BLOGGER TEMPLATES AND TWITTER BACKGROUNDS

วันศุกร์ที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

มิสซาเปิดปีการศึกษา 2016 รร.ซย.ทร

บทเทศน์


คุณพ่อทั้งสอง เซอร์อธิการ คณะเซอร์ คณะครูที่เคารพ และบรรดานักเรียนที่น่ารักทุกคน วันนี้เรามาร่วมเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันเพื่อวอนขอพระพรจากพระเจ้าสำหรับการเรียนการสอน สำหรับประสบการณ์ที่จะเกิดขึ้นในโรงเรียนของเรา เพื่อเราจะสามารถพัฒนาตนเอง เรียนรู้ และสร้างสรรค์ชีวิตของเรา มุ่งสู่เป้าหมายที่เราตั้งใจไว้

วันนี้เรามาร่วมมิสซาเปิดปีการศึกษาด้วยการ สมโภช พระจิตเจ้า ถือว่าเป็นวันสำคัญอย่างยิ่ง และมีความหมาย เมื่อเรา

ในวันเปนเตกอสเตซึ่งเป็นวันฉลองของชาวยิว บรรดาศิษย์ชุมนุมกัน ในห้องที่ปิดประตู ลงกลอน ล็อกห้องอย่างแน่หนา เพราะกลัวชาวยิว คนอื่นฉลองกัน แต่บรรดาศิษย์กลับอยู่ในห้องด้วยความกลัว กลัวถูกจับและถูกฆ่าตายเหมือนอย่างพระเยซูเจ้า

แต่ในวันนั้น มีเหตุการณ์เกิดขึ้นที่สำคัญคือ พระจิตเจ้าเสด็จลงมาเหนือพวกเขาแต่ละคน ขณะที่ทุกคนกำลังสวดภาวนาอยู่ เปลวไฟลักษณะเหมือนลิ้นลอยอยู่เหนือพวกเขา พวกเขาได้รับพระจิตเจ้าเต็มเปี่ยม ทำให้เกิดสิ่งที่ตามมาคือ พวกเขามีความกล้าหาญ มีความมั่นใจ จากห้องที่ปิดอยู่ พวกเขาเปิดประตู หน้าต่าง และออกมาจากห้อง พร้อมกับประกาศถึงการรับทรมาน ความตาย และการกลับคืนพระชนมชีพของพระเยซูเจ้า ทุกคนที่ได้ยินต่างประหลาดใจ เพราะคนบ้านนอกคอกนา จะพูดจาที่ทุกคนเข้าใจในภาษาของตนเองได้อย่างไร?

นี่คือเหตุการณ์ในวันนั้น วันเปเตกอสเต ซึ่งเป็นวันเริ่มต้นของพระศาสนจักร

และในวันนี้ เราทำการสมโภชพระจิตเจ้า วอนขอพระคุณ วอนขอของประทานจากพระองค์ สำหรับชีวิตของเรา พระปรีชาญาณ สติปัญญา ความคิดอ่าน พละกำลัง ความรู้ ความศรัทธา และความยำเกรง ให้เราวอนขอพระจิตเจ้าเสมอ

พระพรต่างๆ ที่เราได้รับจากพระจิตเจ้า ไม่ใช่พระพรที่มีไว้เพื่อตัวเอง แต่มีไว้เพื่อกันและกัน ไม่ได้มีไว้เพื่อเอาเปรียบกัน แต่มีไว้เพื่อช่วยเหลือกันและกัน ไม่ได้มีไว้เพื่อเบียดเบียนกัน แต่มีไว้เพื่อเสริมสร้าง และเติมเต็มชีวิตของกันและกัน ไม่มีสิ่งใดขาด ไม่มีสิ่งใดเหลือ ไม่มีใครด้อย แต่ทุกคนจะเป็นหนึ่งเดียวกัน
พระปรีชาญาณ ทำให้เรารู้รสชาติความสวยงามของธรรมชาติ ของสรรพสิ่งที่พระเจ้าทรงสร้าง และรู้จักแยกแยกดีชั่ว
สติปัญญา ทำให้เรารู้ลึก รู้อย่างถ่องแท้ในความจริง ไม่ใช่รู้แค่ผิวเผิน

ความคิดอ่าน ทำให้เรารู้จักวางแผนให้กับชีวิตของตนเอง กล้าคิด กล้าตัดสินใจ วางแผนอนาคตของตน

พละกำลัง ทำให้เขาเข้มแข็ง อดทน มั่นคง ไม่ท้อแท้ที่จะทำความดี ไม่พ่ายแพ้ต่ออุปสรรค

ความรู้ ทำให้เรารู้จักสิ่งต่าง ๆ เป็นความรู้ที่คู่ไปกับความรัก เมื่อมีความรู้จะต้องมีความรักควบคู่ไปด้วย

ความศรัทธา และ ความยำเกรง เป็นการเพ่งมองไปที่พระเจ้า รักและเคารพต่อพระองค์ รักและนมัสการพระองค์ด้วยจิตใจของเรา

พระสันตะปาปาฟรังซิส ซึ่งเป็นพระสันตะปาปาองค์ปัจจุบัน พระองค์ได้ตรัสว่าจงให้พื้นที่ว่างของชีวิตของเราแด่พระจิตเจ้าบ้าง พระสันตะปาปา เตือนให้เราระลึกถึงพระจิตเจ้า และเตือนให้เราร่วมมือกับพระหรรษทานของพระองค์ด้วย 

 “จงให้พื้นที่ว่างของชีวิตแด่พระจิตเจ้าบ้าง การเป็นคริสตชน ไม่รู้จักพระคริสตเจ้า และไม่ลึกซึ้งในความเชื่อ และในคำสอนของพระองค์ เพราะว่า ส่วนหนึ่งพวกเขาไม่ปล่อยให้พระจิตเจ้าทำงานในชีวิตของเขา   เนื่องจากว่า สภาพปัจจุบันของชีวิต หรือสถานการณ์ของชีวิตของเราในปัจจุบันนี้ พื้นที่ว่างสำหรับพระเจ้านั่นมีไม่มาก นั่นคือ เราไม่ปล่อยให้พระเจ้านำทางชีวิตของเรา หลายครั้งเรากำหนดชีวิตของเราเอง และเลือกเดินในเส้นทางของเราเอง หลายครั้งเรามั่นใจในเส้นทางเดินของเรา และหลายครั้งมันไม่ตรงและไม่สอดคล้องกับเส้นทางของพระเจ้า

มีครูคนหนึ่งและผู้นำนวยการกำลังยืนอยู่ใกล้ๆ สนามเด็กเล่น พวกเด็กๆ กำลังเล่นกันอย่างสนุกสนาน เขาถามผู้อำนวยการว่า “ทำไมทุกคนจึงต้องการความสุข แต่มีน้อยคนที่จะได้รับ”
ผู้อำนวยการก็พูดว่า ดูเด็กๆ พวกนั้นก็มีความสุขเหลือเกินนะ ทำไมพวกเขาจะไม่มีความสุขและไม่ได้รับความสุขเล่า พวกเขาเล่นอย่างเดียว
แล้วพวกเรา ซึ่งเป็นผู้ใหญ่อะไรที่ทำให้เราไม่ได้รับความสุข
ผอ. สิ่งเดียวที่ทำให้เด็กๆ ไม่มีความสุข รวมทั้งเราด้วย ก็คือ.. ผอ. เงีบบ และล้วงกระเป๋าหยิบแบงค์ 1000 บาทออกมา แล้วขว้างไปที่สนามเด็กเล่น ทันใดนั้น เสียงหัวเราะก็หยุด แล้วเด็กๆ พากันวิ่งไปแย่งชิงธนบัตรใบนั้น
ผอ.ถาม คุณเห็นไหมว่า อะไรหยุดความสุขของบรรดาเด็กๆ  “การแย่งชิง” แล้วอะไรที่ทำให้เขาแช่งชิงกัน “ความโลภ”  

ใครๆ ก็อยากมีความสุข อยากได้ความสุขทั้งนั้น  แต่ความโลภที่จะได้สิ่งของที่จะทำให้เขามีความสุขนั้นแหละ ที่ทำให้พวกเขาไม่มีความสุข


วันอังคารที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

พุธ สัปดาห์ที่ 8 ธรรมดา ปี C

บทเทศน์


มก 10:32-45

เหตุการณ์ : การเสด็จเข้าสู่กรุงเยรูซาเล็ม

พระเยซูเจ้ากำลังจะเสด็จไปที่กรุงเยรูซาเล็ม เพื่อทำให้แผนการช่วยให้รอดพ้นสำเร็จไป
แม้ว่า ที่นั่นพระองค์จะต้องเผชิญอะไร พระองค์ก็ไม่เคยหวาดหวั่น หรือหลีกหนี พระองค์
เสด็จมาในโลกนี้เพื่อทำให้พระประสงค์ของพระบิดาสำเร็จไป นี่คือ เป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ที่สุด
ของพระองค์

ความแน่วแน่ และความตั้งใจที่เด็ดเดี่ยว ทำให้พระองค์ชนะความกลัวในจิตใจตามประสามนุษย์
ได้  สิ่งที่สำคัญในเหตุการณ์นี้คือ พระองค์ได้บอกบรรดาศิษย์ของพระองค์ล่วงหน้าว่า พระองค์
จะต้องประสบหรือจะต้องเผชิญกับสิ่งใด นั่นคือ การทนทุกข์ ทรมาน การเบียดเบียน การข่มเหง
และความตาย แต่สุดท้ายพระองค์จะกลับคืนชีพ

สิ่งที่สาวกได้ยิน ก็คือ การทุกข์ทรมาน และความตาย ส่วนการกลับคืนชีพ พวกเขาไม่รู้เรื่อง ไม่
เข้าใจ ว่าหมายความว่าอย่างไร? ความตายต่างหากเป็นสิ่งที่สำคัญที่ทำให้พวกเขากลัว แม้แต่
เปโตรก็ยังขัดขวางทางเดินของพระองค์ เพราะพวกเขาได้ยินเสียงการกลับคืนชีพนั้นแผ่วเบา..

ชีวิตของเราเองก็เช่นเดียวกันกับบรรดาศิษย์ เรามองเห็นพระเยซูเจ้าทุกข์ทรมาน การเบียดเบียน
เรามองดูชีวิตของเรามีแต่ความทุกข์ ความเจ็บปวด เรามีคำถามเสมอ เมื่อไหร่จะสบาย เมื่อไหร่จะ
มีความสุข เรามองแค่นี้ แค่โลกนี้ เราได้ยินเสียงของโลกนี้เท่านั้น

สิ่งที่เราจะต้องมองให้ไปไกลๆ ก็คือ เมื่อผ่านความทุกข์ยากลำบาก เมื่อผ่านการเบียดเบียน เมื่อ
ผ่านการเผชิญกับปัญหาต่างๆ เราจะได้รับชีวิตนิรันดร เราจะกลับคืนชีพพร้อมกับพระองค์

ให้เรามีความหวัง...ที่ถูกต้อง

ความหวัง : เป็นใหญ่
บรรดาศิษย์มองการเข้าสู่กรุงเยรูซาเล็มของพระเยซูเจ้า เป็นโอกาสที่พวกเขาจะได้เป็นใหญ่
มีหน้ามีตา มีชื่อเสียง มีผู้คนกราบไหว้ พวกเขาอยู่กับพระเยซูเจ้ามาด้วยความยากลำบาก
ด้วยควาทุกข์ คงจะถึงเวลาแล้วที่พวกเขาจะสบาย จะได้อยู่อย่างเป็นสุข ไม่ต้องเร่ร่อนไปไหน
มาไหนอีก

พวกเขาอยากจะเป็นใหญ่ อยากจะเป็นที่หนึ่ง อยากจะเหนือคนอื่นๆ  ตามค่านิยมและโลกนิยม
ที่พวกเขาต้องการและตอบสนอง

ขอนั่งข้างขาวคนหนึ่ง นั่งข้างซ้ายอีกคนหนึ่ง.. แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงความคิดและความ
ปรารถนาที่แท้จริงในการเป็นศิษย์ ในการติดตามพระเยซูเจ้า พวกเขาติดตามด้วยความตาบอด
ใจบอด หวังแต่สิ่งในโลกนี้ เหมือนคนตาบอดที่มองไม่เห็นสิ่งใด

คุณค่าของโลกครอบงำจิตใจของเรามากเท่าใด ตาของเราก็จะยิ่งบอดสนิทมากขึ้นเท่านั้น
เราจะมองไม่เห็นคุณค่าที่เป็นแก่นแท้ เราจะมองไม่เห็นคุณค่าที่แท้จริงของชีวิต ของพระเยซูเจ้า
เราจะมองเห็นแต่ตัวเอง และโลกเท่านั้น


คำสอนของพระเยซูเจ้า : การรับใช้
การรับใช้ เป็นเส้นทาง หรือหนทางแห่งการเป็นศิษย์อย่างแท้จริง ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร อยู่ตรง
ไหน หรือทำอะไร  "การรับใช้"  คือ หัวใจของความยิ่งใหญ่

รับใช้ ด้วย จิตใจ
รับใช้ด้วย หัวใจ
รับใช้ด้วย จิตวิญญาณ