BLOGGER TEMPLATES AND TWITTER BACKGROUNDS

วันเสาร์ที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2560

อาทิตย์ สัปดาที่ 15 เทศกาลธรรมดา

บทเทศน์


เมล็ดพืช..
อยู่บนทางเดิน นกมาจิกกิน
อยู่บนพื้นหินที่มีดินเล็กน้อย   งอกขึ้นทันที แต่ถูกแดดเผาและเหี่ยวแห้งไป เพราะรากไม่ลึก
อยู่ในพงหนาม ต้นหนามปกคลุม เหี่ยวเฉาตายไป
อยู่ในที่ดินดี เกิดผลร้อยเท่า หกสิบเท่า และสามสิบเท่า

คำอธิบายของพระเยซูเจ้า
พระวาจา..
เมล็ดที่ตกริมทาง คือ คนที่ฟังพระวาจาเรื่องพระอาณาจักรสวรรค์และไม่เข้าใจ
มารร้ายก็มาและถอนสิ่งที่หว่านลงใจใจของเขาไปเสีย

เมล็ดที่ตกบนหิน คือ ผู้ฟังพระวาจาและมีความยินดีรับไว้ทันที แต่ไม่มีราก จึงไม่มั่นคง
เมื่อเผชิญกับความยากลำบากหรือถูกเบียดเบียน เขาก็ยอมแพ้

เมล็ดที่ตกบนพงหนาม คือ บุคคลที่ฟังพระวาจา แต่ความวุ่นวายในทางโลก ความลุ่มหลงในทรัพย์สมบัติ
เข้ามาบดบังพระวาจาไว้ จึงไม่เกิดผล

เมล็ดที่ตกลงในดินดี คือ บุคคลที่ฟังพระวาจาและเข้าใจ จึงเกิดผลร้อยเท่า หกสิบเท่า และสามสิบเท่า

พี่น้องที่รัก..สิ่งที่พระเยซูเจ้าต้องการจะบอกกับเราในวันนี้ก็คือ การฟังพระวาจาของพระองค์
และนำพระวาจาที่ได้ยินได้ฟังนั้น ไปปฏิบัติ เพื่อให้เกิดผล ส่วนผลจะมากน้อยขึ้นอยู่กับการฟังพระวาจา เข้าใจพระวาจา และนำพระวาจาไปปปฏิบัติ ทำมาก ก็เกิดผลมาก ทำน้อยก็เกิดผลน้อย

แบ่งปันความดีแก่คนอื่นมาก ความดีก็เกิดขึ้นกับคนนั้น สังคมและคนรอบข้างมาก ช่วยเหลือคนอื่นมาก
ความเดือดร้อนก็ลดน้อยลง อดทนต่อกันมาก ความรักก็ยืนยาว

ดังนั้น กระบวนการของการเกิดผล ก็คือ ฟัง  เข้าใจ  นำไปปฏิบัติ

พระวาจาของพระเจ้าเป็นพระวาจาที่ศักดิ์สิทธิ์ พร้อมที่จะออกดอก ออกผล หากผู้ที่รับฟังนั้น ยินดี
ที่จะร่วมมือและนำพระวาจาไปปฏิบัติ

ปัญหาคนส่วนใหญ่ก็คือ ชอบฟัง ชอบพูด แต่ไม่ชอบนำไปปฏิบัติ
ปัญหาจึง..พูดดี แต่แบบอย่างไม่มี
ทำให้ไม่เห็นการดำเนินชีวิตที่เป็นจริง หรือการดำเนินชีวิตที่เป็นไปได้ของสิ่งที่พูด

ทำไม บีอีซี จึงต้องมีการแบ่งปัน?
เพื่อจะได้นำชีวิตที่ปฏิบัติตามพระวาจาของพระเจ้า มาเป็นรูปแบบชีวิตให้คนฟังได้เห็นว่า
พระวาจาไม่ใช่อยู่ในพระคัมภีร์ ไม่ใช่อยู่ในปาก แต่พระวาจาสามารถทำให้เป็นจริงได้ในชีวิต
จากการแบ่งปัน การดำเนินชีวิตตามพระวาจา

การแบ่งปัน ไม่ใช่การโอ้อวด แต่เป็นการแนะนำและเชิญชวนทุกคนดำเนินชีวิตในพระวาจา
ยิ่งแบ่งปัน เราก็ยิ่งได้รับมากขึ้น เราก็ยิ่งปฏิบัติตนในพระวาจามากขึ้น

ข้อสักเกต
ทำไมเมล็ดจึงไม่เกิดผล?
เพราะพื้นที่ไม่เหมาะสม ตกริมทางเดิน บนหิน และพงหนาม
ใจไม่เปิดรับพระวาจา จะมีมากมีน้อย ก็ไม่สามารถเกิดผลได้
ใจที่ปกปิด ซ่อนเร้น ย่อมไม่สามารถที่จะมองเห็นคนอื่นได้
ใจเข็งกระด้าง ใจเมินเฉย ละเลย ไม่สนใจ  ไม่ใส่ใจ ขอไปที สวดภาวนาก็แค่นั้น

เพราะใจสาละวน ใจวุ่นวาย ใจไม่มีที่ว่างสำหรับพระเจ้า ไม่ว่างสำหรับพระวาจา
ไม่ว่างที่จะเอาพระวาจาไปดำเนินชีวิต

เมล็ดที่เกิดผล
เพราะ เมล็ดกับดินสอดคล้องกัน ไปด้วยกัน เอื้อต่อกัน ร่วมมือกัน เปิดรับต่อกันและกัน

ชีวิตเรา จะเกิดผล ก็ต่อเมื่อ เราร่วมมือกับพระเจ้า เราเต็มใจที่จะภาวนา เต็มใจที่จะร่วมบูชาขอบพระคุณ
เต็มใจและยินดีที่จะมาพบปะกับพระองค์

เปรียบเหมือน สามีภรรยาจะต้องพร้อมและจะต้องสอดคล้องกัน จึงจะสร้างชีวิตใหม่ จึงจะทำให้ความรัก
เป็นจริงในชีวิต

เช่นกัน เราจะต้องตอบรับต่อความรักของพระเจ้าทุกวัน จึงจะเกิดผลในชีวิต



เติบโตและเจริญขึ้น

วันเสาร์ที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2560

สมโภชนักบุญเปโตรและนักบุญเปาโล อัครสาวก

บทเทศน์

สมโภชนักบุญเปโตรและนักบุญเปาโล


พี่น้องที่เคารพรัก วันนี้พระศาสนจักรทำการสมโภชนักบุญเปโตรและนักบุญเปาโลอัครสาวก 
ซึ่งเป็นเสมือนเสาหลักของพระศาสนจักร ซึ่งเป็นการค้ำชูพระศาสนจักรให้ตั้งมั่น หนุนนำพระศาสนจักรให้ตั้งตรงและถูกต้องในพระคริสตเจ้า

เสาหลักของพระศาสนจักร คือ อะไร? เสาหลักแรกคือ เปโตร คือ ศิลา คือ ความเชื่อ

เสาหลักอีกเสาคือ เปาโล คือ วาจา คือ การประกาศ

การสร้างความแข็งแกร่ง การเป็นเหมือนศิลาที่หนักแน่น มั่นคงและซื่อตรง ท่านนักบุญเปโตรได้กระทำด้วยวิธีการ “อยู่กับพระเยซูเจ้า ฟังเสียงขององค์ ดูชีวิตของพระองค์ และติดตามพระองค์” นี่คือ วิธีการที่จะทำให้เราเป็นเหมือนศิลาที่แข็งแกร่ง ตั้งมั่นอย่างสง่าและมั่นคง ฝนจะตก น้ำจะไหลเชี่ยว ลมจะพัดโหมเข้าใส่ก็ไม่สามารถทำให้บ้านเรือนหรือจิตใจของเราพังทลายได้

พี่น้อง ความเชื่อของเราจะต้องหนักแน่น และมั่นคงอย่างกับศิลา อย่างกับหิน ไม่โอนเอียงไปกับอิทธิพลของโลก อิทธิพลของค่านิยมทางโลก ความสุข สนุกสนานรื่นรมณ์ ความพึงพอใจในโลกนี้ ความเชื่อเราจะต้องสง่างามด้วยการดำเนินชีวิตที่ซื่อสัตย์เสมอ

ความเชื่อที่แข็งแกร่งดุจศิลา มาจาก การดำเนินชีวิตทีละเล็กทีละน้อย ค่อยๆ เข้มแข็งและกล้าแกร่ง เริ่มจากการไปวัดทุกวันอาทิตย์ การสวดภาวนาทุกวัน การอ่านพระคัมภีร์ ทีละเล็กทีละน้อย ทำให้เรามีความรักและความสัมพันธ์กับพระเจ้า การมีความสัมพันธ์ที่ถูกต้องกับพระเยซูเจ้า เหมือนอย่างนักบุญเปโตรใช้ชีวิตกับพระเยซูเจ้าทุกวัน ทีละเล็กทีละน้อยชีวิตของพระเยซูเจ้าค่อยๆก่อร่างสร้างตัวในชีวิตของนักบุญเปโตร จนในที่สุดท่านได้ทำให้ชีวิตของท่านเป็นพยานถึงพระคริสตเจ้าด้วยชีวิต ด้วยการสละชีวิต ด้วยการยอมตายบนไม้กางเขน

นี่คือ คำพูดของนักบุญเปโตรที่พูดกับพระเยซูเจ้าในพระวรสารนักบุญมัทธิว 14 ครั้ง เป็นคำพูดที่ง่ายๆ ตามสถานการณ์ของชีวิต ไม่ใช่คำพูดที่ปรุงแต่ง แต่แฝงด้วยความจริงใจ

มธ 14:28          พระเจ้าข้า ถ้าเป็นพระองค์ ก็จงสั่งให้ข้าพเจ้าเดินบนน้ำไปหาพระองค์เถิด
มธ 15:15          โปรดอธิบายข้อความที่เป็นปริศนานี้เถิด
มธ 16:16          พระองค์คือพระคริสตเจ้า พระบุตรของพระเจ้าผู้ทรงชีวิต
มธ 16:22          ขอเถิด พระเจ้าข้า เหตุการณ์นี้จะไม่เกิดขึ้นกับพระองค์อย่างแน่นอน
มธ 17:4            พระเจ้าข้า ที่นี่สบายน่าอยู่จริงๆ ถ้าพระองค์มีพระประสงค์ ข้าพเจ้าจะสร้างเพิงขึ้นสามหลัง หลังหนึ่งสำหรับพระองค์ หลังหนึ่งสำหรับโมเสส อีกหลังหนึ่งสำหรับเอลียาห์
มธ 17:25          “เสียซิ”
มธ 17:26          “จากคนอื่น”
มธ 18:21          พระเจ้าข้า ถ้าพี่น้องทำผิดต่อข้าพเจ้า ข้าพเจ้าต้องยกโทษให้เขาสักกี่ครั้ง ถึงเจ็ดครั้งหรือไม่
มธ 19:27          ข้าพเจ้าทั้งหลายสละทุกสิ่งและติดตามพระองค์แล้ว จะได้อะไรบ้าง
มธ 26:33          แม้ทุกคนจะทอดทิ้งพระองค์ ข้าพเจ้าก็จะไม่ทอดทิ้งพระองค์เลย
มธ 26:35          ถึงแม้ข้าพเจ้าจะต้องตายพร้อมกับพระองค์ ข้าพเจ้าก็จะไม่ปฏิเสธพระองค์เลย
มธ 26:70          ฉันไม่รู้ว่าท่านพูดเรื่องอะไร
มธ 26:72          ฉันไม่เคยรู้จักคนนั้นเลย
มธ 26:74          ฉันไม่รู้จักคนนั้น

พี่น้อง เสาหลักอีกเสาหนึ่งก็คือ นักบุญเปาโล คือ วาจา คือ การประกาศ นักบุญเปาโลเป็นคนมีปัญญาที่ดี มีพรสวรรค์ มีใจกระตือรือร้น ยึดมั่นและแน่วแน่ในตัวเอง ในความจริงของตัวเอง จุดเปลี่ยนคือ การพบปะกับพระเยซูเจ้าผู้ทรงกลับคืนพระชนมชีพ เปลี่ยนสิ่งที่ยึดมั่น เปลี่ยนสิ่งที่แน่วแน่ และใช้พรสวรรค์ สติปัญญา ความฉลาดรู้เพื่อประกาศถึงข่าวดีในการกลับคืนพระชนมชีพของพระเยซูคริสตเจ้า

ในหนังสือกิจการอัครสาวก 22:6-10 ได้บันทึกถึงประสบการณ์การพบกับพระเยซูคริสตเจ้าของนักบุญเปาโล
เวลาประมาณเที่ยงวัน ขณะที่ข้าพเจ้ากำลังเดินทางใกล้จะถึงเมืองดามัสกัส ทันใดนั้นมีแสงสว่างจ้าจากท้องฟ้าล้อมรอบตัวข้าพเจ้าไว้  ข้าพเจ้าล้มลงที่พื้นดินและได้ยินเสียงพูดกับข้าพเจ้าว่า เซาโล เซาโล เจ้าเบียดเบียนเราทำไม ข้าพเจ้าจึงถามว่า พระเจ้าข้า พระองค์คือใครพระองค์ตรัสกับข้าพเจ้าว่า “เราคือเยซูชาวนาซาเร็ธ ซึ่งเจ้ากำลังเบียดเบียนอยู่  คนที่อยู่กับข้าพเจ้าเห็นแสงสว่าง แต่ไม่ได้ยินเสียงคนที่พูดกับข้าพเจ้า แล้วข้าพเจ้าถามอีกว่า พระเจ้าข้า ข้าพเจ้าจะต้องทำอะไรองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับข้าพเจ้าว่าจงลุกขึ้น เข้าไปในเมืองดามัสกัส ที่นั่นจะมีคนบอกทุกสิ่งที่พระเจ้าทรงกำหนดให้เจ้าทำ

พี่น้อง ประสบการณ์กับพระเจ้า ทำให้เราสามารถกล้าที่จะพูด ที่จะประกาศถึงพระนามของพระองค์ได้อย่างดีและเต็มที่โดยไม่อายใครและด้วยความมั่นใจ ท่านประกาศแม้จะประสบความยากลำบาก แม้จะต้องเผชิญกับอันตรายต่าง ๆ มากมายก็ตาม ทั้งจากมนุษย์และจากธรรมชาติ แต่ด้วยความแน่วแน่ ด้วยความตั้งใจที่จะนำข่าวดีออกไปสู่ทุกคน ท่านไม่ยอมแพ้ ท่านได้นำพระวาจาคือชีวิตของพระเยซูคริสตเจ้าที่เป็นชีวิตของท่านออกไปสู่ทุกคน

พี่น้อง เราสมโภชนักบุญเปโตรและนักบุญเปาโลในวันนี้ ทำให้เราเห็นว่า เรามีภารกิจที่จะต้องทำนั่นคือ 1. การสร้างความเชื่อของตนเองให้เข้มแข็ง หนักแน่น และมั่นคงจนตลอดชีวิต 2.เราจะต้องประกาศข่าวดีเกี่ยวกับพระเยซูเจ้า นั่นคือ พระองค์ทรงกลับคืนพระชนมชีพจากความตาย แก่ทุกคนที่อยู่รอบข้าง  นี่คือ ภารกิจ นี่คือสิ่งที่เราจะต้องทำ เพื่อเป็นอีกเสาหนึ่งของพระศาสนจักรในการที่จะค้ำชู หนุนนำ และทำให้พระศาสนจักรตั้งมั่นตลอดไป


ขอให้ทุกท่านจงเจริญสุขเทอญ