BLOGGER TEMPLATES AND TWITTER BACKGROUNDS

วันจันทร์ที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562

บทเทศน์ ปลงศพ เปาลาบุญชอบ จันทร



บทเทศน์ปลงศพเปาลา บุญชอบ จันทร



พี่น้องที่เคารพ บ่ายวันนี้เราพากันมาร่วมมิสซาปลงศพ เปาลาบุญชอบ จันทร    ญาติพี่น้องของเราใน    พระคริสตเจ้าที่ได้จากเราไป เราพากันมาในวันนี้เพื่อภาวนาอ้อนวอนของพระเมตตาจากพระเจ้าสำหรับ    เปาลาบุญชอบ เพื่อเขาจะได้รับพระเมตตาอภัยบาปผิดและนำเขาเข้าสู่บ้านแท้นิรันดร ร่วมชีวิตกับพระองค์  อีกทั้งเป็นการวอนขอพละกำลังจากพระเจ้าสำหรับเราผู้มีชีวิตอยู่ เพื่อเราทุกคนจะได้ดำเนินชีวิตตามหนทางของพระองค์

พี่น้องที่เคารพรัก แน่นอนว่าโดยธรรมชาติของมนุษย์นั้นย่อมมี เกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นสิ่งที่เราทุกคนหลีกหนีไม่พ้น เป็นวัฏจักรของสิ่งมีชีวิตซึ่งหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่สำหรับเราคริสตชน อยากจะให้เราเข้าใจความหมายของการมีชีวิตที่มากกว่าการหยุดเพียงแค่เกิด แก่ เจ็บ ตาย นั่นก็คือ การกลับคืนชีพ เพราะพระเจ้าของเราเป็นพระเจ้าของ   ผู้มีชีวิต พระเจ้าของเราไม่ได้เป็นพระเจ้าของผู้ตาย แต่เป็นพระเจ้าของผู้มีชีวิต

พี่น้อง การกลับคืนชีพ เป็นความหวังของชีวิตคริสตชน  เราไม่อยากตาย เราอยากจะมีชีวิตต่อไปอีกยาวๆ เพราะเราคิดว่า ความตายเป็นการสิ้นสุดของชีวิต เราคิดว่า คนที่ตายไปแล้วจบ ตายไปแล้วหมดค่า ตายไปแล้ว    ทุกอย่างสิ้นสูญ สำหรับเราคริสตชน ความตายนำเราไปสู่การมีชีวิตกับพระเจ้า ไปสู่การมีชีวิตที่ดีกว่า

นักบุญเปาโลบอกว่า มนุษย์จะกลับคืนชีพในองค์พระคริสตเจ้า ถ้าเราประกาศว่าพระคริสตเจ้าทรง  กลับคืนพระชนมชีพ แล้วเหตุใดมนุษย์จะไม่กลับคืนชีพเล่า?

การกลับคืนชีพของมนุษย์นี่แหละที่เป็นหลักประกันการดำเนินชีวิตในโลกนี้ของเรา หากเราดำเนินชีวิตอย่างไร? เมื่อเรากลับคืนชีพ เราก็จะได้รับสิ่งนั้น  ทำดี ย่อม ได้ดี ทำชั่ว ย่อม ได้ชั่ว แม้จะไม่ได้ในเวลานี้ แต่ในโลกหน้าหนีไม่พ้นแน่นอน เพราะความตายไม่ใช่จุดจบของชีวิต แต่เป็นประตูไปสู่ชีวิตใหม่คือชีวิตหลังความตาย

พูดถึงหลักประกันของความดี หลายคนพูดว่า ทำดีไปทำไม ทำดีแล้วไม่ค่อยได้เจริญรุ่งเรือง ทำดีแล้วไม่เห็นจะได้ดีอะไร? พี่น้องที่เคารพ อยากจะให้เราคิดและเข้าใจว่า การทำความดีนั้นเป็นธรรมชาติของมนุษย์ เป็นคนย่อมทำความดี เพราะความดีเป็นเสมือนการหล่อเลี้ยงมโนธรรม หล่อเลี้ยงจิตสำนึกของเรา หล่อเลี้ยงวิญญาณของเราให้ซื่อสัตย์และซื่อตรงต่อสิ่งที่ถูกต้อง ผมขอยืนยันว่า การทำความดีเป็นธรรมชาติของมนุษย์ ส่วนผลของความดีนั้นเป็นสิ่งที่มนุษย์ได้กำหนดขึ้นเป็นเหมือนรางวัลดึงดูดสำหรับตนเอง แต่แท้จริงแล้ว การทำความดี ทำให้ธรรมชาติ หรือความเป็นมนุษย์ของเราเติบโตขึ้นและอยู่ในหนทางที่ถูกต้อง

หลายคนมองว่า ทำชั่วแล้วได้ดิบได้ดี ทำชั่วแล้วสุขสบาย ทำชั่วแล้วทำให้มีอยู่มีกิน ซึ่งถือว่าเป็นความคิดที่ผิด เพราะการดำเนินชีวิตในเส้นทางที่ยึดตัวเองเป็นหลัก สร้างความสุข ความพึงพอใจให้แก่ตนเอง ปรนเปรอตนเองด้วยสิ่งภายนอก เงินทอง ลาภยศสรรเสริญ เป็นเสมือนการลดคุณค่าความเป็นมนุษย์ลง ลดตัวตนลงให้ต่ำกว่าคำว่า เป็นคน

ผมอยากจะกระตุ้นและปลุกเร้าจิตใจของเราให้ยึดแน่น ยึดหนักในความถูกต้อง การทำความดีก็ควรทำต่อไป เช่น การมาวัดมาวา การแก้บาปรับศีล การดำเนินชีวิตตามพระบัญญัติของพระเจ้า การสวดภาวนา การอ่านพระวาจาของพระเจ้า พี่น้องให้เราทำต่อไป ทำให้สม่ำเสมอ ทำด้วยความเพียรอดทน ทำด้วยความซื่อสัตย์ ทำด้วยการมีสติและความตั้งใจอย่างแน่วแน่ แม้จะมีผลที่เกิดขึ้นไม่เป็นไปตามประสาโลกก็ตาม แต่ให้พี่น้องตระหนักว่า สิ่งที่เราทำนี้ ชีวิตนิรันดรเป็นของเขา พระเจ้าเป็นหลักประกันให้กับขีวิตของเรา.. (คุณพ่อพรทวีเทศน์เสมอว่า เราเป็นประชากรสวรรค เรามีสัญชาติสวรรค์)  เพราะทุกวันนี้ คนที่มาวัดมาวาถูกเบียดเบียนจากภายในตนเอง และถูกเบียดเบียนจากคนอื่น ว่าไปวัดกะคือเก่า สวดภาวนากะคือเก่า ทำดีกะคือเก่า สำหรับคริสตชน ทุกครั้งที่ดี หรือทำตามพระบัญญัติของพระเจ้าทำให้จิตใจของเราสูงขึ้น ใกล้ชิดกับพระมากขึ้น

พี่น้อง เมื่ออยู่ต่อหน้าความตาย.. เราสามารถทำอะไรได้? อยู่ท่ามกลางความเจ็บป่วยของคนใกล้จะตาย เราสามารถช่วยอะไรเขาได้? ผมมาเยี่ยม มาเฝ้าดูเอื้อยชอบ..เพราะได้ยินข่าวว่าตายแล้ว (รอบแรก) มาถึงก็ยังไม่ตาย ได้ดูสภาพ ดูเหตุการณ์ ทำอะไรไม่ได้เลย ช่วยอะไรไม่ได้เลย บรรเทากายให้หายทุกข์ไม่ได้เลย..เอื้อยติ้ง พูดขึ้นมาว่า สงสารเอื้อยชอบ แต่เฮากะเฮ็ดหยังบ่ได้เลย ช่วยหยังบ่ได้เลย ได้แต่มองดู เท่านั้น พูดแล้วนำตาก็จะไหลออกมา..ผมก็ได้แต่ยิ้ม ในใจคิดว่า “แมน” เฮาบ่สามารถช่วยให้หายป่วยได้เลย แต่กะดีใจที่เฮาเป็นคริสตชน เฮาสามารถสวดภาวนาให้เอื้อยชอบได้ ผมเป็นพระสงฆ์ ผมทำมิสซาอุทิศให้เอื้อยชอบได้ พี่น้องทุกคนสวดภาวนาให้เอื้อยชอบได้ สิ่งนี้ที่สามารถทำได้ และสิ่งนี้ที่จะช่วยให้เอื้อยชอบได้รับความเมตตาจากพระเจ้า  เอื้อยชอบบ่แมนคนแคะวัดวา บ่แมนคนที่ต้องหามเข้าวัด แต่เมื่อมีชีวิตท่านได้เดินไปวัด พาลูกพาหลานไปวัดไปวา นี่จะเป็นแบบอย่างให้กับพี่น้องคริสตชน แบบอย่างในความเชื่อนี่แหละสำคัญมาก ให้เราทำต่อไปเด้อ

พี่น้อง ความดีเป็นธรรมชาติของความเป็นคนของเรา เราต้องทำดีเสมอเพื่อทำให้ธรรมชาติความเป็นคนของเราสมบูรณ์มากขึ้น เหนือกว่านั้นอีกที่จะทำให้ความดีในตัวของเราสมบูรณ์ก็คือ การติดตามพระเยซูเจ้า ด้วยการปฏิบัติตามพระวาจาของพระองค์ เพราะสิ่งนี้จะทำให้เราสมบูรณ์มากขึ้นในพระคริสตเจ้า



วันพฤหัสบดีที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562

วันวาเลนไทน์ 2019














วันวาเลนไทน์ :  วันแห่งความรักที่แท้จริงหรือ?

มีใครสักคนที่จะเข้าใจความหมายของคำว่า “รัก” ได้อย่างถูกต้อง? และตรงกับความเป็นจริงอย่างแท้จริง ทุกคนล้วนมีประสบการณ์ของคำที่ว่า “รัก” กันทุกคน แม้แต่คนที่ไม่ได้รักใคร เราก็ยังมีประสบการณ์จากการถูกรักจากคนใดคนหนึ่ง ความรักจึงเป็นเหมือนเอกลักษณ์หรืออัตลักษณ์ของมนุษย์

ความรักที่มาจากใจเป็นความรักแบบมนุษย์ เพราะหัวใจของมนุษย์ทุกคนนั้นเต็มเปี่ยมและมีความรักบรรจุอยู่เสมอ ไม่มีวันหมด สัตว์มีความรักไหม?  ภาษากายที่สัตว์แสดงออกต่อกัน เราไม่เรียกว่า ความรัก เพราะนั้นเป็นเพียงสัญชาตญาณเท่านั้น ซึ่งสัญชาตญาณนี้มาจากแรงกระตุ้นที่อยู่ภายในโดยมีจุดประสงค์เดียวคือ การการรักษาดำรงไว้ซึ่งเผ่าพันธุ์ เราอาจจะเรียกได้ว่าเป็นความรักแบบสัตว์

ความรักที่เป็นอัตลักษณ์สำหรับมนุษย์นั้นจะต้องออกมาจากภายใน มีความรู้สึก มีอารมณ์ มีการยับยั้งช่างใจ มีความอดทน และรอคอยได้ หากปราศจากการยับยั้งช่างใจ หรือ การควบคุมใจตนเอง หรือ ความอดทนแล้ว มนุษย์ก็ไม่ต่างจากสัตว์ ที่แสดงออกทางกายด้วยสัญชาตญาณ

ความรักในวัยเรียน (ประถม/มัธยม) เป็นความรักแบบมิตรภาพที่บริสุทธิ์ แต่มักจะเป็นความรักที่เสี่ยงต่อความเสียหายมากมาย ทั้งต่อตนเอง ต่อครอบครัวและต่อสถานศึกษา เพราะเด็กในวัยเรียนมีเพียงอารมณ์ ความรู้สึก แต่ ขาดการยับยั้งช่างใจ ขาดความอดทน ไม่ชอบการรอคอย ไม่มีความคิดให้รอบคอบ ใช้เพียงอารมณ์และความรู้สึกเท่านั้น จึงเป็นความรักที่อันตรายมาก

เพื่อนคือตัวแปรสำคัญที่ทำให้ความรักบริสุทธิ์ของวัยเรียนกลายเป็นเพียงอารมณ์และความรู้สึกเท่านั้น เพราะเพื่อนมักจะฟังเสียงของเพื่อนเสมอ

ผู้ปกครองจะต้องเฝ้าระวังและให้คำชี้แนะ พร้อมทั้งบังคับแต่รับฟัง และประคับประคองให้ดี จะต้องใช้วิธีที่นุ่มนวลแต่ไม่ใช่ไม่สนใจหรือไม่ใส่ใจต่อลูกๆของตนเอง การพูดคุยและสร้างบรรยากาศครอบครัวที่น่าอยู่จึงเป็นสิ่งที่สำคัญ

ความรักในวัยศึกษา มองความรักเป็นการทดลอง ทุกวันนี้ “การรักนวลสงวนตัว” กลายเป็นเรื่องน่าขำ กลายเป็นเรื่องล้าสมัย นักศึกษาชาย-หญิงต่างแสดงออกถึงความรักที่มีผลประโยชน์แอบแฝงเสมอ และมักจะแสวงหาคู่เพื่อดำรงชีพ แต่ไม่ได้แสวงหาคู่ชีวิตตลอดไป ทั้งๆที่ความรักในวัยนี้เป็นพื้นฐานที่จะเรียนรู้ซึ่งกันและกันเพื่อสร้างชีวิตในอนาคต สร้างรากฐานทางการศึกษาเพื่อสร้างครอบครัวที่หนักแน่นและมั่นคง

ความรักที่แท้จริงอยู่ที่ไหน?

เราจะพบความรักที่แท้จริงได้ จะต้องมีจุดเริ่มต้นจาก “ครอบครัว” พ่อแม่ลูกที่ผูกพันกันด้วยความรักจะสร้างความรักที่แท้จริงให้แก่กันและกัน

ลูกมองดูประสบการณ์ความรักของพ่อแม่ที่แสดงออกต่อกันและกัน ลูกซึมซับความรักของพ่อแม่ที่เป็นแบบอย่างให้แก่กันและกัน เมื่อลูกกลายเป็นพ่อแม่ เขาก็จะแสดงออกถึงความรักที่แท้จริงของพ่อแม่ของเขาให้แก่ลูกของเขา และลูกของเขาก็จะซึมซับและรับแบบอย่างจากพ่อแม่ของเขาสู่ลูกๆของเขาต่อไป

นี่คือครอบครัวในอุดมคติ นี่คือครอบครัวที่ควรจะเป็น แต่ทุกวันนี้ กลับตรงกันข้าม...

วันวาเลนไทน์กลายเป็นเครื่องมือของหลายๆคนที่แสวงหาผลประโยชน์จากความรัก.. ความรักกลายเป็นสินค้าและผลประโยชน์ ความรักที่บริสุทธิ์กลายเป็นเพียงแค่ราคะตัณหา มิตรภาพถูกลดคุณค่าเป็นเพียงแค่อารมณ์และความพึงพอใจเพียงชั่วขณะเท่านั้น

วันแห่งความรักที่แท้จริงคือ การให้ (ไม่ใช่ให้ร่างกายแลกกับบางสิ่ง) การเสียสละ (ไม่ใช่การเสียตัวเพื่อคนอื่น) เพื่อคนอื่น  แต่เป็นการแสดงออกทั้งครบ ให้สิ่งดีงามแก่คนรอบข้าง ทักทาย สวัสดี ยิ้มแย้มแจ่มใส พูดจาดีดี ไม่พูดจาหยาบคาย ไม่นินทาว่าร้ายต่อคนรอบข้าง มองกันและกันด้วยสายตาของมิตรภาพ ให้อภัยไม่ผูกใจเจ็บ พร้อมคืนดีกัน และเป็นคนแรกที่จะทำสิ่งดีดีต่อเพื่อนรอบข้าง นี่จะนำความสุขสู่ใจอย่างแท้จริง




วันอาทิตย์ที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562

ประกันคุณภาพ 2019


วันอาทิตย์ที่ 10 กุมภาพันธ์ 2019

กล่าวปิดงาน


เรียนท่านผู้ทรงคุณวุฒิทุกท่าน
ท่าน ผอ.ดนย์ ท่าน ผอ.นก ท่าน ศน.วิทยากรทุกท่าน




สุดท้ายแล้ว สำหรับวันนี้ที่เราได้ใช้ชีวิตในหลายๆ ชั่วโมงด้วยกัน ผมรู้สึกขอบคุณท่านวิทยากรที่ได้นำความรู้ แบ่งปันเทคนิกต่าง ๆ รวมทั้งการให้คำชี้แนะแก่คณะครูและผู้บริหารเพื่อนำสิ่งเหล่านี้ไปใช้ให้เกิดประโยชน์

พระคัมภีร์ของคริสตศาสนา ในคำสอนของพระเยซูเจ้า เขียนถึงคน 2 ประเภทว่า
ประเภทที่ 1 ผู้ที่ฟังและไม่นำไปปฏิบัติ เหมือนกับคนที่สร้างบ้านไว้บนทราย ฝนตก พายุ ลมพัดโหมเข้าใส่บ้านหลังนั้น ผลก็คือ พังทลาย ไม่เหลืออะไรเลย

ประเภทที่่ 2 ผู้ที่ฟังและนำไปปฏิบัติ เหมือนกับคนที่สร้างบ้านไว้บนหิน หรือ ศิลา ที่มีฐานมั่นคง แข็งแรง ลมพายุ ฝนตก จะหนักหรือเบา บ้านก็คงอยู่ เพราะมีรากฐานที่หนักแน่น มั่นคง

คณะครูทุกท่านก็เช่นกัน หากเราไม่นำสิ่งที่วิทยากรชี้แนะ หากเราไม่นำสิ่งที่ได้รับนี้ไปใช้ ไปปฏิบัติในโรงเรียนของเรา โรงเรียนก็คงไม่หนักแน่น ไม่แข็งแรง ไม่มีหลักประกัน โรงเรียนก็จะอ่อนแอ ที่สุดก็จะไม่สามารถตั้งมั่นอยู่ได้

หากครูทุกท่านร่วมมือกันคณะผู้บริหาร นำสิ่งทีไ่ด้รับไปช่วยกันปฏิบัติ ฟื้นฟู เปลี่ยนแปลง แก้ไข สิ่งที่ยังบกพร่อง ให้แข็งแรง เชื่อแน่ว่า โรงเรียนของเราจะเข้มแข็ง และไม่พังทะลายอย่างแน่นอน

ขอฝากสิ่เหล่านี้ เพื่อให้เกิดผล

ขอบคุณครับ













ประกันคุณภาพการศึกษา2019



วันเสาร์ ที่ 9 กุมภาพันธ์ 2019 ณ โรงแรมพลอยพาเลซ จังหวัดมุกดาหาร








การประกันคุณภาพการศึกษา

เรียน     คณะครู อาจารย์ผู้ทรงคุณวุฒิทุกท่าน

ผม บาทหลวงวิโรจน์  โพธิ์สว่าง เป็นนักบวช บาทหลวง หรือ พระสงฆ์สังกัดอัครสังฆมณฑลท่าแร่-หนองแสง เป็นผู้จัดการโรงเรียนเซนต์ยอแซฟมุกดาหาร และเป็นประธานคณะกรรมการประสานและส่งเสริมการศึกษาเอกชนมุกดาหาร ก่อนอื่นขอขอบคุณท่านผอ.ดนย์ ศรีวิชัย ผู้อำนวยการกลุ่มส่งเสริมการศึกษาเอกชน ที่ได้เชิญผมมาเป็นประธานเปิดและบรรยายพิเศษในวันนี้ในเรื่องเกี่ยวกับการประกันคุณภาพการศึกษา ก็คงไม่ใช่การบรรยาย แต่จะเป็นการเล่าประสบการณ์และนำความคิดอีกลักษณะหนึ่งมากกว่านะครับ

ที่จริงแล้ว ผมก็เพิ่งเข้ามาสู่แวดวงการศึกษาได้ไม่นาน เพราะเพิ่งได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้จัดการโรงเรียนเซนต์ยอแซฟมุกดาหารในปีนี้ แต่ก่อนนั้น ผมก็อยู่ในแวดวงของการศึกษาในแบบของการเป็นผู้ให้การอบรมคือ เป็นอธิการบ้านเณร (Seminarium) อบรมสามเณร เตรียมสามเณรให้เป็นบาทหลวง เป็นระยะเวลานานพอสมควร จึงทำให้เห็นว่า การอบรมคน การสร้างคน การขัดเกลาจิตใจของคนนั้นยาก และต้องใช้เวลานาน ต้องมีเป้าหมาย มีกระบวนการ มีวิธีการที่ชัดเจน ที่สำคัญจะต้องมีการประเมินเสมอๆ

ในโลกของความเป็นจริง เราพบว่า ไม่ว่าจะทำอะไรย่อมต้องมีหลักประกัน มีใบรับประกัน มีผู้ค้ำประกัน เป็นการยอมรับในคนๆ นั้น สิ่งนั้น ๆ สถาบันนั้นๆ

คุณพ่อครับ ผมเป็นคนดี ดีไหมครับ? คุณพ่อก็ตอบว่า ดีสิลูก ทำไมหรือ? ผมเก็บเงินได้แล้วส่งครู? ส่วนเพื่อนผมเขาเก็บเงินได้ ไม่ส่งคืนแต่ไปซื้อไอศกรีมกิน เขาอิ่ม แต่ผมหิวครับ เราจะอธิบายอย่างไรว่า ความดีเป็นหลักประกันให้กับคนดี

ซื้อสินค้าดีต้องมีใบประกัน  เช่น ซื้อสร้อยคอทองคำ มีการรับประกันว่า ดี แท้ ทองแท้ 100 เปอร์เซ็น  ไม่ลอกไม่ดำ (ลอกเมื่อไหร่ ดำเมื่อนั้น)

แม้แต่การยืมเงินกันและกัน ก็ยังต้องมีคนค้ำประกัน เพื่อยืนยันว่าจะ จ่ายคืนแน่นอน (คนค้ำประกันจ่ายคืนแน่นอน) เป็นต้น

สถานศึกษาก็เช่นกัน ก็ต้องมีการประกัน ประกันคุณภาพการศึกษา ซึ่งหลายโรงเรียนผ่านการประเมินรอบ 3 มาแล้ว และกำลังจะประเมินรอบ 4 เป็นเหมือนหลักประกันคุณภาพความดีงามของสถานศึกษาของเรา หลายโรงเรียนกลัวการประเมินทำไมจึงเป็นเช่นนั้น (คำถาม)

ความสำคัญของการประกันคุณภาพการศึกษา

การประกันคุณภาพการศึกษา ถือว่าเป็นเรื่องใหม่สำหรับผม ผู้อยู่นอกวงการ แต่ก็ถือว่าเป็นเรื่องเดียวกันกับการพัฒนา การอบรมคนให้เป็นคน ที่พูดเช่นนี้ เพราะว่า การศึกษาอบรมนั้นสำคัญต่อการสร้างคนให้เป็นคนที่ดีมีคุณภาพต่อคนอื่น คนรอบข้าง สังคม และประเทศ 

ผมมองว่า การประกันคุณภาพการศึกษา จึงเป็นสิ่งที่จำเป็นต้องทำ ทั้งการประกันคุณภาพภายในและภายนอก เพราะการประกันคุณภาพการศึกษา หมายถึง การรับประกันชีวิตของคนหลายคนที่อยู่ในสถานศึกษาของเราด้วยว่า เขาจะเป็นคนอย่างไร? เพราะว่า เด็กๆ เรียนรู้ ซึมซับบรรยากาศ การดำเนินชีวิต  การเอาตัวรอดนั้น ล้วนมีประสบการณ์มาจากสถานศึกษา

เช่น คำขวัญของบางโรงเรียนที่ว่า กีฬาดี กีฬาเด่น เน้นกีฬา คุณครูคิดว่า นักเรียนที่เรียนในแห่งโรงเรียนนี้เป็นอย่างไร?  หรือ เรียนดี กีฬาเด่น เน้นค่าเทอม คิดว่านักเรียนจะเป็นอย่างไร? ผู้ปกครองจะคิดอย่างไร?

เด็กๆ จะซึมซับและดำเนินชีวิตในบรรยากาศของโรงเรียน เพราะเขาจะกลายเป็นสัญลักษณ์ของโรงเรียน จะกลายเป็นคำขวัญของโรงเรียน และกลายเป็นอัตลักษณ์ของโรงเรียน

นี่คือตัวอย่างที่บอกว่า การศึกษาหมายถึงหลักประกันชีวิตของนักเรียนว่าโตขึ้นจะเป็นอย่างไร?

เมื่อพูดถึงการการประกันคุณภาพการศึกษา

ทำไมผู้บริหาร ครูหลายคนจึงรู้สึกเหนื่อย รู้สึกหวาดกลัว เพราะไม่พร้อมหรือเปล่า? เพราะกลัวไม่ได้มาตรฐานหรือเปล่า?

ผมอยากจะเชื้อเชิญให้คุณครูทุกท่านได้เห็นความสำคัญของการประเมินคุณภาพการศึกษาและให้ถือเป็นเรื่องสำคัญ เพราะว่า ของดี ต้องมีหลักประกัน

การประกันคุณภาพการศึกษาเหมือนเป็นการที่ทำให้เราหันมามองตัวเองว่า เรามีทิศทาง มีแบบแผน มีมาตรฐานที่สอดคล้องและตรงกับสากลหรือไม่?  หากไม่ตรงก็ต้องปรับ หากดีอยู่แล้วก็รักษาไว้ พัฒนาให้ก้าวหน้าไปอีก
กรประกันคุณภาพการศึกษาเป็นสิ่งที่สำคัญ โดยเริ่มต้นจากการประกันคุณภาพภายในสถานศึกษา เริ่มต้นจากตนเองเสียก่อน ทุกโรงเรียนจำเป็นต้องทำ โดยไม่ต้องรอให้ สมส. มาตรวจสอบ ว่าโรงเรียนนี้เป็นอย่างไร? ต่ำกว่ามาตรฐาน สูงกว่ามาตรฐาน เพราะทุกสถานศึกษาจำเป็นต้องมีความน่าเชื่อถืออยู่เสมอ นั่นคือ จะต้องมีเครดิต คือ ความน่าเชื่อถือ ความน่าไว้วางใจจากผู้ปกครองอยู่แล้ว

การประกันคุณภาพการศึกษา ผมอยากจะให้ครูทุกคนมองว่า การประกันคุณภาพการศึกษาเป็นการมองดูตัวของคุณครูเอง ผู้สร้างคน สร้างนักเรียน ผู้ปูพื้นฐานชีวิตให้กับเด็กนักเรียน

ไม่อยากให้มองว่า การประกันคุณภาพเป็นเรื่องของ กระดาษ ตัวหนังสือ สถานที่ ตึกอาคาร สิ่งก่อสร้าง นั่นเป็นเรื่องภายนอก

อยากจะให้ครูมองที่ตัวเอง ประเมินตัวเอง รับรองตัวเอง ว่าอยู่ในระดับไหน? มีคุณภาพระดับดีเยี่ยม ระดับดี ระดับพอใช้ หรือ ต้องปรับปรุง

ในการอบรมคนคนหนึ่งเพื่อให้เป็นคนที่มีคุณภาพ ทางศาสนาคริสต์ก็มีหลักการอบรมที่ว่า PPF ( Personal Program Formation) หมายถึง กระบวนการอบรมส่วนตัว หรือเรียกว่า การอบรมตนเอง (Self Formation) นั่นคือ แต่ละคนจะต้องมองดูตัวเอง พิจารณาตัวเองให้มากเสียก่อน ทำตัวเองให้ดี ประพฤติปฏิบัติ มีระเบียบวินัยที่มาจากตัวเอง ครองตัวเองให้อยู่ในกฎในระเบียบของส่วนรวม เมื่อทำเช่นนี้แล้ว ผู้หลักผู้ใหญ่ หรือ ผู้มีอำนาจจะตัดสินเราผ่านทางการกระทำของเราเอง

ผมอยากให้ครูทุกคนมองโรงเรียนเป็นเสมือนบ้านของตนเอง โดยเฉพาะโรงเรียนเอกชนของเรา มองนักเรียนเหมือนกับลูกหลานที่เราจะต้องช่วยกันปัดกวาดเช็ดถูบ้านของเราให้สะอาด ให้เป็นระเบียบ ให้เรียบร้อย จัดบ้านให้เป็นระบบ จัดบ้านให้มีระเบียบ ด้วยการร่วมมือร่วมใจกัน

ผมอยากจะให้คุณครูมองเพื่อนครูด้วยกันเป็นเสมือนญาติพี่น้องกัน ที่จะต้องคอยช่วยเหลือ ให้กำลังใจ ไม่เอารัดเอาเปรียบกัน ทำให้หน้าที่ของตนเองให้ดีที่สุด ไม่ทะเลาะเบาะแว้งกัน นี่จะเป็นภาพของการประกันคุณภาพการศึกษาของโรงเรียนได้เป็นอย่างดี

โรงเรียนถูกเรียกว่าบ้าน บ้านจะถูกเรียกว่าครอบครัว เมื่อสมาชิกในบ้านมีภาษาเดียวกัน คือ ภาษาของความรัก และความสุขก็ย่อมเกิดขึ้น ในครอบครัว ในบ้าน ในโรงเรียน เช่นนี้แล้ว รัฐบาลจะประเมินกี่รอบกี่รอบ โรงเรียนเอกชนของเราก็ไม่ต้องกลัวอะไร เพราะสิ่งที่เราทำนั้นสร้างคุณค่าแก่นักเรียน

ผมเห็นด้วยกับความคิดของท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ นายแพทย์ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ ที่ว่า คณะกรรมการประกันคุณภาพของสถานศึกษาเป็นการเป็นเหมือนผู้แนะนำ ผู้ให้คำปรึกษา ชี้แนะแก่สถานศึกษา ให้กำลังใจสถานศึกษาที่ทำได้ดีเยี่ยม ให้รักษาต่อไป จุดไหน สิ่งไหนที่ยังไม่บรรลุเป้าหมาย ก็ให้จัดการแก้ไข หาวิธีมุ่งไปสู่เป้าหมาย คณะกรรมการเป็นเพียงผู้กระตุ้นให้สถานศึกษาตื่นตัวอยู่เสมอ

เมื่อก่อน คณะผู้บริหารโรงเรียนจะกลัวการประเมินสถานศึกษา กลัวว่าจะไม่ผ่านมาตรฐานตามที่กำหนด กลัวมาก  ผมคิดว่า หากแต่ละโรงเรียนมีคุณภาพภายในที่ดีที่เข้มแข็ง คือมีหลักประกันการเรียนการสอนที่ชัดเจนแล้วการประเมินก็ไม่น่ากลัว

จงตื่นเฝ้าระวังให้ดีเถิด  (มีหญิง 10 คนออกไปรอรับเจ้าบ่าว เพื่อเข้าร่วมงานวิวาห์ มี 5 คนเป็นคนโง่ และ 5 คนเป็นฉลาด หญิงโง่มีตะเกียง แต่ไม่ได้นำน้ำมันสำรองไปด้วย เมื่อถึงเวลาดึกเจ้าบ่าวมา หญิงโง่พูดกับหญิงฉลาดว่า ขอน้ำมันให้เราบ้าง ตะเกียงของเราจะดับแล้ว หญิงฉลาดตอบว่า อาจมีไม่พอสำหรับเราและเธอ ไปตลาดไปซื้อเอาเองดีกว่า หญิงที่เตรียมพร้อมได้เข้าสู่งานวิวาห์ ส่วนหญิงที่ไม่เตรียมพร้อมก็พลาดงานยินดี)

การจัดการประกันคุณภาพสถานศึกษาภายใน เป็นสิ่งที่ต้องทำก่อนอื่นหมด ไม่ต้องรอ ไม่ต้องทำผักชีโรยหน้า เพราะการศึกษาของโรงเรียนเอกชนจะต้องพร้อมเสมอเหมือนกับหญิงฉลาดที่มีตะเกียงจุดอยู่และมีน้ำมันสำรองด้วย

สุดท้าย เป็นบุญของเราที่ได้ทำหน้าที่เป็นครู เป็นผู้ให้ความรู้ เป็นผู้ปูพื้นฐาน วางรางฐานชีวิตของคนคนหนึ่ง อบรม หล่อหลอมให้คนหนึ่งเติบโตอย่างบูรณาการทั้งครบ ร่างกาย สติปัญญา จิตใจ อารมณ์ สังคม จิตวิญญาณ

ขอให้บุญนี้ นำความสุข ความเจริญมาสู่คุณครูทุกท่านครับ

สวัสดีครับ