BLOGGER TEMPLATES AND TWITTER BACKGROUNDS

วันพฤหัสบดีที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

บทเทศน์เปิดปีการศึกษา2017


บทเทศน์

บทเทศน์มิสซาวันเปิดปีการศึกษา2017 ณ โรงเรียนเซนต์โยเซฟ ท่าแร่

คำเชิญชวน

คุณพ่อ เซอร์อธิการ คณะเซอร์และคณะครูที่เคารพ และสวัสดีบรรดาลูกๆนักเรียนที่น่ารักทุกคน วันนี้เรามาร่วมชุมนุมกันเพื่อวอนขอพระพรจากพระเจ้า สำหรับการเริ่มต้นการเรียนในปีการศึกษานี้ เพื่อวอนขอพระปรีชาญาณ สติปัญญา ความคิดอ่าน ความรู้ ความรักจากพระเจ้า เพื่อเราจะสามารถเรียนรู้และเข้าใจในสิ่งที่เรากำลังเรียนรู้อยู่และฝึกฝนอยู่ในปัจจุบันนี้ และวอนขอความคุ้มครองจากพระองค์ เพื่อเราจะได้แคล้วคลาดจากมารร้ายและภยันตรายทั้งปวง
คุณพ่ออยากถามพวกเราว่า “เราอยากมาโรงเรียนไหม?” “เรามาโรงเรียนเพราะอะไร?”  “เราจะทำอย่างไรให้การอยู่ที่โรงเรียนของเรามีความสุข” เรารู้หรือไม่ว่า โรงเรียนเป็นสถานที่ปลูกฝังและฝึกอบรมเราให้เป็นคนที่มีคุณธรรมและความรู้ ผ่านทางคณะเซอร์ คณะครู ผ่านทางกิจกรรมการเรียนการสอน ที่จะหล่อหลอมเราให้เป็นคนดี ในเวลานี้ ไม่ใช่ในเวลาที่เราโตเป็นผู้ใหญ่ (หลายคนบอกว่า โตขึ้นหนูจะเป็นเด็กดี  โตขึ้นหนูจะเป็นผู้ใหญ่ที่ดี หนูจะทำดี) โรงเรียนสอนเราให้เป็นเด็กดีในเวลานี้

อนาคตของเราขึ้นอยู่กับเวลานี้  ความสำเร็จของชีวิต ขึ้นอยู่กับเวลานี้ เวลาที่เราเรียน เวลาที่เราฟังครูบาอาจารย์ เวลาที่เราอยู่กับเพื่อนๆ เวลาที่เราทำการบ้าน เวลาที่เราอ่านหนังสือ เวลาที่เราท่องคำศัพท์ ณ เวลานี้เท่านั้นที่เราจะสร้างอนาคตของเรา

เมื่อเราเข้ามาในโรงเรียน เราต้องตระหนักเสมอว่า “เรากำลังสร้างอนาคตของเรา” ด้วยคุณธรรมและความรู้  เมื่อวานนี้และวันก่อนๆ คุณพ่อลงไปที่สวนบ้านเณรเพื่อไปดูต้นฝรั่งพันธุ์กิมจู ไปดูต้นมะม่วงพันธุ์แก้วลืมคอน มันขุนสี ไปดูต้นมะพร้าวน้ำหอม ไปดูต้นกล้วยน้ำหว้า เมื่อลงไปที่สวนสิ่งที่เห็นก็คือ หญ้าขึ้นรกมาก ไม่รู้ว่าทำไมเยอะขนาดนี้ สงสัยฝนตกหลายวันหญ้าจึงเขียวและเติบโตได้ดี ทำอย่างไร? ก็เลยให้บรรดาเณรลงไปถางหญ้า ตัดหญ้าเพื่อให้ต้นไม้ที่ปลูกไว้เติบโต ในส่วนที่ตัดหรือถางเสร็จแล้ว ก็ดูดี (แปนหู แปนตา) 

เรามาที่โรงเรียนก็เหมือนกัน เราจะต้องตัด ต้องถอน ต้องเอาออกไป เช่น ความขี้เกียจ ความสบาย การเล่นมือถือ เล่นเกมส์ เล่นเฟสบุ้ค เพื่อจะได้อ่านหนังสือ ท่องคำศัพท์ ฝึกฝนตนเอง ถ้าเราปล่อยให้ความสบาย ความขี้เกียจเจริญเติบโต มากว่าการเป็นนักเรียน อนาคตของเราคงมืดมน เติบโตไม่เต็มที่ ออกผลไม่สมบูรณ์ หรือไม่ก็เหี่ยวแห้งไป

พระวาจาของพระเจ้า

วันนี้ ข่าวดีที่พระเยซูเจ้าตรัสกับเราคืออะไร “นี่คือบทบัญญัติของเรา ให้ท่านทั้งหลายรักกัน เหมือนดังที่เรารักท่าน”  ข่าวดีก็คือ “พระเจ้าทรงรักเรา และเชิญชวนให้เรารักกันเหมือนกับพระองค์ทรงรักเรา” เพราะเยซูเจ้ารักเราอย่างไร ยอมตายเพื่อเรา ยอมรับความตายเพื่อช่วยเราให้รอดพ้นจากบาป ยอมให้ชีวิตของตนเองเพื่อไถ่เรา เพื่อให้เราเป็นอิสระจากบาปและความตาย การสละชีวิตเพื่อคนหนึ่งเป็นความรักที่สูงสุด และพระเยซูเจ้ายังเรียกเราทุกคนว่า มิตรสหาย เรียกเราว่า เพื่อนของพระองค์ เรามีพระเยซูเจ้าเป็นเพื่อนของเรา เป็นมิตรสหายที่จะช่วยเหลือเรา

a.      พระสันตะปาปาฟรังซิส “การเป็นคริสตชนต้องดำรงอยู่ในความรักของพระเจ้า คือ หายใจเข้าออกเป็นความรัก อ๊อกซิเจนที่สูดเข้าไป คือความรัก ความรักดำรงอยู่ในอากาศที่เราหายใจ การดำรงอยู่ในความรักเป็นการเติมเต็มและรักษาพระบัญญัติของพระองค์”

สรุป เราต้องทำอย่างไร?

สุดท้าย ณ เวลานี้ เรามีเวลาและโอกาสที่จะสร้างอนาคต ที่จะเรียนรู้ ที่จะฝึกฝนตนเอง ให้เราได้ใช้เวลานี้อย่างดีที่สุด  นาฬิกาแพงขนาดไหน เราก็ซื้อได้  แต่ “เวลา” เราไม่สามารถซื้อได้ แม้จะต้องแลกกับทุกอย่างในโลก”

“เรามีโอกาสเลือก”

มีเรื่องเล่าว่า มีคุณผู้หญิงคนหนึ่ง เป็นคนสวยมาก แต่มีสามีที่ขี้เหร่ ขี้เหล้าเมายา ไม่เอาไหนเลย
สาวใช้สงสัยมานานแล้วว่า ทำไมคุณผู้หญิงซึ่งทั้งสาวและสวย เพรียบพร้อมไปหมดทุกอย่าง จึงเลือกผู้ชายคนนี้เป็นคู่ชีวิต จึงเข้าไปถามคุณผู้หญิงถึงเหตุผลที่เลือกผู้ชายคนนี้เป็นสามี

คุณหญิงยิ้ม ไม่ได้ตอบคำถาม แต่บอกสาวใช้ว่า เจ้าจงเดินไปที่สวนดอกไม้ แล้วเด็ดดอกไม้ที่เจ้าคิดว่าสวยที่สุดมาให้เรา แต่มีข้อแม้ว่า เจ้าห้ามเดินย้อนหลังกลับเด็ดขาดนะ

สาวใช้ทำตามที่คุณผู้หญิงบอก เธอเข้าไปที่สวนดอกไม้ เห็นดอกไม้นานาชนิด ก็คิดว่าดอกนี้ก็สวย ดอกนั้นก็สวย จะเลือก ดอกไหนดี เดินไปเรื่อยๆ มารู้สึกตัวอีกครั้ง ก็เดินมาจนสุดสวนดอกไม้แล้ว เห็นดอกหน้าวัวเหี่ยวๆ อยู่ที่ท้ายสวนเป็นดอกสุดท้าย ไม่รู้จะทำอย่างไรดี จะเดินย้อนหลังกลับไปก็ไม่ได้แล้ว ก็เลยเด็ดดอกหน้าวัวดอกนั้นมาให้กับคุณผู้หญิง

คุณผู้หญิงก็พูดว่า “คราวนี้เจ้าเข้าใจหรือยัง”

สอนเราว่า “บางคนมีโอกาสที่ดีดีมากมายในชีวิต แต่ไม่รู้จักหยิบแวย ไม่รู้จักตัดสินใจ ปล่อยโอกาสให้ผ่านไปครั้งแล้วครั้งเล่า เพียงเพื่อจะค้นหาหรือรอโอกาสที่ดีที่สุด บางครั้งทำให้เราพลาดโอกาสหรือมองข้ามสิ่งทีดีดีไป จนสุดท้ายไม่มีเวลาให้เราได้เลือก ได้ตัดสินใจ เราจึงต้องทำ เพราะงั้น เวลาเรามีทางเลือก ก็คิดให้ดี และตัดสินใจเลือกซะ มีโอกาสมาถึงตรงหน้า ก็รีบไขว่คว้าเสีย อย่ามัวแต่รอให้พร้อมก่อนหรือรอโอกาสที่ดีกว่านี้ มิเช่นนั้น เราอาจต้องเสียใจทีหลังที่ไม่ได้ตัดสินใจเลือก นั่นเอง