BLOGGER TEMPLATES AND TWITTER BACKGROUNDS

วันอาทิตย์ที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2556

พระคุณเจ้าเยี่ยมบ้านเณร 2013


วันอาทิตย์ที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2556
พระสังฆราช หลุยส์ จำเนียร สันติสุขนิรันดร์  อัครสังฆราชแห่งอัครสังฆมณฑลท่าแร่-หนองแสง ได้มาเป็นประธานพิธีบูชาขอบพระคุณเป็นครั้งแรกในเทอมนี้ เพื่อแสดงให้เห็นถึงความห่วงใย ความรัก และความเอาใจใส่ของพระคุณเจ้าที่มีต่อบรรดาสามเณร ซึ่งเป็นเสมือนหัวใจ และอวัยวะส่วนต่าง ๆ ของพระคุณเจ้า

บทเทศน์

  • ในบทสร้อยก่อนพระวรสาร “แกะของเราย่อมฟังเสียงของเรา”  แม้แต่แกะก็ยังฟังเสียงของเจ้าของ แกะจดจำเสียงของเจ้าของได้ และแกะก็จะเดินไปกับเจ้าของของมัน มันจะไม่ฟังเสียงของคนอื่น เสียงของคนแปลกหน้า เสียงของคนที่ไม่คุ้นเคย  แต่เมื่อเวลาที่แกะป่วย การได้ยินของมันจะไม่ทำงาน มันจะหูอื้อ จำเสียงของเจ้าของไม่ได้ เมื่อมันป่วย มันจะหลงไปกับเสียงของคนอื่น เสียงของสิ่งอื่น ทั้ง ๆ ที่ไม่ใช่เจ้าของมัน

  • สามเณร เป็นเสมือนแกะที่จะต้องจดจำ และติดตามเสียงของพระเยซูเจ้า เท่านั้น ในการดำเนินชีวิต ในการอุทิศตนเอง ในการปฏิบัติตนเอง สามเณรคนใดที่ฟังเสียงของคนอื่น และติดตามไป แสดงว่า สามเณรคนนั้นกำลังป่วยอยู่ แสดงว่าสามเณรคนนั้นไม่สบาย ต้องรีบเยียวยา และรักษาให้เร็วที่สุด เพื่อจะได้หายเป็นปกติ มิฉะนั้นแล้วเขาก็จะไม่สามารถดำเนินชีวิตตามปกติได้

  • ในพระวรสาร พระคุณเจ้าได้เทศน์ ว่า “พระเยซูเจ้าถามว่า เราเป็นใคร?” สามเณรก็เช่นกัน ควรจะถามตัวเองว่า เรากำลังติดตามใคร? แน่นอนว่า สิ่งนี้เป็นสิ่งที่สำคัญสำหรับการติดตามพระเยซูเจ้า พระองค์ทรงเรียกเรา และให้เราได้เรียนรู้ที่จะตอบรับเสียงเรียกของพระองค์...



โอวาทของพระคุณเจ้า
  • สามเณรต้องพร้อมที่จะติดตามพระเยซูเจ้า เรามีกระแสเรียก รับการเรียกจากพระเจ้า เป็นกระแสเรียกของเรา ไม่ใช่กระแสเรียกของพ่อแม่ของเรา เราจะต้องตัดสินใจเพื่อที่จะติดตามพระองค์

  • มีการปรับปรุงซ่อมแซมภายนอกต่าง ๆ สิ่งสำคัญก็คือ การปรับปรุงใจของเราเอง การซ่อมแซมจิตใจของสามเณรให้มีความใกล้ชิดกับพระเจ้ามากยิ่งขึ้นในบ้านเณรของเรา



  • “อธิการกล่าวว่า ขอบคุณพระคุณเจ้าที่ได้มอบความไว้วางใจให้มาดูแลสามเณร” นามสกุลของอธิการก็บอกอยู่แล้วว่า “โพธิ์สว่าง” จะต้องเป็นร่มโพธิ์ที่ส่องสว่างให้ทุกคนเห็นพระคริสตเจ้า  คุณพ่อรองอธิการ นามสกุล “อุ่นหล้า” ก็นำความอบอุ่นมาสู่บ้านเณร ทั่วหล้า  และสุดท้าย คุณพ่อเหรัญญิก นามสกุล “เหลือหลาย” ก็คิดว่า การเงินของบ้านเณรคงจะเหลือหลาย ไม่ใช่ขาดหลายเด้อ..



 ขอขอบพระคุณพระคุณเจ้าเป็นอย่างสูง




วันพฤหัสบดีที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2556

ความห่วงใยของพระคุณเจ้า 2013


พระคุณเจ้าได้ออกข้อปฏิบัติ และคำแนะนำ เตือน พระสงฆ์ประจำบ้านเณร
เพื่อการพัฒนาและการอบรมสามเณร
อนาคตของพระศาสนาจักร

เรื่องบ้านเณรฟาติม

สืบเนื่องจากการประเมินการบริหารงานของคุณพ่อผู้บริหาร มิสซังมีความเห็นว่า

1.             บ้านเณรเป็นสถานที่อบรมเด็ก เยาวชนชายที่ต้องการเป็นพระสงฆ์เท่านั้น
2.             ต้องพิถีพิถันในการรับเด็กที่สมัครเข้าบ้านเณร

a.              ไม่รับเด็กที่เกิดจากพ่อแม่เป็นชู้
b.             ไม่รับเด็กที่พ่อแม่ไม่ได้รับศีลแต่งงาน
c.              ต้องเป็นเด็กดี เรียนคำสอนประจำ
d.             ต้องเป็นเด็กช่วยมิสซาประจำของวัด มีความศรัทธา มีความประพฤติดี มีระเบียบวินัย
e.              ต้องได้รับการอบรมเรื่องการเป็นเณรจากคุณพ่อเจ้าวัด อย่างน้อย 24 ครั้ง
f.               ต้องมีการออกใบสอบถามจากคุณพ่อเจ้าวัด และถ้าขาดการรับรอง ก็ให้รอไปก่อน

สำหรับคุณพ่อประจำบ้านเณร
  1. การอบรมเณรเป็นหัวใจสำคัญ เพื่อเสริมสร้างความเชื่อ เพื่อให้เขาเดินไปสู่การบวชเป็นพระสงฆ์
  2. การถือระเบียบวินัย เป็นเงื่อนไขสำคัญ ถ้าไม่ถือระเบียบวินัยหลัก ก็ควรจำหน่าย เพื่อช่วยสร้างบรรยากาศให้น่าอบรม และเพื่อการอบรมจะมีประสิทธิผล
  3.   ไม่ควรกลัวจะมีเด็กเข้าบ้านเณร การมีเด็กจำนวนน้อยก็ยังดีกว่าได้เด็กที่ไม่เหมาะสม
  4.  คุณพ่อควรทำความรู้จักกับเณรพอสมควร เพื่อให้กำลังใจและแก้ไขสิ่งที่เขาทำผิด
  5.  เณรทุกคนควรแก้บาปสม่ำเสมอ และพบพ่อวิญญาณปีหนึ่งประมาณ 4 ครั้ง
  6.  ควรให้เณรทำงานมือ (ขุดดิน ปลูกผัก รดน้ำ ฯลฯ) เพื่อฝึกความรับผิดชอบและแบ่งเบาภาระของหมู่คณะ
  7.  เณรควรอ่านหนังสือพระวรสารทุกวัน อย่างน้อยวันละ 1 หน้า
  8. เณรควรได้รับการฝึกให้มีความรักต่อศีลมหาสนิท เป็นต้นเฝ้าศีลส่วนตัว
  9.  เณรควรรับผิดชอบกันและกัน เมื่อมีเณรคนหนึ่งทำผิด ควรมีการตักเตือนกันก่อน ถ้าไม่แก้ไขก็ต้องเรียนให้ผู้ใหญ่ทราบ
  10.  การแบ่งเณรเป็นกลุ่มย่อย กลุ่มละ 10 คน จะช่วยให้มีการพัฒนาการรับผิดชอบในหน้าที่การงาน และมีความรักห่วงใยกัน



(พระคุณเจ้าหลุยส์ จำเนียร)

วันเสาร์ที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2556

ระลึกถึงดวงฤทัยนิรมลของพระแม่มารีย์ 2013


บทเทศน์


วันนี้พระศาสนจักรให้เราระลึกถึงดวงหทัยอันนิรมลของพระนางมารีย์ เดิมทีพระศาสนจักรกำหนดวันฉลองนี้ในวันที่แปดหลังจากแม่พระรับเกียรติยกขึ้นสวรรค์ แต่ตามปฏิทินใหม่ พระศาสนจักรได้ทำการฉลองหลังการการสมโภชพระหฤทัยของพระเยซูเจ้า พระศาสนจักรต้องการให้เราได้เห็นว่า พระหฤทัยของพระองค์ กับดวงหฤทัยของพระมารดาเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ในแผนการช่วยให้รอดพ้นของพระเจ้า รวมทั้งดวงใจของเรามนุษย์ทุกคนด้วยที่จะต้องร่วมเป็นหนึ่งเดียวกันกับดวงหฤทัยนิรมลของพระนาง

เราจะเห็นว่า ตลอดพระชนมชีพของพระเยซูเจ้า พระองค์ทรงกระทำตามพระประสงค์ของพระบิดาเสมอ ไม่ว่าจะเป็นคำพูด ไม่ว่าจะเป็นการกระทำ พระองค์จะทำให้พระประสงค์ของพระบิดาสำเร็จไปเสมอ แม้แต่บนไม้กางเขนก็เช่นกัน ซึ่งหลายครั้งทำให้เรามองดูพระองค์สะดุดใจ สะดุดความคิด ว่า ทำไม อะไรนักหนา

ตัวอย่าง เมื่อแม่พระมาหาพระเยซูเจ้า มีคนบอกว่าแม่และญาติต้องการพบ พระเยซูเจ้าตอบว่า ใครคือแม่ ญาติพี่น้องของเรา ผู้ที่ทำตามพระประสงค์ของพระบิดาต่างหาก

วันนี้ พระวรสาร แม่พระและนักบุญโยเซฟตามหาพระเยซูเจ้า เมื่อตามหาจนพบแล้ว แม่พระก็ถามพระเยซูเจ้าว่า ลูกเอ๋ย ทำไมถึงทำกับแม่เช่นนี้ รู้ไหมว่าพวกเราตามหาลูก  คำตอบก็คือ ท่านตามหาลูกทำไม ไม่รู้หรือว่าลูกทำตามพระประสงค์ของพระบิดา ไม่รู้หรือว่าลูกต้องอยู่ในบ้านของพระบิดา  แม่พระเก็บเรื่องเหล่านี้ไว้ในใจ ไม่ใช่เพราะโกรธ หรือเคียดแค้น โมโห แต่เก็บไว้ในใจเพื่อที่จะพิจารณา ไตร่ตรอง เพื่อที่จะเข้าใจในหัวใจของพระเยซูเจ้า

ในหัวใจของพระเยซูเจ้า พระองค์ทรงเต็มเปี่ยมไปด้วยความรัก ความเมตตาสงสาร

ในหัวใจของแม่พระ ก็เช่นกัน พระแม่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรัก ความเมตตาสงสาร

ในหัวใจของเราล่ะ??  เราเต็มไปด้วยความรักซึ่งกันและกัน ความเมตตาสงสาร ความมีน้ำใจ การให้อภัยต่อกันและกันหรือเปล่า?

หรือว่า หัวใจของเราเต็มไปด้วยวัตถุสิ่งของ สิ่งที่เราชอบ สิ่งที่เราอยากได้ สิ่งที่เราอยากเป็น จนไม่มีที่ว่างสำหรับความรักที่เราจะต้องมอบให้แก่กันและกัน จนไม่มีที่เพียงพอสำหรับการให้อภัยแก่กันและกัน

พระเยซูเจ้าทรงเปิดเผยและเผยแสดงพระองค์เองในหัวใจของมนุษย์ และแม่พระก็พบกับหัวใจนี้ และน้อมรับหัวใจนี้มาสู่หัวใจของพระนาง  ความเงียบ การรำพึง การไตร่ตรอง ทำให้แม่พระพบกับหัวใจของพระเยซูเจ้า

เรามนุษย์ หากเราเงียบ หากเราฟังเสียงของหัวใจของเรา หากเราไม่พูดมาก ไม่พูดบ่อย ไม่คุยมากเกินไป แต่รู้จักฟัง ฟังเสียงของหัวใจของตนเอง เราจะพบกับความรักของพระเจ้าที่พระองค์ตรัสกับเราผ่านทางหัวใจของเรา

หัวใจของเรา เป็นที่มาของอารมณ์ ความรู้สึกต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นความรัก ความเกลียดชัง ความกล้าหาญ ความกลัว ความไว้วางใจ และการทยศ เราจะต้องฟังเสียงของหัวใจของเราเสมอ ๆ เพราะจะได้เดินในเส้นทางที่ถูกต้อง

อย่าให้ใครพูดว่า คุณเป็นคนไม่มีหัวใจ นั่นหมายความว่า คุณไม่มีความรัก ไม่มีความเมตตา ไม่มีใจที่จะให้อภัย ไม่มีหัวใจเหมือนกับพระเยซูเจ้า เหมือนกับแม่พระ


วันเสาร์ที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2556

มิสซาต้อนรับสามเณรใหม่ 2013

เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2013 ณ วัดฟาติมา ท่าแร่ เวลา 17.30 น.
คุณพ่อวิโรจน์ โพธิ์สว่าง อธิการ เป็นประธาน
คุณพ่อเสงี่ยม ดีศรีวรกุล สามเณรคนแรกของบ้านเณร
คุณพ่อประสงค์   เด่นไชยรัตน์  อดีตอธิการบ้านเณร
คุณพ่อทินกร  เหลือหลาย ผู้ให้การอบรม

ลำดับการ
แห่จากทางเข้าบ้านเณรโดยให้สามเณรรุ่นพี่ตั้งแถวสองแถวรอรับรุ่นน้อง
รุ่นน้องเข้าแถวถือเทียนเดินมา และรุ่นพี่ตบมือต้อนรับเป็นเสียงยาว
ถึงหน้าวัด รุ่นน้องตั้งแถวด้านนอก รุ่นพี่เข้าไปในวันเตรียมเพลงเริ่มพิธี
และก็เริ่มพิธี..

บทเทศน์
สิ่งที่เราจะร่วมกันสร้างสามเณรในปีนี้ก็คือ

  1. ทำให้สามเณรเป็นบุคคลที่มีความเชื่อ หรือ เป็นบุคคลแห่งความเชื่อ หรือเป็นคริสตชนที่หยั่งรากลึกในความเชื่อให้ได้
  2. ทำให้สามเณรเป็นผู้ปฏิบัติตามระเบียบวินัยด้วยความนอบน้อมเชื่อฟังด้วยใจอิสระให้ได้

สามเณรทุกคนต้องร่วมมือกันสร้าง ร่วมมือกัน และตั้งใจที่จะติดตามพระเยซูคริสตเจ้า
สามเณรทุกคนต้องยึดพระเยซูเจ้าเป็นศูนย์กลางของชีวิต
สามเณรต้องสละน้ำใจตนเอง และมีน้ำใจในการตอบรับกระแสเรียก

ลำดับการ
การปฏิญาณของสามเณรใหม่
การปฏิญาณของสามเณรรุ่นพี่
การมอบเข็มกลัดอก
การมอบพระคัมภีร์และพระวินัยสามเณร

สุดท้ายปิดพิธี
ถ่ายภาพร่วมกันเพื่อสร้างประวัติศาสตร์




มิสซาเปิดปีการศึกษา2013

เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2013 เป็นวันเปิดปีการศึกษาที่โรงเรียนเซนต์โยเซฟ ท่าแร่
โดยเป็นการต้อนรับคุณพ่อใหม่ และเซอร์คนใหม่ด้วย

บทเทศน์

วันฉลองแม่พระเสด็จเยี่ยมนางเอลีซาเบธ

วันนี้ถือว่าเป็นวันสำคัญวันหนึ่งสำหรับเรา เพราะว่าวันนี้เราทุกคนที่อยู่ภายใต้ความคุ้มครองดูแลของนักบุญโยเซฟ องค์อุปถัมภ์ของโรงเรียนของเรา พวกเราพากันมาเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน เพื่อวอนขอพระพร พระหรรษทานจากพระเจ้า สำหรับปีการศึกษาใหม่นี้ เพื่อว่าชีวิตในการเรียนการสอนของเราจะได้เต็มเปี่ยมไปด้วยพระพรของพระเจ้า ผ่านทางพิธีบูชาขอบพระคุณ ให้เรามอบตัวเราเองแด่พระเจ้า ไม่ว่าจะเป็นการเรียน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของสุขภาพ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความปลอดภัย แม้แต่เรื่องของสติปัญญา เพราะว่าผู้ที่ฉลาดที่สุดก็คือผู้ที่แสวงหาปรีชาญาณของพระเจ้า
เมื่อเราจะเริ่มต้นทำอะไรสักอย่าง เราจะได้ยินคำที่ให้กำลังใจที่ว่า เริ่มต้นดี มีชัยไปกว่าครึ่ง  แต่ในอีกมุมหนึ่ง พระคาร์ดินัล นิวแมน ได้เทศน์สอนว่า อย่ากลัวว่าชีวิตของท่านจะพบจุดจบ จงกลัวว่า ชีวิตของท่านจะไม่มีโอกาสเริ่มต้น
ชีวิตคือการเริ่มต้น การเริ่มต้นคือการก้าวหน้า การเริ่มต้น หรือก้าวแรก เป็นสิ่งสำคัญ เพราะเป็นพื้นฐานสำหรับชีวิตของเรา เพราะจะทำให้เราก้าวไปข้างหน้าด้วยความมั่นใจ และด้วยพลังใจ เริ่มต้นดี อะไรที่ตามมาก็ต้องดี เริ่มต้นดีเราจะต้องเริ่มต้นจากไหนก่อนล่ะ??
เริ่มต้นจากใจ..ตั้งใจดี ปีนี้ หนูจะตั้งใจเรียนให้ดี เทอมนี้ หนูจะตั้งใจเชื่อฟังครูบาอาจารย์สอน หนูตั้งใจจะเป็นนักเรียนที่ดี หนูตั้งใจจะตรงต่อเวลา หนูตั้งใจจะขยันอ่าน เขียน
เริ่มต้นจากความคิด... ก็คือ คิดดี หนูจะคิดแต่สิ่งที่ดี ดี หนูจะคิดบวก เพื่อที่จะทำให้ชีวิตมีความสุขและมีชีวิตชีวา
และสุดท้าย การกระทำดี ปีนี้หนูจะทำให้พ่อแม่เห็นว่า หนูตั้งใจเรียน หนูจะทำให้คุณครูเห็นว่า หนูจะเชื่อฟัง หนูจะทำให้เพื่อน ๆ ทุกคนเห็นว่า หนูเป็นเพื่อนที่ดีของกันและกัน
คุณพ่ออยากจะถามพวกเราว่า ปีการศึกษาใหม่นี้ เราจะทำให้การเรียนรู้ของเรามีคุณค่าอย่างไร? ปีการศึกษาใหม่นี้ เราจะเรียนอย่างไรให้มีคุณธรรม ความรู้ และความสุข
                โรงเรียนสอนเราให้มีคุณธรรม มีความรู้ และมีความสุข คณะเซอร์ ครูบาอาจารย์ เพื่อน ๆ ของเรา แม้แต่พนักงานทุกคนในโรงเรียนนี้ ต่างปรารถนาให้เราแต่ละคนมีคุณธรรม มีความรู้ และมีความสุข ฉะนั้น เราจะทำให้ 3 สิ่งนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร?
นี่คือ การบ้านที่คุณพ่อจะให้พวกเราทำในระหว่างปีการศึกษานี้ เป็นการบ้านที่ต้องทำร่วมกัน สร้างร่วมกัน โดยเริ่มต้นจากตัวของเราแต่ละคน  หวังว่า เราคงจะทำได้..
วันนี้ พระศาสนจักรเชิญชวนให้เราทำการฉลองแม่พระเสด็จเยี่ยมนางเอลีซาเบธ หลังจากที่แม่พระได้รับการแจ้งข่าวจากทูตสวรรค์กาเบรียลว่า พระแม่จะเป็นมารดาของพระเจ้า และแม่พระก็ตอบรับว่า ขอให้เป็นไปตามวาจาของท่านเถิด และเมื่อแม่พระรู้ว่า นางเอลีซาเบธ ญาติของแม่พระตั้งครรภ์ เมื่อวัยชรามากแล้ว สิ่งที่แม่พระทำก็คือ การไปเยี่ยมเยียน เพื่อช่วยเหลือ เพื่อรับใช้ เพื่อช่วยงานอื่น ๆ ทันที.. โดยไม่รอช้า หรือชักช้า หรือ โลเล แต่..ทันที..
                นี่คือภารกิจแรกเริ่มของผู้ที่เป็นพระมารดาของพระเจ้า ผู้ที่เป็นแม่ของพระเจ้า สิ่งแรกที่ทำก็คือ การรับใช้คนอื่นด้วยใจยินดี การมองออกจากตัวเอง เพื่อออกไปรับใช้คนอื่น
เราเป็นนักเรียน เราเรียนรู้มิใช่เพื่อเพิ่มพูนความรู้ให้กับตนเองเท่านั้น แต่เราจะต้องนำความรู้ที่มี ที่ได้รับออกไปช่วยเหลือคนอื่น นำความรู้ที่มี ที่ได้รับออกไปเพื่อทำสร้างความสุขให้กับบุคคลรอบข้าง และที่สำคัญ สำหรับครอบครัวของเรา