BLOGGER TEMPLATES AND TWITTER BACKGROUNDS

วันเสาร์ที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2555

สัปดาห์ที่ 30 เทศกาลธรรมดา ปี B




บทเทศน์


การรักษาบารทิเมอัสคนขอทานที่ตาบอดเป็นอัศจรรย์ครั้งสุดท้ายในพระวรสารของนักบุญมาระโกที่พระเยซูเจ้าทรงกระทำก่อนที่พระองค์จะเสด็จเข้ากรุงเยรูซาเล็ม  ที่เมืองเยริโค เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ก่อนที่จะถึงกรุงเยรูซาเล็ม  ทุกคนที่จะไปกรุงเยรูซาเล็มต้องผ่านเมืองนี้ คนตาบอดเป็นบุคคลที่ถูกทอดทิ้งน่าสงสาร เป็นขอทานที่ไม่มีใครสนใจ ไม่มีใครดูแล เขาดำเนินชีวิตข้างถนน เกียรติและศักดิ์ศรีไม่มี ถูกดูหมิ่นและเหยียดหยามว่า นี่เป็นผลของบาป..บาปทำให้เขาตาบอด..

แต่บารทิเมอัสก็เป็นแบบอย่างและให้ข้อคิดกับเรา


บารทิเมอัส ขออะไรจากพระเยซูเจ้า
ครั้งแรก เขาร้องขอความเมตตากรุณาจากพระเจ้า พระโอรสของกษัตริย์ดาวิดเจ้าข้า โปรดเมตตาข้าพเจ้าเถิดเพราะว่า บารทิเมอัสมองไม่เห็นพระเยซูเจ้า เขารู้แต่เพียงว่า ตัวเขาเป็นคนบาป เป็นคนที่น่าสงสารที่อยู่ในสภาพของบาป และสภาพของการถูกลงโทษ เพราะฉะนั้น สิ่งที่เขาต้องการคือ ความเมตตาและการให้อภัยในความบาปของเขา เพื่อเขาจะได้ไม่ต้องลงไปสู่แดนผู้ตายตลอดนิรันดร เขาจึงร้องขอความเมตตาจากพระเจ้า และเพราะเขาเชื่อว่า บุคคลนี้เป็นบุตรของดาวิด คงจะช่วยให้เขารอดพ้นได้

ประการที่สอง เขาร้องขอแสงสว่าง รับบูนี พระอาจารย์ ให้ข้าพเจ้าแลเห็นเถิด หลังจากที่เขาได้ยินกลุ่มชนบอกว่า ทำใจดี ๆ ไว้ ลุกขึ้น พระองค์กำลังเรียกเจ้าแล้ว มันเป็นประสบการณ์ใหม่ที่คนตาบอดได้รับ มันเป็นประสบการณ์ที่เขาไม่เคยได้รับมาก่อน นั่นคือ ความสนใจที่อยากจะเจอกับเขา ความสนใจที่อยากจะพบกับคนบาป เขารู้สึกถึงเกียรติ และศักดิ์ศรี เขารับรู้ถึงความรักของพระเจ้าที่มีต่อเขา เขาจึงร้องว่า พระอาจารย์ โปรดให้ข้าพเจ้ามองเห็นเถิด เขาต้องการแสงสว่าง เขาต้องการการรักษา โดยที่เขาเชื่อมั่นว่า พระเยซูเจ้าทรงช่วยเขาให้สามารถมองเห็นได้แน่นอน เขามีความหวังในพระเยซูเจ้า และมั่นใจในพระองค์
คำตอบของพระเยซูเจ้าที่ให้แก่เขา ก็คือ ไปเถิด ความเชื่อของเจ้าได้ช่วยเจ้าให้รอดพ้นแล้ว

พี่น้องที่เคารพรัก ในการดำเนินชีวิตคริสตชนของเรา สิ่งที่เราต้องการจากพระเจ้าก็คือ ความเมตตากรุณา และแสงสว่างส่องทางเดินในชีวิตของเรา เพื่อเพิ่มความเชื่อ เพิ่มความหวัง เพิ่มความมั่นใจ และเพื่อความรักต่อพระองค์
บารทิเมอัส ตาบอด มองไม่เห็น ไร้คุณค่า ไร้ศักดิ์ศรี หมดหวัง หมดกำลังใจ และทิ้งศักดิ์ศรีความเป็นบุตรของพระเจ้า ขาดความมั่นใจในความเป็นบุตรของพระเจ้า เพราะสังคมตราหน้าว่า เป็นคนบาป เป็นคนที่สมควรได้รับโทษ
เราคริสตชน เรามีตา เรามองเห็น เราสามารถสัมผัสได้ถึงความงามของสิ่งสร้างที่พระเจ้าทรงสร้างมาเพื่อเรา ธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม และโลก 
พี่น้องคริสตชน เรามองเห็นความดีงามของพระเจ้า เรามองเห็นหลักปฏิบัติของพระเจ้า เรามองเห็นศีลธรรมจริยธรรมของพระเจ้า เรามองเห็นหนทางแห่งการดำเนินชีวิตเพื่อมุ่งไปสู่ความศักดิ์สิทธิ์ในพระเจ้า
ความดีงาม กฎของพระเจ้า พระองค์ทรงจารึกไว้ในหัวใจของเรา พระองค์ทรงบรรจุไว้ในจิตใจ ในมโนธรรมของเรา อะไรดี อะไรถูก พระเจ้าบอกเราผ่านทางมโนธรรมของเรา อะไรผิด อะไรเป็นบาป พระเจ้าบอกเราผ่านทางมโนธรรมของเรา
เมื่อเราดำเนินชีวิตอยู่ในแสงสว่างแห่งความเชื่อ และพระบัญญัติของพระเจ้า เราย่อมมองเห็นทางของพระเจ้าได้อย่างชัดเจน และไม่หลงทาง
ในความเป็นจริงไม่เป็นเช่นนั้น ในความเป็นจริง หนทางของพระเจ้า ทำไมหลายครั้งเรามองเห็นไม่ชัดเจนบ้าง คลุมเครือบ้าง หลายครั้งเราไม่แน่ใจว่าใช่ทางของพระเจ้าไหม? เพราะความอ่อนแอ ความบกพร่อง การตกอยู่ในสภาพบาปของเรา
เราจะทำอย่างไร? ทำเหมือนกับบารทิเมอัส กล้าที่จะสลัดเสื้อคลุมของตนเองทิ้ง  กล้าที่จะกระโดดเข้าไปเฝ้าพระเยซูเจ้า  เราต้องไม่ประนีประนอมกับความชั่วร้าย เราต้องไม่ประนีประนอมกับความบาป เราจะต้องเด็ดเดี่ยว และกล้าที่จะเข้าหาพระเจ้าด้วยใจจริง...ความเชื่อ จะทำให้เราเข้มแข็ง  ข้าพเจ้าเชื่อว่า พระเจ้าทรงสรรพานุภาพ.. หมายความว่า เราเชื่อว่า พระเจ้าทรงทำได้ทุกสิ่งทุกอย่าง พระเจ้าทรงอำนาจ ไม่มีสิ่งใดที่พระเจ้าจะทำกระทำไม่ได้.. แม้แต่การให้อภัยความบาป ความผิดที่มนุษย์บอกว่า ให้อภัยไม่ได้ แต่สำหรับพระเจ้าพระองค์ให้อภัยบุตรของพระองค์เสมอ ขอเพียงการสำนึกผิด และการกลับใจมาหาพระองค์ 


วันเสาร์ที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2555

สัปดาห์ที่ 29 ธรรมดา ปี B


บทเทศน์


อสย 53:10-11  ฮบ 4:14-16  มก 10:35-45



พี่น้องที่เคารพรัก วันนี้พระวาจาของพระเจ้าได้ตรัสกับเรา เพื่อเป็นแนวทางในการดำเนินชีวิตและเพื่อตักเตือนเราให้ดำเนินชีวิตตามหนทางของพระเยซูเจ้า

·       ในพระวรสาร เราเห็นว่า ยากอบและยอห์น บุตรของเศเบดี เข้ามาหาพระเยซูเจ้าเพื่อวอนขอสิ่งที่ต้องการจากพระองค์ นั่นคือ การนั่งข้างขวาและข้างซ้าย นั่นหมายถึง การขอตำแหน่งจากพระเยซูเจ้า หมายถึงการแสดงออกถึงความมักใหญ่ใฝ่สูง  หมายถึงการหวังในชื่อเสียง ลาภยศสรรเสริญ ความมีหน้ามีตา

ซึ่งก็เป็นธรรมชาติของมนุษย์ของเรา หลาย ๆ ต่อหลายครั้ง เราเองก็สอนลูกสอนหลานให้พยายามตั้งใจเรียนหนังสือ เมื่อโตขึ้นจะได้มีหน้ามีตา มีคนเคารพนับถือ สร้างชื่อเสียงมาสู่ครอบครัว มาสู่พ่อแม่ของตนเอง

·       คำตอบของพระเยซูเจ้า พระองค์ตรัสว่า ถ้วยที่เราจะดื่มท่านดื่มได้หรือ? นั่นหมายถึง การรับทรมาน อย่างแสนสาหัส การพบกับการเบียดเบียน และสุดท้าย คือ ความตาย
สำหรับพระเยซูเจ้า การจะได้มาซึ่งพระสิริรุ่งโรจน์ นั้น จำเป็นต้องผ่าน การทรมาน การเบียดเบียน ความทุกข์ยากลำบาก การถูกดูหมิ่นเหยียดหยาม และต้องตายอย่างน่าอดสู แล้วจึงจะได้รับพระสิริรุ่งโรจน์ เหมือนกับผ่านกางเขนสู่แสงสว่าง..

·       ทั้งสองคนก็ตอบว่า ได้ พระเจ้าข้าคำตอบของพวกเขา ดูเหมือนว่าจะเข้าใจในสิ่งที่พระเยซูเจ้าพูด แต่ในความเป็นจริงแล้ว พวกเขาไม่เข้าใจอะไรเลย เพียงเพราะต้องการชื่อเสียง การนับหน้าถือตา การโดดเด่นกว่าคนอื่น พวกเขาจึงตอบพร้อมกันว่า ได้ พระเจ้าข้า แต่ในชีวิตจริง ทุกคนหนีพระเยซูเจ้าไปหมด ไม่มีใครร่วมในพระทรมานของพระองค์เลย

เมื่อเขาทั้งสองยืนยันว่า จะดื่มถ้วยที่พระองค์ทรงดื่ม พระองค์ก็บอกว่า พวกเขาจะได้ดื่มอย่างแน่นอน หมายความว่า บรรดาศิษย์ทุกคนจะพบกับการเบียดเบียน จะพบกับความทุกข์ยากลำบาก จะได้รับความทุกข์ทรมาน จากบุคคลอื่นอย่างแน่นอน

·       เช่นเดียวกัน เราคริสตชน หนีไม่พ้นความทุกข์ทรมาน หนีไม่พ้นการเบียดเบียน หนีไม่พ้นความทุกข์ยากลำบาก หนีไม่พ้นอุปสรรคขวากหนามในชีวิต เพราะนี่คือวิถีชีวิตของเรา
บรรดาศิษย์อีกสอบคนได้ยินดังนั้น ก็พากันโกรธเคือง อิจฉา พี่น้องสองคนนี้ ที่ขอตำแหน่งสูง ๆ จากพระเยซูเจ้า
·       คำสอนของพระเยซูเจ้า ก็คือ ผู้ใดปรารถนาจะเป็นใหญ่ จะต้องทำตนเป็นผู้รับใช้คนอื่น ผู้ใดปรารถนาจะเป็นที่หนึ่ง ก็จะต้องทำตนเป็นผู้รับใช้ทุกคน

มันเป็นการง่ายที่จะพยายามอยู่เหนือคนอื่น  เป็นการง่ายที่จะใช้อำนาจบังคับคนอื่นให้ทำตามในสิ่งที่ตนเองต้องการ แต่มันเป็นสิ่งที่ยาก ยากที่จะรับใช้คนอื่น ยากที่จะเสียสละตนเองเพื่อคนอื่น ยากที่จะอุทิศตนเองเพื่อคนอื่น เพราะการทำเช่นนี้ เป็นเหมือนกับการที่ตัวเอง เสียเปรียบ เป็นเหมือนกับตัวเองถูกเอาเปรียบจากคนอื่น

·       สิ่งที่ยาก ยากนี่แหละที่พระเยซูเจ้าทรงเรียกร้องจากศิษย์ของพระองค์  การรับใช้ การเสียสละตนเอง การอุทิศตนเอง เพื่อคนอื่น เพื่อวัดเพื่อวา เพื่อศาสนานี่แหละคือสิ่งที่พระเยซูเจ้าสอนเรา

พระองค์ตรัสว่า พระองค์มิได้มาในโลกเพื่อให้คนอื่นรับใช้ แต่มาเพื่อรับใช้ และมอบชีวิตของตนเพื่อคนอื่น

·       ในบทอ่านที่หนึ่ง ประกาศกอิสยาห์ พระเจ้าพอพระทัยให้เขาถูกขยี้ด้วยความทุกข์ทรมาน หลังจากที่เขาประสบความทรมานแล้ว เขาจะเห็นแสงสว่าง เขาจะนำความชอบธรรมมาให้แก่คนจำนวนมาก
ประกาศกพูด หมายถึง องค์พระเยซูเจ้า ที่จะต้องทุกข์ทรมาน แต่ผ่านความทุกข์ทรมานจะได้เห็นแสงสว่าง พระสิริรุ่งโรจน์
·       ประกาศกยังพูดหมายถึง บรรดาคริสตชนด้วย เพราะคริสตชนจะได้รับความทุกข์ทรมานในการดำเนินชีวิตตามกฎพระบัญญัติของพระเจ้า เพราะกฎต่าง ๆ สวนกระแสของสังคม ฝืนกระแสของโลก ทำให้เกิดการเบียดเบียนทางด้านจิตใจ ทางด้านศีลธรรมจริยธรรม เช่น สามีจงซื่อสัตย์ต่อภรรยาเพียงผู้เดียว แต่โลกของเรา เราเห็นว่า การมีเมียน้อย การผิดผัวผิดเมีย เป็นเรื่องธรรมดา เป็นต้น

พี่น้องที่เคารพรัก สิ่งที่พระเยซูเจ้าสอนเราในวันนี้ ก็คือ การรู้จักรับใช้คนอื่น การรู้จักเสียสละตนเองเพื่อคนอื่น การรู้จักสละน้ำใจของตนเพื่อส่วนรวม โดยมองดูพระเยซูเจ้า เป็นแบบอย่าง พระองค์ทรงรับใช้บรรดาศิษย์ ยอมล้างเท้าแม้กระทั่งศิษย์ของตนเอง พระองค์ยอมมอบชีวิตของพระองค์เพื่อไถ่บาปเราทุกคน โดยความทุกข์ทรมาน และความยากลำบากต่อชีวิต และสิ่งที่พระองค์ได้รับคือพระสิริรุ่งโรจน์

·       เราเองก็เช่นเดียวกัน การได้รับความยากลำบากที่มาจากการปฏิบัติตามพระบัญญัติ การได้รับความทุกข์ทรมานที่ได้มาจากการกระทำความดีนั้น  เราจงอย่าท้อแท้ เราจงอย่าหมดหวัง เพราะว่า พระเจ้าจะประทานพระสิริรุ่งโรจน์ให้กับเรา พระเจ้าจะปลอบโยนและจะให้สิ่งที่ดีที่สุดแก่เรา

·       วันนี้ เป็นวันแพร่ธรรมสากลด้วย สิ่งสำคัญสำหรับการแพร่ธรรมก็คือ การดำเนินชีวิตตามคุณค่าแห่งพระวรสาร การดำเนินชีวิตในศีลในธรรมของพระเจ้านี่แหละ การดำเนินชีวิตที่อดทนในการทำความดี และการหลีกหนีอบายมุข ความชั่วร้าย ความโกรธ ความอิจฉาในครอบครัว ในหมู่บ้าน ในวัดในวาของเรานี่แหละ คือการแพร่ธรรมที่ดีที่สุด นั่นคือ การเป็นแบบอย่างที่ดีตามหนทางของคริสตชน นั่นเอง 


วันเสาร์ที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2555

อาทิตย์สัปดาห์ที่ 28 ธรรมดา B

บทเทศน์






ทำอย่างไรจึงจะได้รับชีวิตนิรันดร?


นี่คือคำถามที่น่าคิดสำหรับมนุษย์ทุกคน สิ่งที่เราต้องพิจารณาก็คือ
·   คนที่ถามคือใคร?  คนที่ถามคือชายหนุ่มที่มีทรัพย์สมบัติมาก
            ทำไมชายหนุ่มที่ทรัพย์สมบัติมากจึงถามคำถามที่ว่า ทำอย่างไรจึงได้รับชีวิตนิรันดร? แสดงให้เห็นว่าทรัพย์สมบัติของเขา ไม่ได้ช่วยให้เขามีชีวิตนิรันดรหรือ?  แน่นอน มันไม่ได้ช่วยอะไรเลย และมันไม่มีคุณค่าอะไรต่อชีวิตนิรันดรด้วย
·  แล้วชีวิตนิรันดรคืออะไร?  ชีวิตนิรันดรก็คือ การมีชีวิตอยู่กับพระเจ้า แน่นอนว่า ย่อมเต็มเปี่ยมไปด้วยความสุข สันติ ความรัก ความสงบ..
·  ชายหนุ่มผู้มีทรัพย์สมบัติมากมาย ต้องการชีวิตนิรันดร มากกว่าทรัพย์สมบัติที่มีอยู่ เพราะว่า การมีชีวิตนิรันดร หมายถึงการมีอยู่ตลอดไป การไม่ต้องการสิ่งอื่นใดนอกจากพระเจ้าเท่านั้น
·       คนที่ตอบคือ พระเยซูเจ้า ซึ่งเป็นอาจารย์ผู้ทรงความดี
·       คำตอบของพระเยซูเจ้าก็คือ อย่าฆ่าคน อย่าล่วงประเวณี อย่าลักขโมย อย่าเป็นพยานเท็จ อย่าฉ้อโกง จงนับถือบิดามารดา
·    เพื่อให้สอดคล้องกับเอกลักษณ์ของพระเยซูเจ้าที่พระองค์ทรงเป็นองค์แห่งความดี พระเยซูเจ้าจึงตรัสถึง ความดีที่เราต้องปฏิบัติ ถือเป็นความดีพื้นฐาน ถือเป็นความดีในการดำเนินชีวิตประจำวัน
·    อย่าฆ่าคน ไม่ใช่เพียงเรื่องการฆ่าชีวิต การทำแท้ง แต่หมายถึง การไม่ทำลายชีวิตของกันและกัน ไม่ว่าจะเป็นทางกาย หรือ ทางจิตใจ ไม่ว่าจะเป็นด้วยการกระทำ หรือด้วยคำพูด หรือด้วยความคิด หรือด้วยเจตนา  สิ่งที่พระเยซูเจ้าต้องการก็คือ การเคารพต่อชีวิตของกันและกัน
·  อย่าล่วงประเวณี การทำผิดต่อความซื่อสัตย์ของกันและกันระหว่างสามีภรรยา เป็นบาปที่ร้ายแรงที่ก่อให้เกิดบาปอื่น ๆ ตามมามากมาย การผิดผัวผิดเมีย การมีชู้ เป็นบาปต้องห้าม เพราะเป็นการทำตามอำเภอใจของตนเอง ความพึงพอใจของตนเอง เพราะสิ่งที่พระเยซูเจ้าต้องการก็คือ การเคารพและซื่อสัตย์ต่อคู่ชีวิตของตนเองตลอดไป
·   อย่าลักขโมย อย่าเป็นพยานเท็จ และอย่าฉ้อโกง เป็นการเอารัดเอาเปรียบคนอื่น เป็นการทำลายทรัพย์สินและชีวิตของคนอื่น สิ่งที่เราควรทำคือ การเคารพต่อกัน
· จงนับถือบิดามารดา  เคารพนับถือ เชื่อฟัง และเลี้ยงดู เสมอ ทั้งในเวลาที่แข็งแรง เจ็บไข้ได้ป่วย บุตรต้องดูแล และเอาใจใส่เสมอ
·       นี่คือ ความดีพื้นฐานของมนุษย์ นี่คือความดีที่เราต้องทำ เพื่อที่จะได้รับชีวิตนิรันดร เราจะสามารถทำความดีที่ยิ่งใหญ่กว่านี้ได้ ก็ต่อเมื่อเราได้ทำความดีพื้นฐานนี้ให้ดีเสียก่อน
·     พี่น้องที่เคารพรัก พี่น้องยังศรัทธากับคำว่า ทำดีได้ดี และทำชั่วได้ชั่วหรือไม่? สำหรับพระศาสนจักร คำนี้คงอยู่ตลอดไป สำหรับพระศาสนจักร ความดีไม่เคยละทิ้งแสงแห่งความดีของมันเลย และพระศาสนจักร ก็สอนให้เรามุ่งสู่ความดีเสมอ
·   สังคมโลกสอนเรา ทำดีได้ดีมีที่ไหน  ทำชั่วได้ดีมีถมไป นี่เป็นคำลวง เป็นการโกหกที่ได้ผลตลอด เป็นการโกหก ทำให้คนเห็นกงจักรเป็นดอกบัว เห็นความดีเป็นความชั่ว เห็นการทำชั่วเป็นความชอบธรรม..
· คริสตชน ต้องยืนหยัดและยืนยันในความดีของพระคริสตเจ้าเสมอ ต้องยึดมั่นและอยู่ข้างความดีของพระศาสนจักรเสมอ เพื่อเราจะได้ดำเนินชีวิตอย่างถูกต้อง และมุ่งหน้าไปสู่ความดีสูงสุดกับพระบิดาเจ้าผู้ทรงความดีอย่างครบบริบูรณ์..
·       คำตอบของพระเยซูเจ้า ยังไม่จบแค่นี้..

·       จงไปขายทุกสิ่งที่มี มอบเงินให้คนยากจน.. จงติดตามเรามาเถิด

·       เป็นการตัดสละและออกจากตนเอง เป็นการเสียสละและอุทิศตนเอง มิใช่เพื่อตนเองอีกต่อไป แต่เป็นการกระทำเพื่อคนอื่น เพราะการติดตามพระเยซูเจ้า มิใช่กระทำเพื่อตนเอง แต่เป็นการรักและรับใช้คนอื่น รับใช้ด้วยการประกาศข่าวดีแก่คนอื่น ข่าวดีที่มีอยู่ในตัวของเราเอง..
·       ผลที่เกิดขึ้น..ก็คือ ชายหนุ่มคนนั้นหน้าตาเศร้าหมอง และจากไป  เขาไม่ยอมออกจากตัวเอง เขาไม่ยอมที่จะแบ่งปันสิ่งที่ตนเองมีแก่คนอื่น เขาไม่ยอมที่จะเปิดตัวเองออกสู่คนอื่น เขาไม่ยอมอุทิศตนเพื่อคนอื่น และเมื่อย้อนกลับไปที่คำถามที่เขาถาม แสดงให้เห็นว่า  เขาไม่ได้ต้องการชีวิตนิรันดรจริง ๆ .. เพราะเขาไม่สามารถไปถึงได้ เพราะใจของเขาติดกับทรัพย์สมบัติที่มีอยู่นั่นเอง
·       สำหรับเราคริสตชน... หากอยู่ในสถานการณ์ของชายหนุ่มคนนี้ เราจะทำอย่างไร?  เลือกที่จะยึดทรัพย์สมบัติเพื่อตัวเอง หรือ เลือกที่จะใช้ทรัพย์สมบัติที่มีเพื่อคนอื่น แล้วติดตามพระองค์.. เป็นทางเลือกสำหรับเราเสมอ



วันพฤหัสบดีที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2555

วันศุกร์ 27 ธรรมดา ปี B

กท 3:7-14 ลก 11:14-26



บทเทศน์

ในบทอ่านที่หนึ่ง เราได้ยินน.เปาโลบอกว่า มนุษย์จะเอาตัวรอดได้ ก็ต่อเมื่อเขามีความเชื่อ  
ด้วยตัวอย่างของอับราฮัม ที่เชื่อมั่นในพระเจ้า ยึดมั่นในอำนาจของพระเจ้า เพราะความเชื่อ 
ท่านจึงได้ชื่อว่าเป็นผู้ชอบธรรม

ตรงข้ามกับชาวยิวที่สอนให้ปฏิบัติตามบัญญัติอย่างเคร่งครัดเพื่อจะได้เอาตัวรอดได้ 
เราจะต้องเข้าใจว่า น.เปาโลมิได้หมายความว่าจะต้องละทิ้งพระบัญญัติของพระเจ้า แล้วก็เชื่อในพระเจ้าอย่างเดียว  
แต่นักบุญเปาโลบอกว่า ความเชื่อสำคัญที่สุด ความเชื่อเป็นพื้นฐานของการปฏิบัติ 
ความเชื่อทำให้มนุษย์กลายเป็นคนชอบธรรมได้  และหากปฏิบัติตามพระบัญญัติอย่างเคร่งครัดโดยไม่มีความเชื่อ การกระทำนั้นก็ไร้ประโยชน์  หากปฏิบัติตามพระบัญญัติอย่างเคร่งเครัด โดยลืมจิตตารมณ์ของพระบัญญัติ การถือตามพระบัญญัติก็เปล่าประโยชน์

พี่น้องที่เคารพรัก พระเยซูเจ้าเสด็จมาในโลกนี้ ประกาศสอน ทำกิจการดี ช่วยเหลือคนยากจน คนที่ได้รับความเดือดร้อนต่าง ๆ มากมาย ไม่ใช่ว่าทุกคนจะชื่นชมยินดี ไม่ใช่ว่าทุกคนจะชื่นชอบพระองค์เสมอไป ก็มีประชาชนหลายคนที่ปฏิเสธ และคัดค้าน ขัดแย้ง และหาวิธีการต่าง ๆ เพื่อจะจับผิดพระองค์บ้าง เพื่อจะทดลอง ทดสอบพระองค์บ้าง

วันนี้ก็เช่นเดียวกัน  มีบางคนได้เห็นกิจการของพระเยซูเจ้าแล้วก็ยังกล่าวหาพระองค์อีก  พระองค์ขับไล่ปีศาจซึ่งทำให้คนเป็นใบ้ เมื่อมันออกไปแล้ว ประชาชนต่างก็พูดกันต่าง ๆ นานา บางคนก็ว่า พระองค์ขับไล่ปีศาจด้วยอำนาจของเบเอลเซบูล เจ้าแห่งปีศาจ  หรือเป็นชื่อของเทพเจ้าของชาวคานาอัน

นี่แหละจิตใจของมนุษย์ หากจิตใจของเรามีความคิดที่ชั่วร้ายก็จะมองไปทางไหนมีแต่ความชั่วร้าย  หากจิตใจของเรามีความเศร้า เราจะมองไปทางไปก็จะเห็นเป็นเรื่องน่าเศร้าทั้งหมด หากจิตใจเรา เต็มเปี่ยมไปด้วยพระคุณของพระเจ้า เราจะมองเรื่องอะไร สถานการณ์ใดก็จะเป็นเรื่องเกี่ยวกับพระเจ้า เช่นกัน

พระเยซูเจ้าจึงสอนพวกเขาให้เข้าใจว่า อาณาจักรใดที่แตกแยกกัน อาณาจักรนั้นจะคงอยู่ไม่ได้ ถ้าพระองค์ขับไล่ด้วยอำนาจของปีศาจ ก็เท่ากับว่าพระองค์แตกแยกกันเอง  ด้วยเหตุผลเช่นนี้ จึงเป็นไปไม่ได้ที่พระเยซูเจ้าจะขับไล่ปีศาจด้วยอำนาจของซาตาน  แต่ถ้าพระองค์ขับไล่ด้วยอำนาจของพระเจ้า ก็แสดงว่า  พระอาณาจักรของพระเจ้ามาถึงแล้ว เราที่เป็นผู้อยู่ในพระอาณาจักรของพระเจ้า ก็จำเป็นที่จะต้องอยู่ฝ่ายพระเจ้า จำเป็นจะต้องปฏิบัติตามพระบัญญัติของพระเจ้า เพื่อจะได้เข้าอยู่ในการปกครองของพระเจ้า คนที่อยู่ในการปกครองของพระเจ้า ปีศาจหรือว่าอำนาจแห่งความมืดจะต้องถูกขับไล่ออกไป

พระองค์ยังเตือนเราให้ระมัดระวังอีกว่า ทุกครั้งที่เราสามารถเอาชนะการประจญ การทดลอง การล่อลวงให้ทำบาป  เรามีโอกาสทำบาป แต่เราไม่ทำ   เวลาคนที่ว่าร้าย หรือนินทาเรา เราสามารถที่จะอดทนและอดกลั้น ให้อภัยได้  เวลาที่เราโมโหแต่เราสามารถควบคุมได้ แสดงว่าเรามีพลังในการที่จะเอาชนะการผจญเหล่านี้  พระเยซูเจ้าบอกว่า อย่าเพิ่งดีใจ เพราะการทดลองจะเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า ปีศาจจะล่อลวงเราหนักขึ้น  เราจะมีโอกาสทำบาปมากขึ้น ถ้าหากว่าเราไม่ตั้งใจ และไม่ระมัดระวังจริง ๆ แล้ว  สภาพของคน ๆ นั้นก็จะเลวร้ายกว่าเดิมเสียอีก