BLOGGER TEMPLATES AND TWITTER BACKGROUNDS

วันศุกร์ที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

บทเทศน์เตรียมจิตใจฉลองวัดแม่พระรับเกียรติยกขึ้นสวรรค์ โคกแก้ว


วันเสาร์ที่ 14 กุมภาพันธ์ 2015

บทเทศน์


พี่น้องที่เคารพรัก ในค่ำคืนนี้ เรามาร่วมจิตร่วมใจกัน ภาวนาและขอบคุณพระเจ้า สำหรับความเชื่อที่พระองค์ทรงประทานให้กับเรา  เชิญชวนเราขอบคุณพระเจ้าสำหรับการดูแล การปกปักรักษาของพระองค์ ในครอบครัวของเรา ตลอดปีที่ผ่านมา ให้เราขอบคุณพระองค์ที่ประทานความเข้มแข็ง และพระหรรษทานต่าง ๆ มากมายให้กับเรา และทำให้เราสามารถยืนหยัดและยืนยันอย่างมั่นคงในความเชื่อในพระองค์ได้

พร้อมกันนี้ เราขอบคุณแม่พระด้วย แม่พระซึ่งเป็นองค์อุปถัมภ์ของวัดของเรา ที่พระแม่อยู่กับเรา เคียงข้างเราเสมอ ไม่มีวันเปลี่ยนแปลงด้วยเช่นเดียวกัน

พี่น้องที่เคารพรัก การฉลองวัด เป็นการฉลองความเชื่อ ที่เรามีต่อพระเจ้า การฉลองวัดเป็นเหมือนกับการยืนยันในความเชื่อที่เรามีในพระเจ้า “ข้าพเจ้าเชื่อในพระเจ้าหนึ่งเดียว” เราจึงพากันมา เพราะความเชื่อไม่ใช่เรื่องส่วนตัว ไม่ใช่เรื่องของคนใดคนหนึ่ง แต่เป็นเรื่องของเราทุกคน ที่อยู่ใกล้ๆ กัน  ที่เราต้องเอาใจใส่ และให้กำลังใจแก่กันและกัน
ศูนย์กลางของความเชื่อของเราคริสตชน ก็คือ พระเจ้า เท่านั้น และไม่มีใครอื่นนอกจากพระองค์
พี่น้องที่รัก หากเราจะเปรียบเทียบว่า ความเชื่อของเราเป็นแบบไหน? เราจะเปรียบกับอะไรดี?  ความเชื่อของเรา เป็นเหมือนกับเมล็ดพืช ที่ต้องการปุ๋ย ต้องการอากาศ ต้องการดิน ต้องการแสงแดด ต้องการอาหาร เพื่อการเจริญเติบโต ต้นไม้ที่เราปลูก กว่าจะเติบโต กว่าจะเป็นต้นไม้ใหญ่ ต้องใช้เวลา และต้องบำรุง อย่างมากมาย เราจะสังเกตว่า ต้นไม้ที่ไม่มีแก่น เติบโตเร็ว และตายเร็ว เช่น ต้นข้าว ต้นข้าวโพด แต่ถ้าเป็นต้นไม้ที่มีแก่น เติบโตช้า ค่อยเป็นค่อยไป ต้องใช้เวลา เช่น ต้นสักทอง ต้นพะยูง

ความเชื่อของเราก็เช่นเดียวกัน เราจะสร้างความเชื่อให้เข้มแข็งและเติบโต ก็ต้องใช้เวลาและความสม่ำเสมอ  ค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป ทีละเล็กทีละน้อย ด้วยความเพียรและการยืนหยัดอย่างมั่นคง อาหารของความเชื่อ คือ ศีลมหาสนิทและพระวาจาของพระเจ้า การเสริมรากให้แข็งแรง การเสริมแก่นของความเชื่อ มาจากการปฏิบัติศาสนกิจอย่างสม่ำเสมอ และไม่ลดละด้วยความขี้เกียจ หรือด้วยใจโลเล หรือด้วยความไม่แน่ใจ แต่ให้มั่นใจ สร้างความเข้มแข็งให้ความเชื่อของตนเองเสมอ การเข้าวัดเข้าวา วันอาทิตย์มาวัดอย่างสม่ำเสมอ มาฟังพระวาจาของพระเจ้า มารับศีลมหาสนิท  รับศีลอภัยบาป และกลับบ้านสวดภวนา ยกจิตใจขึ้นหาพระเจ้า กับคนในครอบครัว พ่อแม่ลูก ปู่ย่าตายาย ด้วยกัน  ซื่อสัตย์ต่อพระบัญญัติของพระเจ้าทุกข้อ เพื่อเป็นหลักทางศีลธรรมและจริยธรรม.. แน่นอนว่า แก่นความเชื่อของเราจะแน่น และมั่นคงอย่างแน่นอน

พี่น้องที่เคารพรัก แม้ว่า ชีวิตของเราจะมีความทุกข์และความยากลำบากทั้งกายและใจ ในการเป็นคริสตชน ทุกสิ่งที่เราทำ และทุกสิ่งที่เป็น พระเจ้าทรงมองดู และพระองค์จะตอบแทนเราเสมอ
วันนี้ อยากจะให้เราดูชีวิตของแม่พระด้วย ซึ่งพระแม่เป็นองค์อุปถัมภ์วัดของเรา “แม่พระรับเกียรติยกขึ้นสวรรค์ทั้งร่างกายและวิญญาณ”

แม่พระอยู่บนสวรรค์ แม่พระทำอย่างไรจึงได้ไปอยู่สวรรค์? คำตอบง่าย ๆ แม่พระทำตามพระประสงค์ของพระเจ้า แม่พระเชื่อและซื่อสัตย์ต่อพระเจ้าเสมอ แม้จะมีความทุกข์ยากและลำบาก หรือต้องเผชิญกับสิ่งที่ไม่คาดคิด หรือคิดไม่ถึง แม่พระก็ไม่ทิ้งพระเจ้า

ทูตสวรรค์กาเบรียลมาแจ้งข่าวว่า แม่พระจะตั้งครรภ์ และให้กำเนิดบุตรชาย ซึ่งเป็นบุตรของพระเจ้า แม่พระก็น้อมรับด้วยความสุภาพ “ขอให้เป็นไปกับข้าพเจ้าตามวาจาของท่านเถิด”  เมื่อตัดสินใจเช่นนี้ สิ่งที่ตามมาก็คือ ความสุขและความทุกข์ ส่วนใหญ่ พระคัมภีร์จะพูดถึงความทุกข์มากกว่า.. เช่น เดินทางไกล ขณะตั้งครรภ์  เพิ่งคลอดก็ต้องหนี เดินทางไปไกล ต้องหลบซ่อนตัว.. มีความทุกข์ แต่แม่พระก็ไม่ได้บ่น ไม่ได้ว่า ไม่ได้ทิ้ง ไม่ได้ทรยศต่อคำพูดที่ให้ไว้ว่า “ขอให้เป็นไปกับข้าพเจ้าตามวาจาของท่านเถิด”

ผลของการทำตามพระประสงค์ของพระเจ้า ผลของการเชื่อในพระเจ้า ผลของการซื่อสัตย์ต่อพระเจ้าในขณะที่มีความทุกข์ ก็คือ เมืองสวรรค์

สวรรค์ ไม่ได้มาโดย การขาดวัดวันอาทิตย์ หาเงินหาทอง  สวรรค์ไม่ได้มาด้วยการเล่นการพนัน เล่นเลข สวรรค์ไม่ได้มาโดยการผิดประเวณี ผิดผัวผิดเมียคนอื่น  สวรรค์ไม่ได้มาด้วยการคดโกง ลักเล็กขโมยน้อยของคนอื่น

พระเยซูเจ้าไม่เคยสอนอย่างนี้ และแม่พระก็ไม่เคยทำอย่างนี้..



วันพุธที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

บทเทศน์เตรียมจิตใจฉองวัดพระคริสตราชา นาจาร

วันศุกร์ ที่ 13 กุมภาพันธ์ 2015

บทเทศน์

พี่น้องที่เคารพรัก ในค่ำคืนนี้เราร่วมจิตร่วมใจเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ในพิธีมิสซา บูชาขอบพระคุณ  คืนนี้เป็นคืนเตรียมจิตใจ ฉลองวัดของเรา  ฉลองความเชื่อของเรา  เราเฉลิมฉลองความเชื่อในพระเยซูคริสตเจ้า  สิ่งที่สำคัญในการเตรียมจิตใจฉลองวัดก็คือ การแก้บาป การรับศีล

พี่น้อง การฉลองวัดจะมีความหมาย และมีคุณค่า และมีความสุขที่สุด ก็ต่อเมื่อ เราได้เตรียมตัวมาตลอดทั้งปี  เราเตรียมตัวมาอยู่เสมอ เหมือนกับเวลาเก็บเกี่ยวข้าว เราทำนา เราใส่ปุ๋ย เราเตรียมดิน เราทำทุกอย่างในนาของเรา เราดูแลอย่างดี หอยเชอร์รี วัชพืช  เรากำจัดให้หมดไป บางคนไปซื้อปุ๋ยมาอย่างแพงมาใส่นาของตนเอง เราออกแรง ยิ่งเราออกแรงมาก ยิ่งเราดูแลมาก เมื่อถึงฤดูเก็บเกี่ยว หรือ การเกี่ยวข้าว แน่นอนว่า เรามีความสุขจากผลผลิต เมล็ดข้าวที่เต็มรวง ผลที่ได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย เพราะเราทำอย่างดี และเต็มที่

เช่นเดียวกัน การฉลองวัด หรือฉลองความเชื่อของเราจะมีคุณค่า และทำให้เรามีความสุข มันจะเป็นผลที่มาจากการเตรียมตัวของเราอย่างดีนั่นเอง ตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมา เราดำเนินชีวิต เราดำรงตนอยู่ในศีลในพรของพระเจ้า เราเจริญชีวิตในกรอบ ตามครรลองครองธรรมของพระบัญญัติและจิตตารมณ์ของพระศาสนา นั่นแหละจะทำให้เรามีความสุขในการฉลองความเชื่อ

ความสุขจากภายใน นำมาซึ่งความสุขภายนอกเสมอ.. ความสุขจากภายนอกไม่สามารถเป็นความสุขสู่ภายในจิตใจของเราได้

การดื่มเหล้า เมามาย จนไม่รู้จักกาลเทศะ ไม่รู้จักผู้ใหญ่ ไม่รู้จักกฎเกณฑ์ ไม่รู้จักพอ แถมอาละวาท และทะเลาะวิวาทกันอีกต่างหาก เป็นความสุขที่แท้จริงหรือเปล่า? คงไม่ใช่ความสุขที่แท้จริงแน่นอน เพราะจะมีแต่คนตำหนิ และด่าได้

การฉลองวัดหรือฉลองความเชื่อ ภายนอกชื่นชมยินดีได้ แต่อย่าทำบาป ม่วนได้ แต่อย่าเฮ็ดชั่ว
พี่น้องที่เคารัก ในค่ำคืนนี้ เราพร้อมใจกันขอบคุณพระเจ้าด้วยกัน  เชิญชวนพี่น้องไตร่ตรองด้วยกัน ในโอกาสการเตรียมจิตใจในค่ำคืนนี้

อันดับแรก ผมอยากจะเชิญชวนเราคิดถึง องค์อุปถัมภ์ของวัด วัดของเราชื่อว่า พระคริสตราชา  ความเป็นมาตามประวัติในหนังสือของมิสซัง ไม่ได้ระบุว่าใครเป็นคนตั้งชื่อนี้ แต่มีความน่าจะเป็นไปได้ว่า เนื่องจากกลุ่มคริสตชนกลุ่มแรกที่มาที่นี่ก็คือ กลุ่มคริสตชนจากวัดช้างมิ่ง นำโดยพ่อเฒ่าคาน เสมอพิทักษ์ และก็มีคุณพ่อมาร์ตี เจ้าอาวาสวัดช้างมิ่งมาฟังแก้บาป และถวายมิสซาให้  ที่นาจาร อยู่กลางป่ากลางเขา  พ่อเฒ่าคาน พาชาวบ้านสวด และเวลาสวดมักจะได้ยินเสียงร้องไห้รอบหมู่บ้าน  ไม่มีใครมาใกล้บริเวณนี้เพราะภูต ผี นางไม้ คงจะเยอะ (ความเชื่อของคนต่างศาสนา) ดังนั้น พระคริสตราชา จึงเหมาะสมแล้วสำหรับวัดที่อยู่กลางป่ากลางเขา มีผีสางต่าง ๆ เพราะว่า   คริสตราชา หมายถึง พระเยซูเจ้าทรงเป็นผู้ที่ปกครองชีวิตของเรา เป็นผู้ที่ดูแลชีวิตของเรา และเราอยู่ภายใต้การปกครองของพระองค์ พระองค์ทรงเป็นผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตของเรา ไม่มีใครมีอำนาจเหนือพระเยซูเจ้าได้ เพราะพระองค์ทรงเป็นกษัตริย์เหนือสิ่งอื่นใดในโลกนี้

คำถามชวนไตร่ตรองก็คือ บรรพบุรุษของเราได้ยึดพระเยซูเจ้าเป็นผู้นำ ผู้คุ้มครอง ผู้ปกปักรักษาจากภูตผีปีศาจ โรคภัยไข้เจ็บต่าง ๆ  แล้วเราล่ะ?  ทุกวันนี้ เราได้ยึดพระเยซูเจ้าเป็นศูนย์กลางของชีวิตหรือไม่? เราดำเนินชีวิตตามคำสอนของพระองค์หรือเปล่า???

พระสันตะปาปาปีโอ ที่ 11 (Pius XI) ได้ประกาศให้วันอาทิตย์สุดท้ายของเดือนตุลาคม เป็นวันฉลองพระคริสตราชา โดยมีเหตุผลว่า เพื่อ ป้องกันความคิดผิดเรื่อง อเทวนิยม โลกียนิยม และฆราวาสนิยม ซึ่งกำลังแพร่หลายในยุค ในสมัยนั้น ต่อมาพระสันตะปาปาเปาโลที่ 6 ได้ปรับปรุงพิธีกรรม และกำหนดให้ฉลองในวันอาทิตย์สุดท้ายของเทศกาลธรรมดา

สิ่งที่ผมต้องการจะเน้นก็คือ ความหมายการตั้งวันฉลองนี้ขึ้น ก็คือ ป้องกันความคิดผิดเรื่อง คือ
a.       อเทวนิยม หมายถึง คนที่ไม่เชื่อว่ามีพระเจ้า คนที่เชื่อในพระเจ้า 
b.      โลกียนิยม หมายถึง ผู้คนกำลังหลงมัวเมา สนุกสนานกับร่างกายของตนเอง หลงไปกับความพึงพอใจของตนเอง โดยไม่สนใจศีลธรรมจริยธรรม ผิดลูกผิดเมีย ผิดผัวผิดเมีย ปล่อยตัวตามราคะตัณหา กิเลสของตนเอง เป็นทาสของสิ่งเหล่านี้
c.      ฆราวาสนิยม คือ คนที่สนใจในทางโลก ไม่สนใจชีวิตนิรันดร ไม่สนใจเมืองสวรรค์ หาอยู่หากินไปวันๆ ไม่มีความหวังในชีวิตหน้า ยุ่งและห่วงแต่ในเวลานี้ เท่านั้น

    ปัจจุบัน ยุคของเราก็เป็นเช่นนี้ ในหมู่บ้านของเรา มีไหม? คนที่ไม่เข้าวัดเข้าวา มีไหมคนที่เย็นชาและละเลยหรือเมินเฉยต่อวัดวาอาราม การสวดภาวนา มีไหมคริสตชนทำตนเหมือนกับคนไม่มีศาสนา วัดบ่เข้า พระเจ้าบ่นบ เราจะทำอย่างไร? เราจะช่วยเหลือเขาอย่างไร? รวมทั้งลูกหลานของเราด้วย บางครั้งก็ไม่เข้าวัดเข้าวา ไม่สนใจพระเจ้า เราจะทำอย่างไร?  คำตอบก็คือ แบบอย่าง..ของพี่น้องแต่ละคน จะช่วยคนเหล่านี้ได้

    นอกจากนี้ ในเรื่องของโลกียนิยม การทำผิดศีลผิดธรรม การทำผิดต่อพระบัญญัติของพระเจ้า การทำลายครอบครัวของตนเอง การไม่ซื่อสัตย์ต่อศีลกล่าว การมีชู้ นอกใจคู่ชีวิตของตนเอง สนุกสนานไปวันๆ ไม่คำนึงถึงศีลธรรมจริยธรรมของพระคริสตเจ้า ในบ้านเรามีไหม? เราจะช่วยเขาอย่างไร? คำตอบก็คือ การเป็นแบบอย่าง..ของพี่น้องแต่ละคน จะช่วยคนเหล่านี้ได้ การยืนหยัดในความหนักแน่น และไม่อ่อนแอในการประจญล่อลวง.. จะช่วยคนที่หลงผิดให้กลับมาหาพระเจ้าได้
    
    พี่น้อง วัดของเรามีพระเยซูเจ้า เป็นราชา เราคงไม่เดินตามใคร นอกจากพระองค์ “ใครที่เป็นศิษย์ของเรา ต้องสละน้ำใจตนเอง แบกกางเขนของตน และตามเรามา”


วันเสาร์ที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

อาทิตย์ 5 เทศกาลธรรมดาปี B

บทเทศน์

ความหวังในการดำเนินชีวิตและการช่วยให้รอด

พี่น้องที่เคารพรัก วันนี้เราพากันมาชุมนุมกันเพื่อเฉลิมฉลองความรักของพระเจ้าที่มีต่อเรา เราพากันมาขอบพระคุณพระเจ้าร่วมกัน เรามาสรรเสริญพระองค์ สัปดาห์นี้เป็นสัปดาห์ที่ 4 เทศกาลธรรมดา พระเจ้าพระองค์ทรงรักเราเสมอ
พระวาจาของพระเจ้าในวันนี้ แสดงให้เราเห็นว่า “พระเยซูเจ้าทรงเป็นความหวังของชีวิตของเรา” จากหนังสือโยบ เราได้ยินสิ่งที่โยบ พูด ชีวิตของมนุษย์ ธรรมชาติของชีวิตมนุษย์ว่า ชีวิตมนุษย์ก็มีเพียงแค่นี้ คือ มีความสุข มีความทุกข์ มีปัญหา มีอุปสรรค แต่ละวันผ่านพ้นเลยไป แต่ละวันแต่ละคืนก็เหมือนเดิม ไม่มีอะไรเป็นแก่นของชีวิต นั่นคือ ชีวิตนี้จะมีความหวังอะไร?  เราดำเนินชีวิตในโลกนี้ เพื่ออะไรกันแน่ เราแสวงหาอะไร?ที่จะให้ชีวิตนิรันดรแก่เรา เราต้องการอะไรที่จะทำให้เรามั่นใจว่าเราจะได้รับความรอดพ้น

ชีวิตในแต่ละวันตื่นขึ้นมา ออกจากบ้านไปทำงาน เที่ยง บ่าย เย็นกลับบ้าน ค่ำทานอาหาร ดูทีวี นอน เช้าวันใหม่ ก็กระทำเหมือนเดิม ซ้ำ ๆ ซาก ๆ  จำเจ อย่างนี้ ชีวิตของเรามีความหวังอะไร? มีความหมายอะไร?
โยบ พูดกับพระเจ้าว่า ชีวิตของเขาเหมือนกับลมวูบเดียว ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป..

พี่น้องที่เคารพรัก ชีวิตของเราเป็นเหมือนกับโยบพูดไหม? เราดำเนินชีวิตในแต่ละวัน เรามีความหวังอะไร? สำหรับคนทั่ว ๆ ก็มีเพียงการกิน ดื่ม ทำงาน นอน แต่สำหรับเราคริสตชน ชีวิตของเรามีความหมายมากกว่านั้น

ชีวิตคริสตชน เราดำเนินชีวิตในแต่ละวันด้วยความหวัง และผู้ที่เป็นองค์แห่งความหวังของเราก็คือ พระเยซูคริสตเจ้า
ในพระวรสาร ประชาชนมากมาย โดยเฉพาะคนเจ็บไข้ได้ป่วย พากันมาหาพระเยซูเจ้า เพราะพวกเขาหวังว่า เขาจะได้รับการบรรเทา และการรักษาจากพระองค์ บรรดาผู้คนแสวงหาพระเยซูเจ้า เพียงเพื่อฟังคำสอนสั่งของพระองค์ เพราะพระวาจาของพระองค์เปี่ยมไปด้วยความหวังและพลังในการที่จะทำให้เราดำเนินชีวิต

เราจะพบว่า พระเยซูเจ้าเสด็จลงมาในโลกนี้ ก็เพื่อบรรเทาความทุกข์ ความเจ็บป่วยของเรา โดยเฉพาะประชาชน หรือคนที่ขาดความหวัง หมดกำลังใจในการดำเนินชีวิต ไม่ว่าจะมีสาเหตุมาจากอะไร แต่พระเยซูเจ้าทรงเป็นความหวังของเราเสมอ พระองค์ไม่ทรงทอดทิ้งเรา พระองค์ทรงช่วยเราและรอคอยให้เราเข้ามาหาพระองค์อยู่เสมอ

พี่น้องที่เคารพรัก พระเยซูเจ้าเป็นความหวังและพละกำลังแก่เราในการดำเนินชีวิต ที่เต็มไปด้วยปัญหาและความทุกข์ยากลำบากต่าง ๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นปัญหาในครอบครัว ปัญหาในอาชีพการงาน ปัญหาในการดำเนินชีวิต ปัญหาในการหาเลี้ยงชีพ พระเยซูเจ้าสอนเราให้มีความอดทน ไม่ยอมแพ้ ไม่อ่อนแอ แต่ให้สู้ ให้ฝ่าฟันไปพร้อมกับพระองค์

เมื่อเรามีความหวังและพลังจากพระเยซูเจ้าแล้ว พี่น้องสิ่งสำคัญสำหรับเราอีกประการก็คือ การเป็นกำลังใจให้แก่กันและกัน การหนุนนำน้ำใจของกันและกัน รวมไปถึงการช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ในยามทุกข์ยากและลำบาก เราจะต้องอยู่ด้วยกัน จะต้องให้กำลังใจแก่กัน อย่าซ้ำเติม หรือ เหยียบซ้ำกันให้จมลงไปอีก แต่คอยพยุงและเติมพลังใจให้แก่กันและกัน เพราะเราเองก็ได้รับพลังจากพระเยซูเจ้าอยู่แล้ว


นี่แหละคือ ความหวังและการดำเนินชีวิตของคริสตชน ที่ดำเนินชีวิตไม่ใช่แค่คนเดียว แต่ดำเนินชีวิตด้วยการมองดูคนอื่นด้วย


วันพุธที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

บทเทศน์เตรียมจิตใจฉลองวัดนักบุญกาทารีนา ทุ่งมน


บทเทศน์เตรียมจิตใจฉลองวัด
คืนวันศุกร์ ที่ 6 กุมภาพันธ์ 2015
เวลา 19.00 น.


                                                                                                                  muniatintrantes.blogspot .com

บทเทศน์เตรียมจิตใจ วัดนักบุญกาทารีนาแห่งอเล็กซานเดรีย ทุ่งมน

พี่น้องที่เคารพรัก ในค่ำคืนวันนี้ เราพากันมาร่วมมิสซา เพื่อเตรียมจิตใจของเราในการที่จะเฉลิมฉลองความเชื่อของเราในวันพรุ่งนี้ ซึ่งถือว่าเป็นวันสำคัญอย่างยิ่ง  

การฉลองวัด หรือ ฉลองความเชื่อ จำเป็นไหมที่จะต้องจัดงานฉลองใหญ่โต หรือว่า งานฉลองวัดมีความหมายอะไรกันแน่ต่อชีวิตคริสตชนของเขา หลาย ๆ คนไม่เข้าใจว่า การฉลองวัดคืออะไรกันแน่ เพราะว่า ตั้งแต่เป็นเด็ก เราก็ได้สัมผัสการฉลองวัดแล้ว

ความหมายของการฉลองวัด

1.       การฉลองวัด เป็นการฉลองความเชื่อของหมู่บ้าน ตั้งแต่การตั้งหมู่บ้าน การตั้งชื่อนักบุญองค์อุปถัมภ์ของบ้าน ซึ่งผู้ที่ได้เลือกนักบุญเป็นองค์อุปถัมภ์ของวัด ย่อมรู้ความหมายและย่อมเห็นถึงสิ่งที่เป็นเอกลักษณ์ของหมู่บ้าน

a.      ความเชื่อของหมู่บ้านคืออะไร? ความเชื่อของหมู่บ้านก็คือ ความเชื่ออันหนึ่งอันเดียวกันของทุกคนในหมู่บ้าน อันเดียวกันทั้งหมู่บ้าน ไม่ว่าจะเป็นเด็ก เยาวชน หรือพ่อบ้านแม่บ้าน ทุกคนเชื่อในสิ่งหนึ่งสิ่งเดียวกัน  แน่นอนว่า คริสตชนที่นี่ บ้านทุ่งมนนี้ เชื่อ ในพระเจ้าองค์เดียว สามพระบุคคล เท่านั้น คงไม่มีใครที่มีความเชื่อเกินกว่านี้ เป็นความเชื่อในพระเจ้าที่เราต้องรักษาและถ่ายทอดให้กับลูกหลาน หรือชนรุ่นหลังต่อ ๆ ไป พ่อแม่ต้องสอนลูกของตนเอง ให้อยู่ในความเชื่อในพระเจ้า ให้มีความไว้วางใจในพระเจ้า และดำเนินชีวิตตามจริยธรรม ศีลธรรมของพระเจ้า พร้อมทั้งเราเองก็ต้องเป็นแบบอย่างแห่งความเชื่อให้กับลูกหลานของเราด้วย
b.      ทุกคนฉลองความเชื่อที่มีต่อพระเจ้า

2.       การฉลองวัด เป็นการพบปะกับผู้มีความเชื่อ แสดงออกถึงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน แสดงออกถึงความเป็นปึกแผ่น และแสดงออกว่า เราไม่ได้อยู่คนเดียว แต่เรายังมีผู้คนอื่นอีกมากมาย ที่เชื่อในพระเจ้าเหมือนกับเรา วันพรุ่งนี้จะมีผู้คนมากมายมาร่วมงานฉลองวัด ฉลองความเชื่อของเรา คริสตชนต่างวัด ต่างหมู่บ้าน มาพบปะกันที่นี่เพื่ออะไร มาเพื่อให้กำลังใจซึ่งกันและกัน มาเพื่อขอพรจากพระเจ้าด้วยเช่นเดียวกัน แม้ว่าเราจะไม่รู้จักกันก็ตาม แต่ทุกคนมาเพื่อเป็นกำลังใจให้แก่กัน และเราก็ต้องพิจารณาดูตัวเองด้วยว่า เราเคยไปฉลองวัดไหนบ้างแล้วในปีนี้?  ตลอดชีวิตของเรา เราเคยไปที่ไหนบ้างหรือเปล่า? ถ้ายัง เราควรจะพากันไป ไปเพื่อให้กำลังใจ ไปเพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งในความเชื่อ ไปเพื่อเป็นหนึ่งเดียวกันในความเชื่อต่อพระเจ้า
a.      การไปมาหาสู่กัน

ทำไมเราต้องฉลองวัด

1.    คำตอบง่าย ๆ ก็คือ เราขอบคุณพระเจ้า สำหรับการเรียกเราให้เข้ามารู้จักพระองค์  สำหรับความรักที่พระองค์ทรงประทานให้แก่เรา เพราะว่า พระองค์ทรงเป็นความรัก เพราะว่าพระเจ้าทรงรักเรา รักเราอย่างมากมายจนถึงกับยอมตายบนไม้กางเขนเพื่อเราได้ พระองค์ทรงรักเราตั้งแต่เริ่มต้น ตั้งแต่การสร้างมนุษย์ ตั้งแต่จุดเริ่มแรกของชีวิตมนุษย์ พระองค์ทรงมอบลมปราณคือ ชีวิตของพระองค์ให้แก่มนุษย์ นี่คือสิ่งที่เราต้องขอบคุณพระองค์
2.       
สิ่งที่เราต้องพิจารณาไตร่ตรองในโอกาสฉลองวัด

1.     การเลียนแบบชีวิตของนักบุญองค์อุปถัมภ์ของวัดของเรา เราต้องพิจารณาใคร่ครวญดูว่า เราได้นำรูปแบบชีวิตของนักบุญองค์อุปถัมภ์ของวัดของเรา มาปฏิบัติมากน้อยแค่ไหนในการดำเนินชีวิตของเรา  วัดของเรา เรามีนักบุญกาทารีนาแห่งอเล็กซานเดรีย เป็นองค์อุปถัมภ์ เรารู้หรือไม่ว่า จุดเด่นหรือว่า ความสง่างาม หรือ การกระทำใดของนักบุญที่เป็นที่พอพระทัยของพระเจ้า สำหรับนักบุญกาทารีนาแห่งอเล็กซานเดรียก็คือ ความเด็ดเดี่ยวในความรักและความซื่อสัตย์ต่อพระคริสตเจ้า นี่คือ จุดเด่นหรือสิ่งที่เราน่าจะนำไปปฏิบัติให้เกิดผลในชีวิตของเรา

a.      ให้เราลองคิดพิจารณาดูซิว่า เรามีความเด็ดขาดอย่างไรในการเป็นศิษย์ของพระเยซูเจ้า ในการติดตามความคิดและจิตตารมณ์ของพระองค์ พระเจ้าสอนเราให้รักกัน (มีไหมในครอบครัวของเราจะไม่ทะเลาะ ผิดข้องหมองใจกัน มีไหมในหมู่บ้านของเราจะไม่ผิดข้อหมองใจกัน) หรือ มีไหมในชุมชนของเราจะไม่ส่งเสริมอบายมุขต่าง ๆ  เราเด็ดขาดไหมในการที่จะไม่ซื้อหวย ในการที่จะไม่ทิ้งความเชื่อ ในการเรียนรู้ความอดทน อดกลั้นในสิ่งที่เราไม่พึงพอใจ

b.      เด็ดเดี่ยวในการสวดภาวนาแทนการดูทีวี เด็ดเดี่ยวที่จะเงียบ แทนการนินทา หรือ การโต้วาทีกันด้วยถ้อยคำที่หยาบคายและแข็งกระด้าง

พี่น้องที่รัก นักบุญของวัดของเรา ท่านเด็ดขาดและเด็ดเดี่ยวฝในการที่จะเลือพระคริสตเจ้า ในการเลือกที่จะรักพระ  คริสตเจ้า และพร้อมที่จะถวายตนเองแด่พระองค์ แม้จะต้องเผชิญกับการเบียดเบียน ความทุกข์ทรมาน ก็ตาม