพื่อการล่วงประเวณี แสวงหาความสุขทางเนื้อหนัง 
                    ใช้ร่างกายไปตามอารมณ์ความรู้สึกใฝ่ต่ำ ตามกิเลส ตัณหาของตนเอง 
                    สังคมทุกวันนี้ เต็มไปด้วยบาปที่ทำผิดต่อร่างกายทั้งของตนเองและผู้อื่น  
                    จงหลีกหนีการล่วงประเวณี
            2.  ร่างกายมีไว้เพื่อพระเจ้า
            3.  ร่างกายของเราเป็นส่วนประกอบ เป็นอวัยวะในพระวรกายของพระคริสตเจ้า  
                      ร่างกายของเราเป็นวิหารของพระจิตเจ้า
           4.  จงใช้ร่างกายของท่านถวายพระเกียรติแด่พระเจ้าเถิด

พี่น้องที่เคารพรัก ศิษย์ของพระเยซูเจ้าจะต้องติดตามและ อยู่กับพระองค์เสมอ 
และพร้อมที่จะปฏิเสธทุกสิ่ง เพื่อจะได้อยู่กับพระองค์
การรับฟังพระวาจาของพระเจ้า  การรับศีลมหาสนิท การสวดภาวนา 
ยกจิตใจขึ้นหาพระเจ้า จะทำให้เราชิดสนิทสัมพันธ์กับพระเจ้า


วันเสาร์ที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2555

สมโภชพระคริสตเจ้าแสดงองค์ 2012

บทเทศน์  ในวันสมโภชพระคริสตเจ้าแสดงองค์


เมื่อสัปดาห์ก่อนก่อน เราเฉลิมฉลองการบังเกิดมาของพระบุตร คือ พระเยซูเจ้า
พระกุมารน้อยน้อยที่เมืองเบธเลเฮ็ม บรรยากาศของการเกิดมาของพระเยซูเจ้า
เป็นการเกิดมาอย่างเงียบ ๆ ในสถานที่ธรรมดา ๆ
และในความเงียบนี้เองจึงมีเพียงกลุ่มคนเพียงไม่กี่กลุ่มเท่านั้น
ที่รับรู้ถึงการบังเกิดมาของพระองค์
ชาวเมืองเบธเลเฮ็ม กำลังวุ่นวายกับการกินและดื่ม
ในค่ำคืนที่พวกเขาได้กลับมาที่บ้านเกิดเมืองนอนของตนเอง
มีเพียงคนเลี้ยงแกะที่อยู่กลางทุ่งนา หรือที่อยู่กลางหุบเขาเท่านั้น
ที่ได้รับรู้ถึงการบังเกิดมาของพระเยซูเจ้า
เพราะว่าทูตสวรรค์ของพระเจ้าได้มาแจ้ง ได้มาบอกข่าวดีว่า
พระกุมารบังเกิดแล้วที่เมืองเบธเลเฮ็ม
และพวกเขาก็พากันเดินทางมาที่เมืองเบธเลเฮ็ม
และก็ได้เห็นตามที่ทูตสวรรค์ได้บอกกับพวกเขา
คือ พวกเขาได้พบพระกุมาร มีผ้าพันกาย นอนอยู่ในรางหญ้า
ซึ่งนำความชื่นชมยินดี และความสุขอย่างเต็มเปี่ยมมาสู่พวกเขา
พวกเขามีความสุขใจที่ได้พบพระผู้ช่วยให้รอด
และพากันร้องเพลงสรรเสริญพระเจ้า ขอบคุณพระเจ้า
นี่คือวันที่พระเจ้าได้เผยแสดงองค์แก่มนุษย์ แก่ชาวยิวก่อน
เพราะพวกเขาเป็นประชากรที่ได้รับการเลือกสรรจากพระเจ้า
พวกเขาเป็นชนชาติที่พระเจ้าทรงปกครอง
และในวันนี้ พระเยซูเจ้าได้เผยแสดงพระองค์แก่คนต่างชาติ
คนต่างศาสนา คนต่างด้าว ให้ได้รับรู้ถึงความรอดของโลก
ให้รับรู้ถึงข่าวดีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่พระเจ้าทรงกระทำกับมนุษย์ด้วยการมาบังเกิดของพระองค์
ผ่านทางดวงดาว หรือ ที่เรียกว่า ดาวแห่งเบธเลเฮ็ม ได้นำพญาสามองค์
ซึ่งเป็นปราชญ์แห่งทิศบูรพา หรือ กษัตริย์จากทางตะวันออก
ให้มาพบกับพระกุมาร พร้อมกับของขวัญอันล้ำค่า นั่นคือ ทองคำ กำยาน และมดยอบ
การเป็นกษัตริย์     การเป็นสมณะ     การสิ้นพระชนม์   
ในบรรยากาศของความเงียบ
การเฝ้าติดตามดวงดาวมาอย่างเงียบ ๆ ของพญาสามองค์
ทำให้พวกท่านได้พบกับพระกุมาร พบกับความชื่นชมยินดี
และพบกับความสุขสมหวัง
ตรงกันข้ามกับกษัตริย์เฮโรด ซึ่งอยู่ในสภาพของความวุ่นวาย
ความสนุกสนาน การเฉลิมฉลอง ความสับสน และความเกลียดชัง
ทำให้กษัตริย์เฮโรดไม่สามารถที่จะพบกับพระกุมาร องค์กษัตริย์ได้
ทั้ง ๆ ที่กุมารน้อยเกิดมาในดินแดนที่อยู่ภายใต้การปกครองของตัวเอง
แม้จะมีเขียนไว้ในพระคัมภีร์.. แต่เพราะจิตใจของเขาวุ่นวาย
และกังวล จึงไม่อาจจะที่จะเข้าใจหรือพบกับพระกุมารได้
พี่น้องที่เคารพรัก การสมโภชพระคริสตเจ้าสำแดงองค์ในวันนี้
เป็นเผยแสดง หรือ เป็นการเปิดเผยให้เราเห็นว่า
พระเจ้าทรงบังเกิดมาเป็นมนุษย์
พระเจ้าทรงเผยแสดงความรักอันยิ่งใหญ่ของพระองค์แก่มนุษย์
มิใช่เฉพาะกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง มิใช่เฉพาะชาวยิว
มิใช่เฉพาะคริสตชนเท่านั้น แต่สำหรับมนุษย์ทั่วโลก
พญาสามองค์เป็นตัวแทนของทวีปยุโรป ทวีปแอฟริกา และทวีปเอเชีย
ได้เข้ามาคุกเข่าลงกราบนมัสการพระกุมาร
นี่แสดงให้เห็นว่า พระเจ้าเป็นความรอด เป็นความหวังสำหรับทุกคน
เป็นความยินดีสำหรับทุกคน
สิ่งสำคัญ เราจะพบกับพระเจ้าได้ ก็ต่อเมื่อ
จิตใจของเราเงียบสงบ  
ตราบใดที่จิตใจของยังวุ่นวาย และเต็มไปด้วยความกังวลใจ
เต็มไปด้วยความขัดแย้ง การเกลียดชัง การอาฆาตพยาบาท
หรือ การทะเลาะเบาะแว้ง หรือ การเป็นกก เป็นเหล่า  
การไม่ลงรอยกัน
เมื่อนั้นเราจะไม่สามารถเข้าถึงพระเจ้าได้
เราจะไม่สามารถเข้าถึงความรักของพระเจ้าได้เลย..