BLOGGER TEMPLATES AND TWITTER BACKGROUNDS

วันเสาร์ที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2559

ลาก่อนปี 2016

ถามเพื่อไตร่ตรอง


ทำไมพระเจ้าจึงทรงรักมนุษย์?
พระเจ้า ความรัก และมนุษย์

พระเจ้าทรงเป็นพระผู้สร้าง เปี่ยมด้วยความรัก
มนุษย์ถูกสร้างขึ้นมา ตามภาพลักษณ์ของพระเจ้า ด้วยความรัก

พระเจ้ารักมนุษย์เพราะพระองค์ทรงรัก


มนุษย์ทำบาป ทำผิด ทรยศ หักหลัง ไม่ซื่อสัตย์ นอกใจ ซ้ำแล้วซ้ำอีก
พระเจ้าก็สามารถให้อภัยได้

มนุษย์อยู่ในสภาพบาป ไม่เหมาะสมกับความรักของพระเจ้า
มนุษย์ตกอยู่ในบาป ไม่สมควรกับพระเจ้า
แต่พระเจ้าก็ยังคงรัก

ทำไม? 

................................................

มนุษย์กับมนุษย์
มองในชีวิตคู่
สามีภรรยา : ทำไมสามีและภรรยาจึงนอกใจกัน
ความซื่อสัตย์ถูกหัก แตกละเอียด
ความรัก ไม่สามารถรักษาความไว้ใจกันได้
ความซื่อสัตย์ไม่สามารถค้ำจุน ความไว้ใจกันได้
การแตกหักเกิดขึ้น เพราะขาดความรัก หรือเพราะไม่รัก
การให้อภัยไม่มี เพราะการทำลายความไว้ใจหรือความไม่ซื่อสัตย์

มนุษย์ ยากที่จะให้อภัยกันได้

สามี/ภรรยา ยากที่จะให้อภัย ความนอกใจ /การมีชู้/ ความไม่ซื่อสัตย์ต่อความรักได้

แสดงให้เห็นว่า "ความรักของมนุษย์จะต้องตอบแทนด้วยความรัก/ความซื่อสัตย์เท่านั้น"
ไม่มีสิ่งใดที่จะตอบแทนความรักของมนุษย์ที่มีให้กันได้ นอกจากความรักและความซื่อสัตย์


.......................


แตกต่างจาก ความรัก ของพระเจ้าอย่างสิ้นเชิง

มนุษย์ไม่สามารถรักคนที่ทรยศ หักหลังความรักได้
พระเจ้าทรงรักและรอคอยมนุษย์ให้กลับใจมาหาพระองค์เสมอ

มนุษย์ไม่สามารถที่จะให้อภัยคนที่รักทำลายความซื่อสัตย์/ความไว้ใจได้
พระเจ้าหวังและยังคงรอคอยเสมอ

ด้วยเหตุนี้

ความรักของพระเจ้าจึงเป็นความรักที่สูงส่ง
ความรักของพระเจ้าจึงเป็นความรักที่ไร้เงื่อนไข
ความรักของพระเจ้าจึงเป็นของประทานเปล่า

ความรักของพระเจ้าเป็นเสมือนรูปแบบความรักที่สมบูรณ์แห่งความรัก

มนุษย์จะทำให้ความรักต่อกันสมบูรณ์ได้ก็ต่อเมื่อ รักพระเจ้าอย่างแท้จริง
มนุษย์จะเข้าถึงความสมบูรณ์ของความรักก็ต่อเมื่อรักกันอย่างไม่มีข้อเรียกร้อง

แต่ยาก..ที่มนุษย์จะทำได้
หากไม่พยายามและฝึกฝนอยู่เสมอๆ 
 
อย่างไรก็ตาม
ทำไม พระเจ้าจึงรักมนุษย์ได้มากมายเช่นนี้ 
ทำไม พระเจ้าจึงมองข้ามความผิด บกพร่อง และบาปของมนุษย์ได้

ความรักของพระองค์?

ปีเก่า จะผ่านไป ความรักของพระเจ้า ยังคงอยู่  
ปีเก่า จะผ่านพ้น ความรักของพระเจ้า ดำรงอยู่

เสมอ ตลอดไป

วันพฤหัสบดีที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2559

ฉลองครอบครัวศักดิ์สิทธิ์ 2016


ไตร่ตรองส่วนตัวกับจดหมายถึงครอบครัว



จดหมายถึงครอบครัว (Lettera alle famiglie) ของนักบุญยอห์น ปอล ที่ 2 พระสันตะปาปา ซึ่งได้ชื่อว่า เป็นพระสันตะปาปาแห่งครอบครัวอย่างแท้จริงในความรัก ความห่วงใย ต่อครอบครัวซึ่งเป็นเสมือนส่วนที่เป็นแก่นของชีวิตพระศาสนจักร

เริ่มต้นความเข้าใจ

พระเจ้าทรงสร้างมนุษย์ให้เป็นชายและหญิง และพระองค์ทรงสร้างมนุษย์ตามภาพลักษณ์ของพระองค์ ให้ละม้ายคล้ายคลึงกับพระองค์ เพื่อให้มนุษย์มีความสัมพันธ์และเชื่อมโยงถึงกัน

พระเจ้าตรัสว่า "เราจงสร้างมนุษย์ขึ้นตามภาพลักษณ์ของเรา ให้มีความคล้ายคลึงกับเรา" (ปฐก 1:26) พระองค์ทรงสร้างมนุษย์ และทรงอวยพรเขาให้มีลูกมากทวีจนเต็มแผ่นดิน นั่นหมายความว่า พระองค์ทรงอวยพรมนุษย์ ให้มนุษย์ชายเป็นบิดา และมนุษย์หญิงเป็นมารดา ชายจึงเป็นบิดา และหญิงจึงเป็นมารดา และบุตรที่เกิดมามีความละม้ายคล้ายคลึงกับพระเจ้า เป็นภาพลักษย์ของพระเจ้า ดังนั้น ครอบครัวจึงเป็นครอบครัวของพระเจ้า ที่มาจากพระเจ้า เป็นภาพลักษณ์ของพระเจ้าและคล้ายคลึงกับพระเจ้า เหมือนกับครอบครัวที่มีชีวิตในพระเจ้า

ในความเป็นภาพลักษณ์ของพระเจ้าและความคล้ายคลึงกับพระเจ้า นี่แหละคือ ศักดิ์ศรีของมนุษย์ และความเป็นบิดาและมารดาของชายและหญิง ก็คือ ศักดิ์ศรีของมนุษย์ ที่สุด ลูก ก็เป็นศักดิ์ศรีของครอบครัวด้วยเช่นเดียวกัน

พันธสัญญาของคู่แต่งงาน

เมื่อเราคิดถึงครอบครัว เราคิดเสมอว่า ครอบครัวเป็นพื้นฐานที่แสดงออกถึงธรรมชาติทางสังคมของมนุษย์ และแก่นที่เรามองไม่เห็นก็คือ การช่วยเหลือซึ่งกันและกัน

ครอบครัวเป็นกลุ่มชนหน่วยเล็กที่สุดของความเป็นสังคม ครอบครัวคือความเป็นหนึ่งเดียวของบุคคล เป็นความเป็นหนึ่งเดียวที่มีชีวิตของบุคคล ครอบครัวนำไปสู่การเป็นหนึ่งเดียวกันของคู่แต่งงานอย่างแท้จริง ซึ่งในสังคายนาวาติกันที่สองเรียกว่า "พันธสัญญา"คือ การที่ชายและหญิงต่างก็มอบตนเองทั้งให้และรับแก่กันและกันอย่างสิ้นเชิง




ชายและหญิง มอบให้ และรับจากกันและกัน
มอบตัวเองทั้งหมด ทั้งร่างกายและจิตใจ
ให้ทั้งชีวิต จิตวิญญาณแก่กันและกัน

นี่คือการมอบ และ การให้ แก่กันและกัน
ของชายและหญิง
เป็นสิ่งเฉพาะที่จะเกิดขึ้นได้ในคู่แต่งงานเท่านั้น
ในศีลแต่งงานต่อหน้าพระศาสนจักรเท่านั้น
จึงจะถือว่าเป็นการมอบให้-รับอย่างสมบูรณ์



วันอาทิตย์ที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2559

คริสต์มาส 2016


รำพึง ไตร่ตรอง

คำที่เราจะได้ยินบ่อยๆ ในช่วงนี้คือ "สุขสันต์วันคริสต์มาส"
ความสุขมาจากการบังเกิดมาของพระเยซูเจ้า พระองค์ทรงเกิดมาเพื่อเรา
ความสุขสันต์มาจากพระเยซูเจ้าผู้รับสภาพเป็นมนุษย์
ความสุขเป็นของผู้ที่เชื่อในพระเยซูเจ้า
ความสุขในวิญญาณ
ความสุขในความเชื่อ
ความสุขในหัวใจ
หัวใจที่เข้าถึงแก่นของธรรมล้ำลึกแห่งการบังเกิดของพระเจ้า

พระเยซูเจ้าเกิดมาทำไม?
คำตอบสั้นๆ "เพื่อไถ่บาปเรา" "เพื่อช่วยเราให้รอดพ้น"
ไถ่เรา.. ด้วยความรัก.. รักจนถึงที่สุด
ช่วยเรา.. ด้วยคำสอน..สอนด้วยชีวิตของพระองค์

พระเยซูเจ้าบังเกิดมาจากความรักของพระบิดาเจ้าที่ทรงมีต่อมนุษย์
พระเยซูเจ้าบังเกิดมาจากความนอบน้อมเชื่อฟัง
และพระองค์ตายพร้อมกับความนอบน้อมเชื่อฟังเช่นกัน

เกิดบนรางหญ้าในถ้ำเลี้ยงสัตว์
ตายบนไม้กางเขน

เกิดอย่างเงียบๆ
ตายอย่างมีชื่อเสียง มหาโจร

เกิดมาโดยมีเพียงไม่กี่คนที่รู้
ตายบนกางเขน ทุกคนได้เห็นและเป็นพยาน

เกิดมาด้วยผ้าพันกาย
ตายพร้อมกับฟ้าห้อมล้อมกาย

ทุกอย่างเริ่มต้น "ด้วยความรัก"
และดูเหมือนจบด้วย "ความรัก"
แต่แท้จริง ยังต่อเนื่อง ใน "ความรัก"

นี่คือวันแห่งความรัก..ที่เริ่มต้นขึ้นในประวัติศาสตร์ของมนุษย์
วันแห่งความรักใหม่ของพระเจ้า ต่อมนุษย์





วันศุกร์ที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2559

เส้นทางเดิม


ทางเดิน


ทางเดิน
ย่อมมีจุดเริ่มต้น และมีเป้าหมาย
บางคนเดินในเส้นทางที่เห็นเป้าหมายชัดเจน
บางคนเดินในเส้นทางที่เป้าหมายจางๆ
บางคนมองไม่เห็นหลายทาง

ทางเดินมีจุดเริ่มต้น เริ่มเดินทาง
ทางเดินที่ราบเรียบ
มุ่งสู่จุดหมายที่ง่ายดาย
ทางเดินที่รก
ต้องออกแรงหนัก
ทางเดินที่คดเคี้ยว
พยายามหนักขึ้น
แต่..เมื่อเริ่มก้าวและเดิน
ก็ต้องพร้อมที่จะเผชิญกับทุกสิ่ง

การเดินทางบนเส้นทางเดินเดิมคนเดียว
หรือหลายคน
หรือมากคน
สำคัญ..ที่ใจตน
ความโดดเดี่ยวและความเข้มแข็งมาจากใจ

วันนี้ระลึกถึงนักบุญเยโรม
การเป็นคริสตชนเป็นชีวิตที่ต้องออกเดิน
เดินทาง มีเป้าหมาย
คือ ชีวิตนิรันดร
มีคู่มือ มีทิศทาง มีพลัง
คือ พระคัมภีร์

ความทุกข์
ความลำบาก
ความยากเข็ญ
อาศัยพลังแห่งพระวาจา
สามารถเอาชนะสิ่งเหล่านี้
และทำให้เราพบกับความสุขได้

"ใครไม่รู้จักพระคัมภีร์ ก็ไม่รู้จักพระคริสตเจ้า"


เราไม่ได้เดินคนเดียวนะ
แม้จะดูเหมือนว่า อยู่คนเดียว

เราไม่ได้ถูกทอดทิ้งนะ
แม้ดูเหมือนว่า ถูกทิ้งใจ

เราไม่ได้โดดเดี่ยวนะ
แม้ดูว่า ไม่เหลืออะไร

ชีวิตมีความทรงจำ
ชีวิตมีประสบการณ์
และชีวิตมีความรักที่จะต้องเดิน ก้าวไป


วันพฤหัสบดีที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2559

แม่พระมหาทุกข์

วันที่ 15 กันยายน 2016





เส้นทางที่น่ากลัวที่สุด
เป็นเส้นทางที่โดดเดี่ยว
คนที่เข้มแข็งที่สุดเท่านั้นจึงจะเดินในเส้นทางนี้ได้
คนที่จะเด็ดเดี่ยวที่สุดจึงจะข้ามผ่านเส้นทางนี้
คนที่โดดเดี่ยวที่สุดจึงอยู่บนเส้นทางนี้ได้

แม่พระมหาทุกข์
ความทุกข์ ความเจ็บปวด
ยากที่จะบรรยาย
ยากที่จะคิดถึง
ยากที่จะเข้าใจ
ยากที่จะทนไหว

แม่พระมหาทุกข์
ทำให้เราคิดถึง "ความรัก"
แม่พระมหารัก
เพราะความรักทำให้ทนทุกข์
ความรัก แม้จะทุกข์ ลำบากแค่ไหน
แม้จะเจ็บปวดเพียงไร
แม้จะทนไม่ไหวแค่ใดก็ตาม
ความรักก็ยังรัก
ในความเจ็บปวด
ในความทุกข์
ในความลำบาก
ความรัก็ยังคงอยู่

แม่พระยังคงสภาพความรักต่อพระบุตรเสมอ

แม้จะต้องทนทุกข์ต่างๆ มากมาย
จากคำพูด คำทำนาย
จากคำพูดของลูกจาก
จากความไม่เข้าใจ
จากการเห็น
จากการสัมผัส
จากการต้องพลัดพราก
แม่พระทนทุกข์ เพราะรัก

ทนทุกข์ เพราะรัก
รัก ไม่ใช่ความทุกข์

รัก ทำให้เกิดทุกข์
สุขในความรัก
ทุกข์ในความรัก
อย่างน้อยก็ยัง "รัก" 

เพราะรักคือ ชีวิตของกันและกัน เสมอ





วันอังคารที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2559

เทิดทูนไม้กางเขน 2016

14 กันยายน เทิดทูนไม้กางเขน


ความรักและความโดดเดี่ยว



พระคัมภีร์ได้พูดถึง 2 เหตุการณ์ ที่เป็นหนึ่งและแตกต่างกัน

งูโลหะติดไว้ที่เสา และ พระเยซูเจ้าถูกตรึงบนไม้กางเขน

"ทุกคนที่ถูกงูกันและมองดูงูโลหะนั้น ก็จะรอด" 

ส่วนคนที่ไม่ถูกงูกัดละ? รอดไหม?

งูโลหะมีไว้สำหรับคนที่ถูกกัด จริงไหม?

ทำไมงูจึงกัด?
เพราะพวกเขาบ่นต่อว่าพระเจ้าและโมเสส

ทำไมพระเจ้าจึงสั่งให้ทำงูโลหะ
เพราะพวกเขาสำนึกผิด....

นี่คือ สิ่งที่ช่วยเขาให้รอด คือ การสำนึกผิด

การมองดูงูโลหะ เป็นเครื่องหมายของการสำนึกผิด
เป็นเครื่องของบาป 
เป็นเครื่องหมายของการต้องการที่จะมีชีวิต
เป็นความปรารถนาของตนเอง
เป็นการดิ้นรนของตนเอง เพื่อจะมีชีวิต

ไม้กางเขนที่ตรึงพระเยซูเจ้า..
ไม้กางเขน เครื่องหมายแห่งความรัก และความรอด
เป็นความรักของพระเจ้าที่มีต่อมนุษย์
ความรักที่ต้องการให้มนุษย์ได้รอด

ทุกคนที่มองดู หรือ คนที่มองไม่เห็น พระเจ้าก็ยังทรงรักเขา
เขาจะได้รับความรอดในวิถีทางของเขาที่พระเจ้าทรงมองดู และดึงดูด

ทำไมพระเยซูเจ้าถูกตรึง
พระองค์ทำผิดหรือ?

พระองค์ถูกตรึง เพราะ ความรัก ต่อพระบิดาเจ้า ด้วยความนบนอบ
พระองค์ถูกตรึง เพราะ ความรัก ต่อมนุษย์ ด้วยความรัก

งู เป็นเครื่องหมายแห่งการสำนึกผิด สำนึกถึงบาป
พระเยซูเจ้า เป็นเครื่องหมายแห่งความรักและความรอดพ้น

งูไม่สามารถช่วยให้รอดได้
พระเยซูเจ้าสามารถช่วยทุกคนให้รอดพ้นได้

สุดท้าย
ความรักสามารถเยียวยาได้แม้กระทั่งเวลาที่โดดเดี่ยว






อ้อมแขน

ความรัก


พระเจ้ารักเรามากกว่าที่เราเป็น
อ้อมกอดของพระเจ้ากว้างกว่าอ้อมแขนของมนุษย์
ความรักของพระเจ้า
มากมาย เหลือล้น และพอดี

ชาย-หญิง
จุดเริ่มต้นของความใกล้ชิด
อ้อมแขน
อ้อมแขนเปิดออกกอด - โอบโลกทั้งโลก
คนทุกคนในเวลาเดียวกันได้
แต่ไม่สามารถที่จะบรรจุหลายๆคน
ในเวลาเดียวกันได้
มีแต่ความรัก..
สามารถรัก..ด้วยอิสระ
เหมือนความรักของพระเจ้า
รักด้วยใจอิสระ

ผูกกัน ความรัก ผูกพัน
ใกล้ชิด ความคิดถึง ใกล้กัน

พระเจ้า ไม่เคยหยุดที่จะโอบกอดมนุษย์
พระองค์ไม่เคยรักเกียจ

อ้อมกอดของพระเจ้า
อบอุ่น นุ่มนวลเสมอ



วันอาทิตย์ที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2559

มองดูอดีต


เมื่อครั้งหนึ่งที่เป็นอดีต..กลายเป็นปัจจุบัน และยังความทรงจำ





ตุ๊กตาหมี

ยังคงยิ้มเหมือนเดิม

ความทรงจำที่แสนไกล

มีความหมายที่ยิ่งใหญ่

เป็นเครื่องหมายของความผูกพัน

ยังคงอยู่เหมือนเดิม

ยังคงเหมือนเดิม

ไม่เปลี่ยนแปลง

มีความหมายที่อธิบายด้วยตา

มีความหมายที่ต้องเข้าใจด้วยใจ







วันพุธที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

10 ปีแห่งรัก







10 ปีแห่งรัก




































































วันอังคารที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2559

สมโภชนักบุญเปโตรและเปาโล 2016

บทเทศน์




วันนี้เราทำการสมโภชนักบุญเปโตรและเปาโล ซึ่งเป็น “เสาหลัก” ของพระศาสจักร หรือเราจะพูดว่า เป็นผู้ที่รักษาความเชื่ออันแท้จริงและทำให้ความเชื่อแผ่ขยายออกไป จนสุดปลายแผ่นดิน

นักบุญเปโตร เป็นเสาแห่งความเชื่อที่หนักแน่น มั่นคง ท่านเป็นชาวประมง ติดตามพระเยซูเจ้า ด้วยการตอบรับเสียงเรียกที่พระเยซูเจ้าทรงเรียกว่า “จงตามเรามาเถิด” ท่านอยู่กับพระเยซูเจ้า ใช้ชีวิตร่วมกับพระองค์และท่านก็ได้เป็นหัวหน้าอัครสาวก หรือ เรียกว่า พระสันตะปาปาองค์แรก

ชีวิตของท่านเป็นชีวิตธรรมดา ชาวประมงซื่อๆ อ่อนแอ ปฏิเสธพระเยซูเจ้า 3 ครั้ง แต่ก็กล้าหาญ กล้าที่จะยืนยันว่ารักพระองค์ 3 ครั้งเช่นกัน และกล้าที่จะยืนยันด้วยชีวิตถึง การกลับคืนพระชนมชีพของพระเยซูเจ้า ยอมตายได้ ยอมสละชีวิตได้ และสุดท้ายท่านได้ตายด้วยไม้กางเขน แต่เอาหัวปักลงดิน

พระเยซูเจ้าคือจุดเปลี่ยนของชีวิต

นักบุญเปาโลเป็นอีกเสาหนึ่ง เป็นเสาแห่งการเผยแผ่ความเชื่อ ทำให้ผู้คนกลับใจ เปลี่ยนแปลงและมาติดตาม มีความเชื่อในพระเยซูเจ้าผู้ทรงกลับคืนพระชนมชีพ

เดิมท่านเป็นคนที่นับถือศาสนาเคร่งครัด เป็นชาวฟาริสี ยึดมั่นในพระธรรมคำสอนและประเพณีและความเชื่ออย่างเหนียวแน่น จนกลายเป็นคนที่มีจิตใจแบบศาสนานิยม ใครจะมาทำลายไม่ได้ ใครจะมาเหนือกว่าไม่ได้ จนถึงกลับต้องทำคือ การเบียนเบียน การข่มเหงผู้อื่น

เมือพบกับพระเยซูเจ้าระหว่างทางไปเมืองดามัสกัน ท่านเปลี่ยนแปลงตเอง และท่านเดินทางยาวไกล ไปทุกแห่ง ประกาศถึงชัยชนะของพระเยซูเจ้าซึ่งเป็นชัยชนะเหนือความตาย นั่นคือ การกลับคืนพระชนมชีพ ที่สุดท้ายที่ท่านไปก็คือ กรุงโรม ที่นั่นท่านได้ถูกตัดศีรษะ เพื่อเป็นพยานถึงพระเยซูเจ้า

พระเยซูเจ้าคือจุดเปลี่ยนของชีวิต

นักบุญเปโตร อยู่กับพระเยซูเจ้า ใช้ชีวิตร่วมกับพระเยซูเจ้า ทีละเล็กทีละน้อย ชีวิตของท่านค่อยๆ เปลี่ยนแปลงไป จากความกลัว กลายเป็นความกล้าหาญ จากความอ่อนแอ กลายเป็นคนเข้มแข็ง

นักบุญเปาโลก พบกับพระเยซูเจ้าระหว่างทางไปเมืองดามัสกัส สัมผัสพระเยซูเจ้าผู้กลับคืนพระชนมชีพ เปลี่ยนจากการเบียดเบียน กลายเป็นผู้ประกาศพระเยซูเจ้า ด้วยใจที่เร่าร้อน และกระตือรือร้น ทุกข์ยากลำบาก ผ่านมาทั้งหมด ผ่านมาด้วยความเชื่อในพระเยซูเจ้า “ชีวิตคือการประกาศข่าวดี”

เชิญชวนเราเข้ามาสัมผัสพระเยซูเจ้า อยู่กับพระเยซูเจ้า ในการอ่านพระคัมภีร์ ในการ่วมพิธีบูชาขอบพระคุณ ในการภาวนา ในชีวิตของกันและกัน ในการดำเนินชีวิตแต่ละวัน ในการแบ่งปันน้ำใจที่ดีแก่กันและกัน


อยู่กับพระองค์ และประกาศถึงพระองค์

วันศุกร์ที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

มิสซาเปิดปีการศึกษา 2016 รร.ซย.ทร

บทเทศน์


คุณพ่อทั้งสอง เซอร์อธิการ คณะเซอร์ คณะครูที่เคารพ และบรรดานักเรียนที่น่ารักทุกคน วันนี้เรามาร่วมเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันเพื่อวอนขอพระพรจากพระเจ้าสำหรับการเรียนการสอน สำหรับประสบการณ์ที่จะเกิดขึ้นในโรงเรียนของเรา เพื่อเราจะสามารถพัฒนาตนเอง เรียนรู้ และสร้างสรรค์ชีวิตของเรา มุ่งสู่เป้าหมายที่เราตั้งใจไว้

วันนี้เรามาร่วมมิสซาเปิดปีการศึกษาด้วยการ สมโภช พระจิตเจ้า ถือว่าเป็นวันสำคัญอย่างยิ่ง และมีความหมาย เมื่อเรา

ในวันเปนเตกอสเตซึ่งเป็นวันฉลองของชาวยิว บรรดาศิษย์ชุมนุมกัน ในห้องที่ปิดประตู ลงกลอน ล็อกห้องอย่างแน่หนา เพราะกลัวชาวยิว คนอื่นฉลองกัน แต่บรรดาศิษย์กลับอยู่ในห้องด้วยความกลัว กลัวถูกจับและถูกฆ่าตายเหมือนอย่างพระเยซูเจ้า

แต่ในวันนั้น มีเหตุการณ์เกิดขึ้นที่สำคัญคือ พระจิตเจ้าเสด็จลงมาเหนือพวกเขาแต่ละคน ขณะที่ทุกคนกำลังสวดภาวนาอยู่ เปลวไฟลักษณะเหมือนลิ้นลอยอยู่เหนือพวกเขา พวกเขาได้รับพระจิตเจ้าเต็มเปี่ยม ทำให้เกิดสิ่งที่ตามมาคือ พวกเขามีความกล้าหาญ มีความมั่นใจ จากห้องที่ปิดอยู่ พวกเขาเปิดประตู หน้าต่าง และออกมาจากห้อง พร้อมกับประกาศถึงการรับทรมาน ความตาย และการกลับคืนพระชนมชีพของพระเยซูเจ้า ทุกคนที่ได้ยินต่างประหลาดใจ เพราะคนบ้านนอกคอกนา จะพูดจาที่ทุกคนเข้าใจในภาษาของตนเองได้อย่างไร?

นี่คือเหตุการณ์ในวันนั้น วันเปเตกอสเต ซึ่งเป็นวันเริ่มต้นของพระศาสนจักร

และในวันนี้ เราทำการสมโภชพระจิตเจ้า วอนขอพระคุณ วอนขอของประทานจากพระองค์ สำหรับชีวิตของเรา พระปรีชาญาณ สติปัญญา ความคิดอ่าน พละกำลัง ความรู้ ความศรัทธา และความยำเกรง ให้เราวอนขอพระจิตเจ้าเสมอ

พระพรต่างๆ ที่เราได้รับจากพระจิตเจ้า ไม่ใช่พระพรที่มีไว้เพื่อตัวเอง แต่มีไว้เพื่อกันและกัน ไม่ได้มีไว้เพื่อเอาเปรียบกัน แต่มีไว้เพื่อช่วยเหลือกันและกัน ไม่ได้มีไว้เพื่อเบียดเบียนกัน แต่มีไว้เพื่อเสริมสร้าง และเติมเต็มชีวิตของกันและกัน ไม่มีสิ่งใดขาด ไม่มีสิ่งใดเหลือ ไม่มีใครด้อย แต่ทุกคนจะเป็นหนึ่งเดียวกัน
พระปรีชาญาณ ทำให้เรารู้รสชาติความสวยงามของธรรมชาติ ของสรรพสิ่งที่พระเจ้าทรงสร้าง และรู้จักแยกแยกดีชั่ว
สติปัญญา ทำให้เรารู้ลึก รู้อย่างถ่องแท้ในความจริง ไม่ใช่รู้แค่ผิวเผิน

ความคิดอ่าน ทำให้เรารู้จักวางแผนให้กับชีวิตของตนเอง กล้าคิด กล้าตัดสินใจ วางแผนอนาคตของตน

พละกำลัง ทำให้เขาเข้มแข็ง อดทน มั่นคง ไม่ท้อแท้ที่จะทำความดี ไม่พ่ายแพ้ต่ออุปสรรค

ความรู้ ทำให้เรารู้จักสิ่งต่าง ๆ เป็นความรู้ที่คู่ไปกับความรัก เมื่อมีความรู้จะต้องมีความรักควบคู่ไปด้วย

ความศรัทธา และ ความยำเกรง เป็นการเพ่งมองไปที่พระเจ้า รักและเคารพต่อพระองค์ รักและนมัสการพระองค์ด้วยจิตใจของเรา

พระสันตะปาปาฟรังซิส ซึ่งเป็นพระสันตะปาปาองค์ปัจจุบัน พระองค์ได้ตรัสว่าจงให้พื้นที่ว่างของชีวิตของเราแด่พระจิตเจ้าบ้าง พระสันตะปาปา เตือนให้เราระลึกถึงพระจิตเจ้า และเตือนให้เราร่วมมือกับพระหรรษทานของพระองค์ด้วย 

 “จงให้พื้นที่ว่างของชีวิตแด่พระจิตเจ้าบ้าง การเป็นคริสตชน ไม่รู้จักพระคริสตเจ้า และไม่ลึกซึ้งในความเชื่อ และในคำสอนของพระองค์ เพราะว่า ส่วนหนึ่งพวกเขาไม่ปล่อยให้พระจิตเจ้าทำงานในชีวิตของเขา   เนื่องจากว่า สภาพปัจจุบันของชีวิต หรือสถานการณ์ของชีวิตของเราในปัจจุบันนี้ พื้นที่ว่างสำหรับพระเจ้านั่นมีไม่มาก นั่นคือ เราไม่ปล่อยให้พระเจ้านำทางชีวิตของเรา หลายครั้งเรากำหนดชีวิตของเราเอง และเลือกเดินในเส้นทางของเราเอง หลายครั้งเรามั่นใจในเส้นทางเดินของเรา และหลายครั้งมันไม่ตรงและไม่สอดคล้องกับเส้นทางของพระเจ้า

มีครูคนหนึ่งและผู้นำนวยการกำลังยืนอยู่ใกล้ๆ สนามเด็กเล่น พวกเด็กๆ กำลังเล่นกันอย่างสนุกสนาน เขาถามผู้อำนวยการว่า “ทำไมทุกคนจึงต้องการความสุข แต่มีน้อยคนที่จะได้รับ”
ผู้อำนวยการก็พูดว่า ดูเด็กๆ พวกนั้นก็มีความสุขเหลือเกินนะ ทำไมพวกเขาจะไม่มีความสุขและไม่ได้รับความสุขเล่า พวกเขาเล่นอย่างเดียว
แล้วพวกเรา ซึ่งเป็นผู้ใหญ่อะไรที่ทำให้เราไม่ได้รับความสุข
ผอ. สิ่งเดียวที่ทำให้เด็กๆ ไม่มีความสุข รวมทั้งเราด้วย ก็คือ.. ผอ. เงีบบ และล้วงกระเป๋าหยิบแบงค์ 1000 บาทออกมา แล้วขว้างไปที่สนามเด็กเล่น ทันใดนั้น เสียงหัวเราะก็หยุด แล้วเด็กๆ พากันวิ่งไปแย่งชิงธนบัตรใบนั้น
ผอ.ถาม คุณเห็นไหมว่า อะไรหยุดความสุขของบรรดาเด็กๆ  “การแย่งชิง” แล้วอะไรที่ทำให้เขาแช่งชิงกัน “ความโลภ”  

ใครๆ ก็อยากมีความสุข อยากได้ความสุขทั้งนั้น  แต่ความโลภที่จะได้สิ่งของที่จะทำให้เขามีความสุขนั้นแหละ ที่ทำให้พวกเขาไม่มีความสุข


วันอังคารที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

พุธ สัปดาห์ที่ 8 ธรรมดา ปี C

บทเทศน์


มก 10:32-45

เหตุการณ์ : การเสด็จเข้าสู่กรุงเยรูซาเล็ม

พระเยซูเจ้ากำลังจะเสด็จไปที่กรุงเยรูซาเล็ม เพื่อทำให้แผนการช่วยให้รอดพ้นสำเร็จไป
แม้ว่า ที่นั่นพระองค์จะต้องเผชิญอะไร พระองค์ก็ไม่เคยหวาดหวั่น หรือหลีกหนี พระองค์
เสด็จมาในโลกนี้เพื่อทำให้พระประสงค์ของพระบิดาสำเร็จไป นี่คือ เป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ที่สุด
ของพระองค์

ความแน่วแน่ และความตั้งใจที่เด็ดเดี่ยว ทำให้พระองค์ชนะความกลัวในจิตใจตามประสามนุษย์
ได้  สิ่งที่สำคัญในเหตุการณ์นี้คือ พระองค์ได้บอกบรรดาศิษย์ของพระองค์ล่วงหน้าว่า พระองค์
จะต้องประสบหรือจะต้องเผชิญกับสิ่งใด นั่นคือ การทนทุกข์ ทรมาน การเบียดเบียน การข่มเหง
และความตาย แต่สุดท้ายพระองค์จะกลับคืนชีพ

สิ่งที่สาวกได้ยิน ก็คือ การทุกข์ทรมาน และความตาย ส่วนการกลับคืนชีพ พวกเขาไม่รู้เรื่อง ไม่
เข้าใจ ว่าหมายความว่าอย่างไร? ความตายต่างหากเป็นสิ่งที่สำคัญที่ทำให้พวกเขากลัว แม้แต่
เปโตรก็ยังขัดขวางทางเดินของพระองค์ เพราะพวกเขาได้ยินเสียงการกลับคืนชีพนั้นแผ่วเบา..

ชีวิตของเราเองก็เช่นเดียวกันกับบรรดาศิษย์ เรามองเห็นพระเยซูเจ้าทุกข์ทรมาน การเบียดเบียน
เรามองดูชีวิตของเรามีแต่ความทุกข์ ความเจ็บปวด เรามีคำถามเสมอ เมื่อไหร่จะสบาย เมื่อไหร่จะ
มีความสุข เรามองแค่นี้ แค่โลกนี้ เราได้ยินเสียงของโลกนี้เท่านั้น

สิ่งที่เราจะต้องมองให้ไปไกลๆ ก็คือ เมื่อผ่านความทุกข์ยากลำบาก เมื่อผ่านการเบียดเบียน เมื่อ
ผ่านการเผชิญกับปัญหาต่างๆ เราจะได้รับชีวิตนิรันดร เราจะกลับคืนชีพพร้อมกับพระองค์

ให้เรามีความหวัง...ที่ถูกต้อง

ความหวัง : เป็นใหญ่
บรรดาศิษย์มองการเข้าสู่กรุงเยรูซาเล็มของพระเยซูเจ้า เป็นโอกาสที่พวกเขาจะได้เป็นใหญ่
มีหน้ามีตา มีชื่อเสียง มีผู้คนกราบไหว้ พวกเขาอยู่กับพระเยซูเจ้ามาด้วยความยากลำบาก
ด้วยควาทุกข์ คงจะถึงเวลาแล้วที่พวกเขาจะสบาย จะได้อยู่อย่างเป็นสุข ไม่ต้องเร่ร่อนไปไหน
มาไหนอีก

พวกเขาอยากจะเป็นใหญ่ อยากจะเป็นที่หนึ่ง อยากจะเหนือคนอื่นๆ  ตามค่านิยมและโลกนิยม
ที่พวกเขาต้องการและตอบสนอง

ขอนั่งข้างขาวคนหนึ่ง นั่งข้างซ้ายอีกคนหนึ่ง.. แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงความคิดและความ
ปรารถนาที่แท้จริงในการเป็นศิษย์ ในการติดตามพระเยซูเจ้า พวกเขาติดตามด้วยความตาบอด
ใจบอด หวังแต่สิ่งในโลกนี้ เหมือนคนตาบอดที่มองไม่เห็นสิ่งใด

คุณค่าของโลกครอบงำจิตใจของเรามากเท่าใด ตาของเราก็จะยิ่งบอดสนิทมากขึ้นเท่านั้น
เราจะมองไม่เห็นคุณค่าที่เป็นแก่นแท้ เราจะมองไม่เห็นคุณค่าที่แท้จริงของชีวิต ของพระเยซูเจ้า
เราจะมองเห็นแต่ตัวเอง และโลกเท่านั้น


คำสอนของพระเยซูเจ้า : การรับใช้
การรับใช้ เป็นเส้นทาง หรือหนทางแห่งการเป็นศิษย์อย่างแท้จริง ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร อยู่ตรง
ไหน หรือทำอะไร  "การรับใช้"  คือ หัวใจของความยิ่งใหญ่

รับใช้ ด้วย จิตใจ
รับใช้ด้วย หัวใจ
รับใช้ด้วย จิตวิญญาณ


วันอาทิตย์ที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2559

อาทิตย์สัปดาห์ที่ 2 ธรรมดา ปี c


บทเทศน์

"ผม (ดิฉัน) ขอรับคุณเป็นภรรยา (สามี) และขอสัญญาว่าจะถือซื่อสัตย์ต่อคุณ ทั้งในยามสุขและยามทุกข์ ในเวลาเจ็บป่วย และสบาย เพื่อรักและยกย่องให้เกียรติคุณ จนกว่าชีวิตจะหาไม่"

เมื่อเราไปร่วมพิธีแต่งงาน หรือ ไปร่วมงานแต่ง สิ่งที่สัมผัสได้ คือ บรรยาศของความสุข ความดีใจ ความยินดี บรรยาศของความสนุกสนาน รื่นเริง เป็นความสุขของทุก ๆ คนที่อยู่ในงานแต่ง

บ่าวสาว ผู้มาร่วมงาน แต่งตัวสวยๆ งาม ๆ หน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส สีสัน สีชมพู สีสะอาดงามตาม ดอกไม้ ประดับประดา ทำให้มีความสุขใจ และเอิ่มใจ

บ่าวสาว มีความสุข พร้อมกับกล่าวถ้อยคำ ข้างต้น เพราะความรัก.. จึงกล่าวสิ่งนี้

พี่น้องที่รัก หลายคนเคยกล่าวถ้อยคำนี้ครั้งเดียวจนตลอดชีวิตบ้าง บางคนกล่าวสองครั้งบ้าง บางคนแทบยังไม่กล่าวเลยก็มี เรากล่าวถ้อยคำ คำนี้มาหลายปีแล้ว เรากล่าวว่า เราจะรักกัน หนุ่มสาวกล่าวถ้อยคำ ด้วยความหนักแน่นและเต็มใจ กล่าวออกมาต่อหน้าพยานหลาย ๆ คน ให้เราคิดถึงบรรยาศของงานของเราดูสิว่า มีความสุขมากแค่ไหน?

พระเยซูเจ้า แม่พระ และบรรดาศิษย์ไปร่วมงานแต่ง ที่หมู่บ้านคานา ในแคว้นกาลิลี ทุกคนมีความสุข เสียงหัวเราะ สนุกสนาน บรรดาศิษย์ก็คงจะเต็มที่กับงานอย่างแน่นอน
แต่แล้ว สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ เหล้าองุ่นหมด.. นั่นเป็นเครื่องหมายว่า การเตรียมงานไม่พร้อม ผู้จัดงานเลี้ยงไม่ใช่มืออาชีพ ขายหน้า เสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น น่าอับอาย

ถ้าหากเราจะเปรียบ เหล้าองุ่น เหมือนกับความรักของ "บ่าว-สาว" ในงานแต่งงาน ทุกคนมีความสุข ในวันแต่งงานโลกเป็นสีชมพู หวาน สวยงาม หอม สดชื่น ต่างคนต่างมีสิ่งดีดีให้แก่กัน ต่างคนต่างแสดงออกถึงสิ่งที่ดีดีต่อกัน

เหล้าองุ่นหมด  ความรักลดลง หรือ หมดไปในชีวต จะเกิดอะไรขึ้น?

คำตอบ "การหย่าร้าง" "การตัดขาดความสัมพันธ์ต่อกัน" "การหันหลังให้กัน" กลายเป็นคู่ขนาน ไม่ใช่คู่ชีวิต กลายเป็นคนแปลกหน้า แทนคนรู้ใจ กลายเป็นคนอื่น แทน คนรัก

หนังสือประกาศกอิสยาห์ ในบทอ่านที่หนึ่ง
พระเจ้าทรงบอกกับชาวอิสราเอลว่า สมรสแล้ว นั่นเป็นเครื่องหมายว่า พระเจ้าทรงเป็นเจ้าบ่าว ส่วนประชาชนอิสราเอล เป็นเจ้าสาว

เจ้าบ่าว ที่รักเจ้าสาวอย่างมาก รักมากมาย จนยอมส่งพระบุตรลงมาบังเกิดเป็นมนุษย์ และตายเพื่อพวกเขา รักมาก อยู่ใกล้ชิดกับพวกเขาตลอดเวลา  เป็นความรักที่ไม่เปลี่ยนแปลง และไม่มีวันหมดไป

"จงชื่นชมยินดีเถิด" พระเจ้าอยู่ใกล้ พระเจ้าอยู่กับท่าน พระเจ้าสดับฟังท่าน พระเจ้าทรงเป็นเจ้าบ่าวของท่าน

เหล้าองุ่นหมด... ความรักหดหายไปในคู่ชีวิต คู่แต่งงาน ทำอย่างไร?
พระเจ้าทรงเป็นเจ้าบ่าวที่มีความ "อดทนสูง" ทำดี นำทาง ช่วยเหลือ ปราบศัตรูให้กับชาวอิสราเอล สิ่งที่ได้รับคือ การทรยศ การนมัสการพระบาอัล การหันหลังหนี การไม่รู้สำนึก การบ่น ต่อว่า การด่าว่า กล่าวผรุสวาส  แต่พระเจ้า ทรง "อดทน" และรอคอยด้วยความหวัง

เหล้าองุ่นหมด..ความรัดหดหายไป

สามี-ภรรยา อยู่ด้วยกัน สัญญาจะอยู่ด้วยกัน จะรักกันจนตลอดชีวิต จงเลียนแบบความรักของพระเจ้า "อดทน" ต่อกัน
การหย่าร้างเกิดขึ้นเพราะขาดความอดทน สามีรับไม่ได้กับภรรยา ภรรยารับไม่ได้กับพฤติกรรมของสามี ดื่มเหล้า พูดจาด่าว่า...

เหล้าองุ่นหมด..
สามี-ภรรยา อย่าลืม "แม่พระ" สวดภาวนาด้วยกัน สวดภาวนาให้กัน แม่พระรีบไปบอกพระเยซูเจ้าว่า เจ้าภาพเหล้าหมด  เมื่อเราภาวนา แม่พระจะรีบไปบอกพระเยซูเจ้า ว่า ความรักของเรากำลังลดลง  พระองค์จะได้เติมความรักของเราให้เต็มเปี่ยมล้นเช่นเดิม

ขอพระเจ้าอวยพร


วันจันทร์ที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2559

สัมมนาสงฆ์หนุ่ม 4 มิสซังอีสาน

จุดประสงค์ของกลุ่มสงฆ์หนุ่ม

1.  เพื่อความเป็นหนึ่งเดียวกันในกลุ่มสงฆ์หนุ่ม 4 มิสซังอีสาน

2.  เพื่อสร้างความสัมพันธ์ และการช่วยเหลือซึ่งกันและกัน


วจนพิธีกรรมเปิด

โดย พระคุณเจ้าลือชัย   ธาตุวิสัย













สงฆ์หนุ่ม 
แตกต่าง พื้นเพ แต่หนึ่งเดียว

พลังหนุ่ม
ใช้-นำอิสรภาพ เสรีภาพ สำหรับสงฆ์

ชีวิตหนุ่ม
มุ่งมั่น อุทิศตน เพื่อรับใช้
มุ่งมั่น สร้างสรรค์ พระอาณาจักร
มุ่งมั่น เสริมสร้าง ความเป็นหนึ่ง
มุ่งมั่น อุทิศตน เพื่อพระเจ้า



วันอาทิตย์ที่ 3 มกราคม พ.ศ. 2559

สมโภชพระคริสตเจ้าสำแดงองค์2016

พระคริสตเจ้าสำแดงองค์


พี่น้องที่เคารพรัก วันนี้พระศาสนจักรเชิญชวนเราทำการเฉลิมฉลองพระคริสตเจ้าสำแดงองค์ หรือในภาษาเดิมว่าวันพญา 3 องค์ เราสมโภชความรักของพระเจ้า ที่พระองค์ทรงมีต่อเรา ของขวัญต่าง ๆที่เราได้รับในวันคริสต์มาสและวันปีใหม่ เป็นของขวัญภายนอก นำความสุขชั่วคราวมาให้เรา แต่ของขวัญที่ยิ่งใหญ่และสำคัญที่สุด ในวันคริสตมาสและปีใหม่ก็คือ พระเยซูเจ้าทรงบังเกิดเป็นมนุษย์ เพื่อช่วยเรา เพื่อไถ่เรา นี่คือความยินดีสำหรับเรา นี่คือข่าวดีสำหรับเราคริสตชน

การสำแดง/เผยแสดงองค์ของพระเยซูเจ้า ในพระศาสนจักรตะวันออก มี 3 เหตุการณ์ด้วยกัน นั่นคือ การแสดงองค์ต่อโหราจารย์  การรับพิธีล้างในแม่น้ำจอร์แดน และการทำอัศจรรย์ที่หมู่บ้านคานา/เปลี่ยนน้ำให้เป็นเหล้าองุ่น
ทั้ง 3 เหตุการณ์นี้เป็นการเผยแสดงให้เห็นถึงพระบุคคลของพระเยซูเจ้า ว่าพระองค์ทรงเป็นพระเจ้า ทรงเป็นพระแมสสิยาห์ ทรงเป็นพระผู้ไถ่อย่างแท้จริง

และในวันนี้ พระเยซูเจ้าทรงบังเกิดมามิใช่เพื่อชาวยิว หรือเพื่อประชากรที่ได้รับเลือกสรร เท่านั้น แต่พระองค์บังเกิดมาเพื่อมนุษย์ทุกคน ไม่เว้นแม้แต่คนเดียว โดยมีพญา 3 องค์เป็นตัวแทนของคนต่างชาติ ศาสนา ที่ได้เห็นพระผู้ไถ่  ที่ได้เห็นความรอดพ้น พวกเขาจึงนำของถวายมาถวายพระกุมาร  ของขวัญที่ถวายพระกุมาร

ทองคำ  เป็นเครื่องหมายถึงความเป็นกษัตริย์ของพระคริสต์ ทำให้เราเห็นว่า กษัตริย์ที่แท้จริงของพระคริสต์คือ ความรัก และการรับใช้

กำยาน  เป็นเครื่องหมายถึงความเป็นพระเจ้าของพระคริสต์ ทำให้เราเห็นว่า ความซื่อสัตย์ และความเคารพความเป็นพระเจ้าในตัวของเรา

มดยอบ  เป็นเครื่องหมายถึงการทำนายถึงความตายและการถูกฝังของพระคริสต์ ทำให้เราเห็นว่า มีความทุกข์ความยากลำบากในชีวิตมนุษย์

ข้อคิด

เราทำตัวเป็นของขวัญ แด่พระเจ้า

เราจะต้องเป็นดังทองคำแท้ ทั้งในความเชื่อและกิจการ  นั่นคือ มีความเชื่อที่แท้จริง และบริสุทธิ์ เชื่อในองค์พระผู้เป็นเจ้าในคำสอนของพระองค์ และดำเนินชีวิตตามความเชื่อ ด้วยความแข็งแกร่ง ไม่โอนเอียง ไม่หันซ้ายแลขวา  ไม่มีพระอื่นนอกจากพระองค์ ไม่นับถือธรรมชาติ โชคชะตา ดวง วันเวลา นองจากความเชื่อในพระเจ้า  ในความหมายของทองคำ หมายถึงความเป็นกษัตริย์ กษัตริย์แห่งการรับใช้ กษัตริย์แห่งความรักกันและกัน ในครอบครัว สามี ภรรยา รับใช้กันและกัน เราเกิดมาเพื่อสิ่งนี้ ไม่ได้แต่งงานมาเพื่อเอาเปรียบกัน แต่แต่งงานมาเพื่อรักและรับใช้กันและกัน

กำยาน เป็นเครื่องหมายถึงเครื่องบูชา ความซื่อสัตย์ และความเคารพยำเกรงต่อองค์พระผู้เป็นเจ้า เป็นสิ่งที่สำคัญ ทำอะไรก็ให้เกรงใจกันบ้าง ทำอะไรก็เกรงใจพระเจ้าหน่อย โดยเฉพาะในสิ่งที่ไม่ดี ไม่งาม

มดยอบ  เป็นเครื่องหมายถึง ความทุกข์ ความยากลำบาป และความตาย เป็นสิ่งที่เราหลีกเลี่ยงไม่ได้ เป็นสิ่งที่เราหลบไม่พ้น หนีไม่ได้ แม้จะหาทางพ้นทุกข์ก็ตาม (ศาสนาพุทธ) แต่สำหรับเราคริสตชน ความทุกข์ ความยากลำบาก ปัญหาอุปสรรค ไม่ใช่สิ่งที่จะต้องหนี ไม่ใช่สิ่งที่จะต้องหลีก แต่ต้องเผชิญและต้องต่อสู้ ไม่ใช่คนเดียว แต่พร้อมกับพระคริสตเจ้า

เราถูกเรียกให้เป็นแสงสว่าง ท่านจงเป็นแสงสว่าง เพื่อทุกคนที่เห็นกิจการดี จะได้สรรเสริญพระบิดา
แสงสว่างที่เราได้รับจากพระคริสตเจ้า ในศีลล้างบาป ทำให้เราเป็นคริสตชน เราจึงเป็นเสมือนแสงสว่างของพระเจ้า เพราะผ่านทางศีลล้างบาปเราได้รับการเป็นบุตร เราได้รับมรดก เราได้รับภาระกิจ นั่นคือ การดำเนินชีวิตในชีวิตของพระเจ้า