BLOGGER TEMPLATES AND TWITTER BACKGROUNDS

วันพุธที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2556

ฉลองนักบุญเปาโลกลับใจ 2013


บทเทศน์ โอกาสฉลองนักบุญเปาโลกลับใจ
ที่  โรงเรียนเซนต์โยเซฟ ท่าแร่
วันที่ 24 มกราคม 2013



วันนี้เราได้เห็นอำนาจของพระเจ้าในชีวิตของนักบุญเปาโล จากผู้เบียดเบียนกลายเป็นอัครสาวกผู้ฟัง ผู้รับความเชื่อในพระคริสตเจ้าและปกป้องความเชื่อนั้น และกลายเป็นผู้ประกาศข่าวดีถึงพระเยซูคริสตเจ้า
เด็กชายเซาโล เกิดในตระกูลเบนจามิน (ชาวยิวมี 12 ตระกูล) บิดามารดาเป็นชาวยิว แต่มีอีกสัญชาติหนึ่งคือ โรมัน ซึ่งครอบครัวของท่านได้ซื้อมา  เด็กชายเซาโลเป็นคนขยัน ตั้งใจเรียน ท่องจำพระคัมภีร์ ช่วยงานพ่อแม่ทำงาน เด็กชายเซาโลเป็นฟาริสีที่รักพระเจ้า ท่านได้รับการปลูกฝังให้รักพระเจ้าเพียงพระองค์เดียว พ่อแม่ อาจารย์สอนพระคัมภีร์ต่างก็สอนท่านให้รักพระเจ้ามากกว่าสิ่งใด และความรักต่อพระเจ้าแสดงออกในการปฏิบัติตนตามกฎบัญญัติ
เมื่อโตขึ้น เซาโล กลายเป็นฟาริสีที่เคร่งครัดต่อศาสนา รักษากฎเกณฑ์ ธรรมเนียม ธรรมบัญญัติไว้อย่างเคร่งครัด ท่านมีจิตใจร้อนรนในการปกป้องศาสนา ปกป้องความเชื่อ ปกป้องพระเจ้า ไม่ให้ใครมาลบหลู่ได้
วันหนึ่ง มีการจับกุมชายคนหนึ่งชื่อ สเตเฟน เขาเป็นคนเชื่อในพระเยซูคริสต์ เขาบอกว่า พระเยซูคริสต์ทรงเป็นพระเจ้า ทรงกลับคืนชีพจากบรรดาผู้ตาย นี่คือ การดูหมิ่นพระเจ้า จะมีพระเจ้าอื่นใดไม่ได้ มนุษย์จะกลายเป็นพระเจ้าไม่ได้ ชาวเมืองจึงจับ สเตฟน และเอาหินทุ่มใส่ท่านจนเสียชีวิต และ เซาโลก็เห็นดีเห็นชอบด้วย เพราะเป็นการถูกต้องแล้ว ที่ต้องลงโทษคนที่สบประมาทพระเจ้า
นอกจากนี้ เซาโลยังต้องการที่จะกวาดล้าง คนที่เชื่อในพระเยซูเจ้า ว่าทรงเป็นพระเจ้า ให้หมดไป จึงออกเดินทางไปที่เมืองดามัสกัส เพราะที่นั่นมีบรรดาผู้ที่เป็นศิษย์ของพระเยซูเจ้าอยู่ที่นั่นเป็นจำนวนไม่น้อย ระหว่างทาง เซาโลก็ได้พบกับ พระเยซูคริสตเจ้า ในรูปแบบของแสงเจิดจ้า จนทำให้ตาของท่านนั้นมืดไป ท่านได้ยินเสียงตรัสว่า
เซาโล เซาโล เจ้าเบียดเบียนเราทำไม?   เราคือ เยซูชาวนาซาเร็ท ผู้ซึ่งเจ้ากำลังเบียดเบียนอยู่ 
เซาโล อยู่ในความมืดเป็นเวลา 3 วัน (ตาของท่านมองไม่เห็น เพราะแสงจ้าระหว่างทาง นั่นเอง) แน่นอนว่า ตลอดเวลานั้น ท่านได้คิด ไตร่ตรอง และรำพึงภาวนาถึงประสบการณ์ที่ท่านได้พบปะกับพระเยซูเจ้าผู้ทรงกลับคืนพระชนมชีพ  (เราเบียดเบียนคริสตชนไม่ใช่หรือ? แต่ทำไมพระเยซูจึงบอกว่าเบียดเบียนพระองค์ นี่หมายความว่า คริสตชน กับพระเยซูเจ้านั้น เป็นหนึ่งเดียวกัน)
และเมื่อท่านพบความจริง ท่านก็ได้กลับใจ รับศีลล้างบาป กลายเป็นศิษย์ของพระเยซูเจ้า กลายเป็นผู้ประกาศข่าวดีถึงพระเยซูเจ้าว่าพระองค์ทรงเป็นพระเจ้า ผู้ทรงกลับคืนพระชนมชีพอย่างแท้จริง ท่านประกาศข่าวดีนี้ สำหรับทุกคน รวมทั้งคนต่างศาสนาด้วย เพื่อความรอดพ้นจะได้เกิดขึ้นในโลก
จะมีอะไรพรากเราไปจากความรักของพระเจ้าได้ ความทุกข์ลำเข็ญหรือ ความคับแค้นใจหรือ การเบียดเบียนข่มเหงหรือ เราชนะโดยง่ายอาศัยพระผู้ทรงรักเรา
ไม่ว่าจะมีชีวิตอยู่หรือตาย เราก็เป็นคนของพระเจ้า
วันนี้ เราทำการฉลองการกลับใจของนักบุญเปาโล ซึ่งทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างมากมายต่อโลก นักบุญเปาโลเป็นเหมือนเสาหลักอีกเสาหนึ่งของศาสนาคริสต์ เพราะท่านนำข่าวดีไปสู่คนต่างศาสนา 
เราพบว่า การกลับใจของบุคคลหนึ่ง เป็นเหมือนของขวัญที่งดงามสำหรับบุคคลใกล้ชิด สำหรับครอบครัว สำหรับสังคม สำหรับโลก
เพราะ การกลับใจ หมายถึง การเป็นทุกข์เสียใจ ในสิ่งที่ตนเองได้กระทำ และพร้อมกับตั้งใจที่จะเปลี่ยนแปลงตนเอง เริ่มต้นชีวิตใหม่ พร้อมด้วยความคิด จิตใจใหม่ เพื่อมุ่งสู่หนทางที่ถูกต้องและดีงาม

ทำไมจึงบอกว่า การกลับใจ เป็นเหมือนของขวัญ?
เพราะของขวัญ เป็นของฟรี  เป็นของที่เราได้รับมาเปล่า ๆ เป็นของที่มีคนให้แก่เรา โดยที่เราไม่ต้องเสียอะไรเลย
เพราะของขวัญนำความยินดีมาสู่เรา นำความสุขมาสู่ชีวิตของ ไม่ว่าจะมีราคาหรือไม่มีก็ตาม แต่คุณค่ามากมายจากคนที่ให้ เช่น ดินสอแท่งหนึ่งจากชายอันเป็นที่รัก
เช่นเดียวกัน การกลับใจของคนคนหนึ่ง ก็นำความสุข ความยินดีมาสู่ทุกคน
ในครอบครัว บรรดาลูก ๆ ที่เกเร เที่ยวเตร่ ดื้อด้าน มึน ยอมกลับใจเปลี่ยนแปลงชีวิต  เป็นคนว่านอนสอนง่าย เชื่อฟังพ่อแม่ ขยัน ทำหน้าที่ของตนอย่างดี ย่อมทำให้พ่อแม่ดีใจ สุขใจ และชื่นชมยินดี
ในสวรรค์ เมื่อคนบาปคนหนึ่งกลับใจ ชาวสวรรค์ก็ชื่นชมยินดี

ข้อคิด 1 ข้อ จากการกลับใจของนักบุญเปาโล
ความกล้าหาญที่จะเปลี่ยนแปลงตนเอง  กล้าเปลี่ยน กล้าละทิ้งเส้นทางเดินที่ผิด เพื่อมุ่งสู่เส้นทางที่เหมาะสม ถูกต้อง และแท้จริง : นักบุญเปาโลเป็นแบบอย่างแก่เราในเรื่องนี้ เดิมท่านคิดว่า บรรดาคริสตชนที่เชื่อ เคารพ นับถือนามเยซูนี้เป็นอันตรายต่อความเชื่อในพระเจ้าหนึ่งเดียว สูงสุดของท่าน ท่านจึงต้องกำจัด และต้องจัดการขั้นเด็ดขาด โดยการจับกุม เบียดเบียน ทรมาน เพื่อให้เลิกเชื่อในพระนามของเยซูนี้  แต่เมื่อท่านได้รู้จักความจริง ว่า พระเยซูเจ้าทรงเป็นพระเจ้า เป็นพระบุตรของพระเจ้า ท่านจึงเปลี่ยนเส้นทางเดินชีวิตใหม่ แทนที่จะต่อสู้ จับกุม เบียดเบียน ท่านประกาศถึงข่าวดี ประกาศพระนามของพระเยซูคริสตเจ้า และคำสอนของพระองค์ อุทิศตน ทุ่มเท อดทนเป็นเลิศ ถูกจองจำ ถูกโบยตีนับไม่ถ้วน ถูกลงแส้ ถูกขว้างด้วยหิน เรือล่ม ลอยคอกลางทะเล ต้องเผชิญกับอันตรายต่าง ๆ
แต่ท่านไม่ยอมแพ้  ไม่ท้อถอย
เราเองก็เช่นกัน หากเรารู้ว่า เส้นทางการดำเนินชีวิตของเราอยู่ในขณะนี้ ไม่ดี ไม่ถูกต้อง ผิดกฎ ผิดระเบียบวินัยของบ้าน โรงเรียน สังคม เราก็ต้องเปลี่ยนเส้นทางเดินใหม่
ผิดกฎของบ้าน คือ ชอบเที่ยวกลางคืน ไม่ชอบนอนบ้านตนเอง เกเร ไม่เชื่อฟังพ่อไม่ พูดจาหยาบคายต่อพ่อแม่ ไม่ช่วยงาน แต่ชอบขอเงินจากพ่อแม่
ผิดกฎของโรงเรียน มาเรียนสาย ไม่ทันเวลา ไม่ตรงเวลา คุยกันในห้องเรียน โดดเรียน ไม่เข้าเรียน
ผิดกฎของสังคม มั่วสุมเสพยา ลักขโมย เป็นกลุ่มเป็นแก๊ง ขี่มอเตอร์ไซด์เสียงดัง
การกระทำเหล่านี้ เป็นการกระทำไม่ถูกต้อง และเป็นการกระทำที่ผิด ถ้าเราไม่รู้ วันนี้ เรารู้ว่า ผิด ผิดแล้วต้องกล้า กล้าที่จะแก้ไข กล้าที่จะเปลี่ยนแปลง กล้าที่จะปรับเปลี่ยนชีวิตของตน ให้ตรงกับความจริง ให้ตรงกับกฎระเบียบของครอบครัว โรงเรียน สังคม

ข้าแต่นักบุญเปาโล ช่วยวิงวอนเทอญ

วันเสาร์ที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2556

สมโภชพระคริสตเจ้าแสดงองค์


บทเทศน์


เมื่อสัปดาห์ก่อนก่อน เราเฉลิมฉลองการบังเกิดมาของพระบุตร คือ พระเยซูเจ้า พระกุมารน้อยน้อยที่เมืองเบธเลเฮ็ม บรรยากาศของการเกิดมาของพระเยซูเจ้า เป็นการเกิดมาอย่างเงียบ ๆ ในสถานที่ธรรมดา ๆ และในความเงียบนี้เองจึงมีเพียงกลุ่มคนเพียงไม่กี่กลุ่มเท่านั้นที่รับรู้ถึงการบังเกิดมาของพระองค์

ชาวเมืองเบธเลเฮ็ม กำลังวุ่นวายกับการกินและดื่มในค่ำคืนที่พวกเขาได้กลับมาที่บ้านเกิดเมืองนอนของตนเอง

มีเพียงคนเลี้ยงแกะที่อยู่กลางทุ่งนา หรือที่อยู่กลางหุบเขาเท่านั้นที่ได้รับรู้ถึงการบังเกิดมาของพระเยซูเจ้า เพราะว่าทูตสวรรค์ของพระเจ้าได้มาแจ้ง ได้มาบอกข่าวดีว่า พระกุมารบังเกิดแล้วที่เมืองเบธเลเฮ็ม และพวกเขาก็พากันเดินทางมาที่เมืองเบธเลเฮ็มและก็ได้เห็นตามที่ทูตสวรรค์ได้บอกกับพวกเขา คือ พวกเขาได้พบพระกุมาร มีผ้าพันกาย นอนอยู่ในรางหญ้า ซึ่งนำความชื่นชมยินดี และความสุขอย่างเต็มเปี่ยมมาสู่พวกเขา พวกเขามีความสุขใจที่ได้พบพระผู้ช่วยให้รอด และพากันร้องเพลงสรรเสริญพระเจ้า ขอบคุณพระเจ้า นี่คือวันที่พระเจ้าได้เผยแสดงองค์แก่มนุษย์ แก่ชาวยิวก่อน เพราะพวกเขาเป็นประชากรที่ได้รับการเลือกสรรจากพระเจ้า พวกเขาเป็นชนชาติที่พระเจ้าทรงปกครอง

และในวันนี้ พระเยซูเจ้าได้เผยแสดงพระองค์แก่คนต่างชาติ คนต่างศาสนา คนต่างด้าว ให้ได้รับรู้ถึงความรอดของโลก ให้รับรู้ถึงข่าวดีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่พระเจ้าทรงกระทำกับมนุษย์ด้วยการมาบังเกิดของพระองค์

ผ่านทางดวงดาว หรือ ที่เรียกว่า ดาวแห่งเบธเลเฮ็ม ได้นำบรรดาโหราจารย์ ซึ่งเป็นปราชญ์แห่งทิศบูรพา หรือ กษัตริย์จากทางตะวันออก ให้มาพบกับพระกุมาร พร้อมกับของขวัญอันล้ำค่า นั่นคือ ทองคำ กำยาน และมดยอบ
ทองคำ คือ การเป็นกษัตริย์     กำยาน  คือการเป็นสมณะ     และมดยอบ คือ การสิ้นพระชนม์

ในบรรยากาศของความเงียบ การเฝ้าติดตามดวงดาวมาอย่างเงียบ ๆ ของบรรดาโหราจารย์ ทำให้พวกท่านได้พบกับพระกุมาร พบกับความชื่นชมยินดี และพบกับความสุขสมหวัง
ตรงกันข้ามกับกษัตริย์เฮโรด ซึ่งอยู่ในสภาพของความวุ่นวาย ความสนุกสนาน การเฉลิมฉลอง ความสับสน และความเกลียดชัง ทำให้กษัตริย์เฮโรดไม่สามารถที่จะพบกับพระกุมาร องค์กษัตริย์ได้ ทั้ง ๆ ที่กุมารน้อยเกิดมาในดินแดนที่อยู่ภายใต้การปกครองของตัวเอง
แม้จะมีเขียนไว้ในพระคัมภีร์.. แต่เพราะจิตใจของเขาวุ่นวาย และกังวล จึงไม่อาจจะที่จะเข้าใจหรือพบกับพระกุมารได้

พี่น้องที่เคารพรัก การสมโภชพระคริสตเจ้าสำแดงองค์ในวันนี้ เป็นเผยแสดง หรือ เป็นการเปิดเผยให้เราเห็นว่า พระเจ้าทรงบังเกิดมาเป็นมนุษย์ พระเจ้าทรงเผยแสดงความรักอันยิ่งใหญ่ของพระองค์แก่มนุษย์ มิใช่เฉพาะกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง มิใช่เฉพาะชาวยิว มิใช่เฉพาะคริสตชนเท่านั้น แต่สำหรับมนุษย์ทั่วโลก

บรรดาโหราจารย์ทั้งสามเป็นตัวแทนของทวีปยุโรป ทวีปแอฟริกา และทวีปเอเซียได้เข้ามาคุกเข่าลงกราบนมัสการพระกุมาร นี่แสดงให้เห็นว่า พระเจ้าเป็นความรอด เป็นความหวังสำหรับทุกคน
เป็นความยินดีสำหรับทุกคน

สิ่งสำคัญ เราจะพบกับพระเจ้าได้ ก็ต่อเมื่อ จิตใจของเราเงียบสงบ  ตราบใดที่จิตใจของยังวุ่นวาย และเต็มไปด้วยความกังวลใจ เต็มไปด้วยความขัดแย้ง การเกลียดชัง การอาฆาตพยาบาท หรือ การทะเลาะเบาะแว้ง หรือ การเป็นกก เป็นเหล่า  การไม่ลงรอยกัน เมื่อนั้นเราจะไม่สามารถเข้าถึงพระเจ้าได้ เราจะไม่สามารถเข้าถึงความรักของพระเจ้าได้เลย..
ความวุ่นวายในครอบครัว  ความวุ่นวายในหมู่บ้าน  ความวุ่นวายในสังคม ความวุ่นวายในประเทศ  ความวุ่นวายในโลก
ก็ไม่เท่ากับความวุ่นวายในจิตใจของเรา
หากจิตใจของเราไม่สงบ พระเยซูเจ้าจะบังเกิดมาในหัวใจ ในจิตใจของเราได้อย่างไร?

พี่น้องที่เคารพรัก  การเผยแสดงองค์ของพระเยซูเจ้าต่อโลก ต่อมนุษย์ เรามีท่าทีอย่างไร?
เกลียดและเป็นศัตรู  เฮโรด
คริสตชนประเภทนี้ไม่สนใจต่อการปฏิบัติตามพระบัญญัติของพระเจ้า ไม่สนใจต่อคำสอนของเจ้า ไม่สนใจวัดวา ไปทำไมวัด..ไม่ได้ดีขึ้นเลย ไปทำไมวัด..ออกจากวัดก็เหมือนเดิม  ไปทำไมวัด..อยู่ที่บ้านยังดีกว่า
เฉย ๆ หัวหน้าสมณะและธรรมาจารย์  
มีคริสตชนหลายคน ดีแต่มีชื่อว่าเป็นคริสตชน ดีแต่ได้ชื่อว่าได้รับศีลล้างบาป เพราะไม่รู้หนาวรู้ร้อน ยุ่ง สาลวนกับการหาเงินหาทองมากจนเกินไป จนลืมว่าตนเองเป็นคริสตชน
ชื่นชมยินดี บรรดาโหราจารย์ปรารถนาจะนำสิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตของพวกเขา มามอบถวายแทบพระบาทของพระเยซูเจ้าเพื่อนมัสการพระองค์ พวกเขาเดินทางไกลเพื่อแสวงหา และนมัสการพระเจ้า



วันพฤหัสบดีที่ 3 มกราคม พ.ศ. 2556

วันศุกร์ก่อนพระคริสตเจ้าแสดงองค์


บทเทศน์
                                                                                                                      ยน 1:35-42



ทุกคนที่เกิดจากพระเจ้าย่อมไม่ทำบาป เพราะเชื้อชีวิตของพระเจ้าดำรงอยู่ในตัวเขา..
บุตรของพระเจ้าคือ ผู้ที่ประพฤติชอบและรักพี่น้องของตน  บุตรของปิศาจคือ ผู้ที่ประพฤติชั่ว
และเกลียดชัง พี่น้องของตน

พี่น้องที่เคารพรัก ในโลกของเราทุกวันนี้ ความชั่วร้าย การเข่นฆ่า การเอารัดเอาเปรียบ การเห็นแก่ตัว นับวันยิ่งมากขึ้น และหนักขึ้นทุก ๆ วัน  สังคมโลกกำลังเดินมุ่งหน้าเข้าสู่ความตาย เพราะการปฏิเสธพระเจ้า  มนุษย์หันหลังให้กับพระเจ้า มนุษย์เมินเฉยต่อเสียงเรียกของพระเจ้า  โดยเอาหูไปนา เอาตาไปไร่  ไม่สนใจความเป็นอยู่ของกันและกัน  มนุษย์ดำเนินชีวิตเหมือนกับไม่มีชีวิต มนุษย์ใช้ชีวิตเหมือนกับหุ่นยนต์ ทำตนเองให้เป็นไปตามระบบ  ดำเนินชีวิตเป็นกิจวัตรประจำวัน ตั้งหน้าตั้งตาทำงาน ดิ้นรน แสวงหาวัตถุ เพื่อสร้างอนาคตภายนอกของตนเอง  โดยลืมว่า มนุษย์ยังมีมิติหนึ่งที่จะต้องตั้งหน้าตั้งตา ดิ้นรน แสวงหาคุณค่าทางจิตใจ เพื่อสร้างคุณค่าภายในให้กับตนเองอีกด้วย   มนุษย์ขาดการดำเนินชีวิตอย่างผู้มีชีวิต

ทุกคนที่เกิดจากพระเจ้าย่อมไม่ทำบาป  เพราะเชื้อชีวิตของพระเจ้าดำรงอยู่ในตัวเขา..

ผู้ที่มีชีวิตทุกคนย่อมดำเนินชีวิตอยู่ในความรักของพระเจ้า  ผู้ที่มีชีวิตย่อมดำเนินชีวิตตามคำสอนของพระเจ้า  เพราะพระวาจาของพระเจ้าทรงชีวิต ให้ชีวิตแก่เรา และผู้มีชีวิตย่อมดำเนินชีวิตด้วยความรัก  และเราทุกคนที่อยู่ ณ ที่นี้ เป็นผู้มีชีวิต เป็นผู้ที่มีเชื้อชีวิตของพระเจ้า เพราะเรามาจากพระเจ้า

เราจะมีชีวิตได้อย่างไร?

ให้เราแสวงหาพระเจ้า เหมือนกับศิษย์ของยอห์น ที่แสวงหาพระแมสสิยาห์ พวกเขาแสวงหาพระเยซูเจ้า ผู้ซึ่งเป็นพระอาจารย์ และเราก็รู้ว่า พระอาจารย์ของเราพำนักอยู่ที่ไหน?  พระเยซูเจ้าทรงพำนักอยู่ในศีลมหาสนิท  อยู่ในตัวของเราแต่ละคน   อยู่ในเพื่อน ๆ ที่อยู่รอบข้างของเรา
เมื่อเราพบพระองค์แล้ว  ให้เราอยู่กับพระองค์ พักอยู่กับพระองค์ เปลี่ยนแปลงชีวิตของเราให้เป็นเหมือนพระองค์  เมื่อนั้น เราจะได้พบกับความยินดี ความสุขในพระองค์
เมื่อเรามีพระองค์  แน่นอนว่า บาป หรือความชั่ว ย่อมไม่สามารถอยู่ในตัวของเราได้ เมื่อเรามีแสงสว่างของพระเจ้า ความมืดจากบาป ย่อมไม่สามารถครอบงำชีวิตของเราได้
และสิ่งที่ทำลายชีวิตของเราก็คือ บาป หรือ ความชั่วร้ายต่าง ๆ ที่เราได้กระทำ หากใครอยากจะมีชีวิต ก็จะต้องหลีกเลี่ยงการทำบาป  หากใครไม่อยากตายก็จะต้องดิ้นรน ต่อสู้ และเสริมกำลังของตนโดยอาศัยพลังจากพระเจ้า
พี่น้องที่เคารพรัก  พระเจ้าทรงรักเรา ทรงรักมนุษย์ทุกคน แต่พระองค์ก็ทรงเกลียดชังบาป เกลียดชังความชั่วช้าต่าง ๆ และจุดประสงค์ของการบังเกิดมาของพระองค์ ก็เพื่อทำลายบาป และโทษของบาป นั่นคือ ความตาย   เมื่อพระองค์ได้ทำลายบาปไปแล้ว  เราก็ควรที่จะร่วมมือกับพระองค์ด้วยการทำลายบาป โดยการปฏิเสธและไม่ทำบาปด้วยเหมือนกัน ไม่ใช่ว่า พระเจ้าเป็นผู้ทำลายบาป  แต่เราเป็นผู้ให้ชีวิต หรือให้กำเนิดบาปขึ้นมาอีก

ทุกคนที่เกิดจากพระเจ้าย่อมไม่ทำบาป เพราะเชื้อชีวิตของพระเจ้าดำรงอยู่ในตัวเขา..
บุตรของพระเจ้าคือ ผู้ที่ประพฤติชอบและรักพี่น้องของตน  บุตรของปิศาจคือ ผู้ที่ประพฤติชั่ว
และเกลียดชัง พี่น้องของตน


วันพุธที่ 2 มกราคม พ.ศ. 2556

วันพฤหัสบดีก่อนพระคริสตเจ้าแสดงองค์


บทเทศน์

                                                                                                        ยน 2:29-3:6


เราทุกคนเป็นบุตรของพระเจ้า .. ทุกคนที่ดำรงอยู่ในพระองค์ย่อมไม่ทำบาป
และทุกคนที่ทำบาปย่อมไม่เคยเห็นและไม่รู้จักพระองค์..

 พระวาจาของพระเจ้าในวันนี้จาก น.ยอห์น ในจดหมายของท่านฉบับที่ 1 ได้ทำให้เราเข้าใจว่า 

พระเจ้า บาป     พระเจ้ากับบาป พระเจ้ากับความชั่วอยู่คนละฝ่าย 
พระเจ้าเป็นความสมบูรณ์ ส่วนบาปเป็นสิ่งที่ขาดความสมบูรณ์
พระเจ้าทรงเกลียดชังความชั่ว พระองค์ทรงรักความชอบธรรม

บาปมาจากไหน?  บาปไม่ได้มาจากพระเจ้า ความชั่วไม่ได้เกิดขึ้นจากพระเจ้า
แต่บาปเกิดขึ้น มาจากมนุษย์  มนุษย์ใช้อิสรภาพ ใช้อำเภอใจของตนเองในทางที่ขัดต่อพระประสงค์
ของพระเจ้า มนุษย์เลือกที่จะยึดน้ำใจของตนเองเป็นหลัก
เลือกที่จะยึดเอาความชอบ ความพึงพอใจ มากกว่าความถูกต้อง
หรือพระบัญญัติของพระเจ้า จึงทำให้มนุษย์เดินออกนอกเส้นทางของพระเจ้า

ผลของบาป  เมื่อมนุษย์ได้เลือกที่จะฝืนพระบัญญัติ แหกกฎเกณฑ์ของพระเจ้า
เลือกน้ำใจของตนเอง นี่นอนว่า การกระทำบาปย่อมส่งผลตามมา
และผลของบาปก็คือ ความทุกข์ยาก ความเจ็บป่วย ความตาย 
ในพระคัมภีร์เราได้ยินเรื่องราวของอาดัม-เอวา ที่เลือกน้ำใจของตนเองเป็นหลัก
เลือกที่จะยึดความพึงพอใจมากกว่าพระประสงค์ของพระเจ้า
แล้วเราก็เห็นว่า อาดัมเอวาต้องทุกข์ทรมาน เจ็บป่วย และตายในที่สุด

การไถ่บาป   อย่างไรก็ตาม พระเจ้าไม่เคยทอดทิ้งมนุษย์
พระเจ้าไม่เคยที่จะลดความรักของพระองค์ที่มีต่อมนุษย์ลงเลยแม้แต่น้อย 
แม้มนุษย์จะทำบาป แม้จะปฏิเสธ ไม่ยอมเชื่อฟัง ไม่ยอมปฏิบัติตาม
หรือปฏิบัติตามก็เพียงครั้งคราก็ตาม และพระองค์ได้แสดงออกถึงความรัก
โดยการส่งพระบุตรลงมาเกิดเป็นมนุษย์ ลงมาบอก ลงมานำทาง
และลงมาไถ่บาปให้มนุษย์หลุดพ้นจากบาป ให้มนุษย์ได้เห็นถึงความรักของพระเจ้า
ให้มนุษย์ได้สัมผัสถึงความรักที่แท้จริงของพระเจ้า

ผลการไถ่บาปประการหนึ่งก็คือ
การเป็นบุตรของพระเจ้า  เราทุกคนจึงกลายเป็นบุตรของพระเจ้า 
เมื่อเป็นบุตร เราก็เป็นทายาท เมื่อเป็นทายาทเราก็มีสิทธิ์ที่จะรับมรดกของพระเจ้าผู้เป็นพ่อของเรา
และมรดกนั้นก็คือ ชีวิตนิรันดร นั่นเอง

หน้าที่-ความรับผิดชอบของบุตรของพระเจ้าก็คือ กระทำตามพระประสงค์ของพระเจ้า
และยึดน้ำพระทัยของพระเจ้าเป็นที่ตั้ง 
และในวันนี้ น.ยอห์นบอกว่า น้ำพระทัยของพระเจ้าก็คือ
การเกลียดชังบาป การปฏิเสธบาป การหลีกเลี่ยงบาป การต่อสู้บาป

นี่คือลูกแกะของพระเจ้า ผู้ทรงลบล้างบาปของโลก 
ยอห์น บัปติสได้เป็นพยาน และชี้ให้เราเห็นแล้ว 
และเราจะหลุดพ้นจากบาปได้ ก็โดยการทำตามคำสั่งสอนของพระองค์ ผู้ทรงลบล้างบาปของโลกนั่นเอง