BLOGGER TEMPLATES AND TWITTER BACKGROUNDS

วันพุธที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562

Benvenuto il Papa 2019

Viaggio Apostolico in Thailandia: Accoglienza ufficiale


Benvenuto!  สู่ประเทศไทย

20-23 พฤศจิกายน 2019














ที่มาภาพ : http://w2.vatican.va/content/francesco/it/events/event.dir.html/content/vaticanevents/it/2019/11/20/accoglienzaufficiale-thailandia.html

วันพุธที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562

เข้าเงียบประจำปี2019

วันที่13 พฤศจิกายน 2019
วันที่สามของการเข้าเงียบ

09.00 น.



บทบาทของพระสงฆ์พื้นเมือง (พระสงฆ์สังฆมณฑล)

บทบาทนี้เป็นพระเยซูเจ้าที่ทรงแต่งตั้งให้บรรดาอัครสาวกทำหน้าที่แทนพระเยซูเจ้า ในการที่จะทำให้ภารกิจของพระองค์ (พระบิดา) สำเร็จไป  คนพื้นเมืองยุคแรกๆ ก็คืออัครสาวก พร้อมกับพระแม่มารีย์ ที่เป็นหนึ่งเดียวกันในการทำภารกิจของพระเยซูเจ้าที่ได้รับมอบหมายจากพระบิดาให้สำเร็จไป

พระเยซูเจ้าทรงสอนพวกเขาและปล่อยให้พวกเขาทำเอง ปล่อยให้พวกเขาดำเนินชีวิตและจัดการกับภารกิจนี้เอง แต่ไม่ตามลำพัง

พระสงฆ์พื้นเมืองเป็นผู้ที่มีบทบาทสำคัญกับชาวบ้าน เพราะว่า พระสงฆ์พื้นเมือง เป็นคนพื้นเมือง เป็นคนอยู่ กิน ตาย พร้อมกับคนที่นี่ (งมขี้ งมเหยี่ยวกัน) เป็นผู้ที่อยู่กับชาวบ้าน กินกับชาวบ้าน ตายท่ามกลางชาวบ้าน 

พระสันตะปาปาเบเนดิกต์ที่16 "จากสิ่งเล็กน้อย กลายเป็นสิ่งใหญ่โต"  ความสุภาพและชีวิตเรียบง่ายของพระสงฆ์พื้นเมือง ทำให้เกิดสิ่งที่ใหญ่โตขึ้นได้

ชาวบ้านกินได้ เฮากะกินได้

ชาวบ้านหิว เฮากะหิว

ชาวบ้านอยู่ เฮากะอยู่

ในสงครามที่ประเทศลาว หลายคนมองว่าเป็นการเบียดเบียนศาสนาและเป็นความทุกข์ยากลำบาก แต่ข้าน้อยกลับมองเห็น มือของพระเจ้าในเวลาสงครามนั้น มือของพระเจ้าที่ปรากฎอยู่ในมืองของพระสงฆ์พื้นเมือง  คุณพ่อเจ้าอาวาสอยู่ใกล้ชิดกับชาวบ้านในเวลากำลังจะตาย อยู่กับชาวบ้านในเวลาที่ยากลำบาก พ่อเจ้าวัดบ่ทิ้งชาวบ้าน พ่อเจ้าวัดปกมือ จับมือ ช่วยเหลือชาวบ้านที่มีความทุกข์ยากลำบาก

อันนี่แหละที่ทำให้ชาวบ้านฮักแพงพระสงฆ์พื้นเมือง และอยากให้มีพระสงฆ์พื้นเมือง

แน่นอน จึงต้องเกิดบ้านเณรขึ้น เพราะเณรคืออนาคตของมิสซัง เณรคือคนที่จะอยู่กับชาวบ้าน เณรคือคนที่จะสานงานต่อจากเฮาในภารกิจของพระเยซูเจ้า


เข้าเงียบประจำปี2019

บทเทศน์
มิสซาเช้า
06.30 น.








พระวรสารนักบุญลูกา
เรื่องคนโรคเรื้อน 10 คน แต่จะไม่พยายาให้ความรู้หรือความเข้าใจเรื่องเทววิทยาหรือเรื่อประวัติศาสตร์ หรือความขัดแย้งระหว่าวชาวสะมาเรียกับชาวยิว

แต่จะนำเราให้พิจารณาดูบุคคลหนึ่งที่ได้รับพระเมตตาจากพระเจ้า ได้รับความช่วยเหลือจากพระเจ้าแล้วเขาทำอย่างไร? 

ชีวิตของพระเยซูเจ้าในพระวรสาร เป็นชีวิตของการพบปะกับผู้คน กับคนอื่น และผู้คนอื่นๆ แสดงท่าทีที่แตกต่างกันกับพระองค์ต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับว่าคนคนนั้นเป็นอย่างไร?

ให้เราดูคนโรคเรื้อนคนที่สิบนี้ เมื่อเขาได้พบกับพระเยซูเจ้าแล้ว ได้ยินพระวาจา ได้ยินคำสั่งของพระองค์แล้ว เขาพิจารณาตัวเอง เขาดูตัวเอง อย่างถ่องแท้ ดูตัวเองอย่างดี ว่า แต่ก่อนเขาเป็นโรคเรื้อน ผิวพรรณที่เต็บไปด้วยบาดแผล มีแต่ความทุกข์ยากลำบาก  แต่บัดนี้ เขาหายเป็นปกติ เขามีผิวพรรณที่เหมือนกับเด็ก เขารู้ตัวว่า เขาหายดีแล้ว

เมื่อเขารู้ตัวและพิจารณาแล้วว่า เขาเป็นปกติดี เพราะอะไร? มีสาเหตุมาจากอะไร? เขารู้ว่า พระเยซูเจ้าทรงเป็นผู้ที่รักษาเขา พระวาจาของพระองค์รักษาเขา เขาก็เชื่อในพระองค์ และกลับมาหาพระองค์ เพื่อขอบคุณพระเจ้า ขอบคุณพระองค์สำหรับชีวิตใหม่

เขามาด้วยความสำนึกในความรักของพระเจ้า

แล้วพระเยซูเจ้าก็ตรัสกับเขาว่า "ความเชื่อช่วยเจ้าให้รอด"

เราเป็นพระสงฆ์มีประสบการณ์แห่งการช่วยให้รอดของพระเจ้า มากมายตลอดชีวิตของเรา ให้เราดูคนโรคเรื้อนคนที่สิบ เป็นตัวอย่าง เป็นท่าทีที่ถูกต้อง เป็นท่าทีของผู้มีความเชื่อในพระเจ้า

รู้จักที่จะของคุณพระเจ้า เมื่อได้รับสิ่งดีงามจากพระองค์



วันอังคารที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562

เข้าเงียบประจำปี 2019

วันที่ 12 พฤศจิกายน 2019
วันที่สองของการเข้าเงียบ

09.00 น.





ชีวิตธรรมทูต ชีวิตของมิสชันนารี คุณพ่อเกโกและคุณพ่อโปรดม เป็นชีวิตที่เป็นแบบอย่างแก่เรา
ในการประกาศข่าวดีของพระเจ้า

รอยเท้าของผู้ประกาศ อยู่ตรงไหน?
หลายคนต้องการเดินย้อนรอยของธรรมทูตตามสถานที่ต่างๆ ที่ธรรมทูตไป และทำ แต่หลายครั้ง รอยเท้าของธรรมทูตไม่ได้อยู่ในห้างร้าน ไม่ใช่ความสะดวกสบาย ไม่ใช่ความสนุกสนาน

รอยเท้าของธรรมทูตเป็นของแห่งการออกจากตัวเอง (มีทอใด ให้หมด)  เป็นรอยของการอุทิศตนเอง เสียสละตัวเองเพื่อคนอื่น บ่มีบ่นว่า มีแต่ความอดทน เพียรทน และวางใจในพระเจ้า

รอยของธรรมทูตเรียนแบบรอยของพระเยซูเจ้า
ฮอยของพระเยซูเจ้า เป็นการแบ่งปันความรักที่มีของพระองค์ให้คนอื่น ไม่ใช่การโฆษณาขายของ ไม่ใช่การค้าขายสินค้า แต่เป็นการประกาศถึงความรักของพระเจ้าที่มีกับมนุษย์

พระสงฆ์ต้องเดินตามรอยของพระเยซูเจ้า นั่นคือ รอยแห่งความรัก

พระสงฆ์ทำงานอภิบาลไม่ใช่เพราะหน้าที่ ที่ได้รับมอบหมาย  คือ ไม่บอกก็ไม่ทำ พระสงฆ์ทำงานอภิบาลไม่ใช่เพราะกลัวพระสังฆมราช  ไม่ใช่เพราะอยากได้รับคำชมจากปากของคนอื่น ไม่ใช่เพราะอยากได้มีหน้ามีตา

แต่พระสงฆ์.งต้องทำเพราะพระเยซูเจ้าทรงรักเรา พระเจ้าทรงรักเรา

ธาตุแท้ของพระเจ้า คือ ความรัก

ข่าวดีของคริสตชน ก็คือ ความรัก

พระสงฆ์ต้องแจกความรักของพระเยซูเจ้าให้กับทุกคน ต้องแบ่งปันชีวิตของพระเยซูเจ้าแก่คนอื่น
พระสงฆ์ต้องนำความรักของพระเจ้าสู่ทุกคน ไม่ใช่ความรักของตนเอง แต่เป็นความรักของพระเจ้า

มีคอมมิวนิสต์คนหนึ่งบอกว่า "คาทอลิกมีพลังที่มีอำนาจเหมือนกับปรมณู แต่ไม่รู้จักใช้ คือ ใช้ไม่เป็น"
พลังนั้นก็คือ ความรัก

เพราะความรักแข็งแกร่งที่สุด แม้ว่าระเบิดปรมณูจะทำลายภูผา แผ่นดินได้ บ้านเรือนได้ แต่ทำลายหัวใจของคนไม่ได้ หัวใจของคนที่มีความรัก ทำลายบ่ได้

การแพร่ธรรมเป็นงานยากหรือง่าย?

มีคนหนึ่งถามคำถามนี้ การแพร่ธรรมยากหรือง่าย? ข้าน้อยถือว่าเป็นการตั้งคำถามที่ผิด ไม่ถูก เพราะงานแพร่ธรรมเป็นธรรมชาติของคริสตชน เป็นธรรมชาติของพระสงฆ์ และเป็นธรรมชาติของทุกคน

งานแพร่ธรรมยาก และง่ายอยู่ในจิตใจของเรา อยู่ในเจตนาของเรา อยู่ในเจตจำนงของเรา 
บางคนบอกงานแพร่ธรรมยาก  มันยากก็เพราะมันอยู่ในปาก อยู่ในคำพูดของเรา  เพราะเราทำให้มันยาก
ยากในเรื่องการกินอยู่ ยากในเรื่องที่อยู่อาศัย ยากในเรื่องการเดินทาง ยากในเรื่องของเวลา
ยากไปหมดทุกอย่าง..

งานแพร่ธรรมง่าย อยู่ที่ใจของเรา ว่า พร้อมจะสู้ พร้อมจะลุย พร้อมจะอุทิศตนไหม?

งานแพร่ธรรมในเทศลาวจบแล้วเมื่อคุณพ่อชาวฝรั่งเศสได้ถูกเชิญให้กลับประเทศ คุณพ่อคนหนึ่งบอกว่า "ฟิลิป มันจบแล้ว" ข้าน้อยตอบว่า "ยังบ่จบ มันเป็นการเริ่มต้น"

ข้าน้อยเชื่อว่า พระเจ้าผู้ทรงฤทธิ์ สรรพานุภาพ สามารถทำให้ฝุ่นดิน (กองขี้เยื่อ)กลายเป็นสิ่งมีชีวิตได้ พระองค์เป่าให้เป็นคนได้ พ่อแม่เป็นผู้ให้องค์ประกอบ แต่พระเจ้าผู้ให้ชีวิต

ทำงานของพระเจ้า พระเจ้าจะจัดการให้เกิดผลเอง






เข้าเงียบประจำปี2019

บทเทศน์
มิสซาเช้า
06.30 น.

พระวรสารนักบุญลูกา

ในพระวรสารนักบุญลูกาบทที่ 17 :7-10นี้ พระเยซูเจ้าทรงสอนและอบรมบรรดาสาวกอย่างเป็นพิเศษในเรื่อง
การเป็นที่สะดุด.. หมายความว่า พระองค์อบรมสอนพวกเขาให้ทำตนเหมือนกับพระเยซูเจ้า

ในวันนี้ เรื่องนายกับผู้รับใช้ (ลก 17 :7-10) นายจะสั่งผู้รับใช้ให้ทำโน้นนี่ ตามหน้าที่ และไม่มีทางที่นายจะรับใช้คนใช้ของตนเอง

พระเยซูเจ้าเรียกสาวกมาจากที่แตกต่างกัน มีตำแหน่ง มีหน้าที่การงานที่แตกต่างกัน พระองค์อบรมพวกเขาให้มีจิตตารมณ์ของพระองค์ น.เปโตร เป็นชาวประมง คงจะมีลูกเรือด้วย น.มัทธิว  น.ยอห์น หรือ ท่าน อื่นๆ คงจะมีบทบาทของการเป็น เจ้านาย

ตามประสาโลก นาย ก็คือ นาย  คนใช้ ก็คือ คนใช้ ไม่สลับตำแหน่งหรือความเป็นของกันและกัน แต่โลกวุ่นวายเนื่องจาก คนใช้อยากจะเป็นนาย ใจอยากจะเป็นนาย แต่ตำแหน่งภายนอกเป็นเพียงคนใช้ จึงเกิดความอิจฉา ริษยา การช่วงชิง การทะเลาะเบาะแว้งกัน

พระเยซูเจ้าอบรมพวกเขาบอกว่า นายก็คือ นาย ผู้รับใช้ก็คือผู้รับใช้  แต่สิ่งที่สำคัญก็คือ

คนที่เป็นนาย จะต้องทำตนเป็นผู้รับใช้ หมายถึง การมีใจที่จะรับใช้ บริการเพื่อนพ่ี่น้อง
คนที่เป็นนาย ใจจะต้องไม่ดูหมิ่น ดูถูกคนอื่น หรือเอารัดเอาเปรียบคนอื่น
คนเป็นนาย ใจจะต้องรับใช้ด้วยความเสียสละ อุทิศตน
แม้ใจจะเป็นเหมือนคนใช้ แต่นายก็คือนาย

คนที่เป็นคนใช้ ก็ต้องทำหน้าที่ของตนเองให้ดีที่สุด
คนที่เป็นคนใช้ ใจก็ต้องเป็นคนใช้ ไม่ใช่คิดอยากเป็นนาย คิดอยากจะสบาย คิดอยากจะอยู่เหนือ
คนที่เป็นคนใช้ ให้รู้ตัวว่าเป็นเพียงคนใช้ และทำหน้าที่ให้สมบูรณ์ ไม่ขาดตกบกพร่อง
จึงเป็นคนรับใช้ที่ดีและซื่อสัตย์ รอบคอบ

พระสงฆ์.. เป็นนาย แต่ใจต้องรับใช้เหมือนพระเยซูเจ้า
พระสงฆ์..เป็นนาย ต้องทำตนเหมือนคนรับใช้
พระสงฆ์..เป็นนาย ไม่ใช่มีใจอยากจะเป็นใหญ่เหนือคนอื่น


"เรามาเพื่อรับใช้ ไม่ใช่ให้ผู้อื่นรับใช้"




วันจันทร์ที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562

เข้าเงียบประจำปี 2019

ข้าเงียบประจำปี 2019
11-15 พฤศจิกายน 2019
เทศน์โดย คุณพ่อติ่ง เจ้าวัดสวรรณเขต สปป.ลาว


บทเทศน์เตือนใจ

หากเราอยากจะรู้จ้กตัวเอง เราจะต้องรู้จักพระเจ้าเสียก่อน

พระสันตะปาปาเบเนดิกต์ที่ 16 ตรัสว่า พระเยซูเจ้าแตกต่างจากศาสนาของโลก เพราะว่า พระเยซูเจ้าได้นำพระเจ้ามาสู่โลก พระเยซูเจ้าได้ทำให้โลกรู้จักพระเจ้า พระเยซูเจ้าทำให้เรารู้จักพระเจ้า รู้ว่าพระเจ้าทรงรักเรา รักโลกมากเพียงใด

นี่แหละคือสิ่งที่แตกต่าง

สิ่งนี้แหละเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด คือ การรู้จักพระเจ้า พระเจ้าของเรา เราจะรู้จักพระเจ้าได้ก็่ผ่านทางการสวดภาวนา การถวายมิสซา

ซอกหาพระเจ้า พ้อแล้วกะถามว่า เฮาจะเป็นหยัง เฮาสิเฮ็ดหยังให้เพิ่นได้

ซอกหาพระเจ้า แล้วเฮากะสิพบตัวตนของเฮา

แสวงหาพระเจ้าก่อนอื่นหมด เหนือสิ่งอื่นใด แล้วเราจะพบทุกสิ่งที่จำเป็นสำหรับชีวิตของเรา

ให้เราใช้เวลา 2-3 วันนี้ในการอยู่กับพระเจ้า ค้นหาพระเจ้า แสวงพระเจ้า และพูดคุยกับพระองค์


วันศุกร์ที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562

ผู้ล่วงลับ 2019




บทเทศน์เตือนจิตใจก่อนระลึกถึงผู้ล่วงลับ

ความเข้าใจเบื้องต้นเกี่ยวกับชีวิต (เห็นคุณค่าของชีวิตแต่ไม่ยึดติด)

ชีวิตบนโลกมนุษย์

คริสตชนทุกคนจะต้องคิดว่า ชีวิตบนโลกนี้มีเพียงชีวิตเดียวเท่านั้น มีเกิด มีระยะเวลา มีขอบเขต มีสิ้นสุด หมายความว่า เราไม่ต้องคิดมาก ว่าเราจะมีชีวิตในโลกนี้ตลอดนิรันดร ไม่ต้องยึดติดกับสิ่งที่มีในโลกนี้ เพราะเมื่อถึงเวลาหนึ่งเราก็จะต้องจบชีวิตลงอย่างแน่นอน  แล้วจำเป็นต้องมีชีวิตไหม? แน่นอนว่า จำเป็นต้องมีชีวิตอยู่และพยายามอย่างหนักที่จะมีชีวิตให้ดีด้วย ที่ว่าจำเป็นต้องมีชีวิต เพราะว่า ชีวิตเป็นของประทานจากพระเจ้า พระองค์ให้ชีวิตแก่เรา พระองค์เป่าลมปราณของพระองค์เข้ามาในตัวเรา เราจึงเป็นผู้ที่พระเจ้าทรงให้ชีวิต และเมื่อมีชีวิต เราจะต้องพยายามอย่างหนักที่จะมีชีวิตที่ดี หมายถึง ดูแลชีวิตให้ดี ทั้งด้านร่างกายและจิตใจ ด้านร่างกายก็คือ ไม่ปล่อยให้ตัวเองอดๆ อยากๆ นั่นคือ งอมือ งอเท้า ไม่ทำมาหากิน ขี้เกียจทำงาน  ด้านจิตใจก็คือ การดำเนินชีวิตในความดีงาม เป็นคนดี ช่วยเหลือคนอื่น ไม่เอาเปรียบคนอื่น ไม่ทำลายคนอื่น  พยายามหล่อหลอมชีวิตของตนเองให้อยู่ในหนทางของพระเจ้า

ชีวิตบนโลกนี้ดูแล้ว มันสั้น แม้ดูเหมือนระยะเวลายาวนาน 40 50 70 80ปี เพราะความเคยชินทำให้เราคิดว่า โลกนี้น่าอยู่ และมีหลายอย่างในชีวิตประจำวันทำให้เรารู้สึกไม่เบื่อที่จะอยู่ในโลก แต่ความจริงก็คือ ชีวิตมันสั้น และมีเวลาไม่มากในการที่จะสะสมความดี หรือ สร้างบุญกุศล หรือสร้างความสัมพันธ์กับพระเจ้า และกับเพื่อนพี่น้อง  บางคนเสียดายเวลาไม่ได้เข้าวัด ไม่ได้แก้บาป ไม่ได้รับศีล บางคนเสียดายเวลาที่ยังไม่ได้คืนดีกัน ที่ยังไม่ได้ให้อภัยกัน ที่ยังไม่ได้ทำดีเพื่อกันและกัน เพราะเวลามันสั้น

ชีวิตในโลกหน้า/ชีวิตหลังความตาย/ชีวิตนิรันดร

มีอีกชีวิตหนึ่งที่สืบเนื่องมาจากชีวิตในโลกนี้ ชีวิตในโลกหน้ามีแน่นอนและเป็นชีวิตตลอดนิรันดร ไม่มีกลับชาติมาเกิด ไม่มีตายแล้วเกิดใหม่ ไม่มีการระลึกชาติ ไม่มีอะไรอีก นอกจากการมีชีวิตอยู่กับพระเจ้าเท่านั้น และเราจะกลับคืนชีพในพระคริสตเจ้า คือ พระคริสตเจ้าจะทำให้เรากลับคืนชีพในวันสุดท้าย
พระเยซูเจ้าตรัสเกี่ยวกับอาณาจักรสวรรค์ มัทธิว 32 ครั้ง พูดถึง สวรรค์ มาระโก 6 ครั้ง พูดถึงชีวิตนิรันดร มัทธิว 5ครั้ง มาระโก 4 ครั้ง ลูกา 3 ครั้ง ยอห์น 18 ครั้ง พูดถึงโลกหน้า ลูกา 2 ครั้ง
นี่คือคำยืนยันจากพระเยซูเจ้าผู้ลงมาจากสวรรค์ พระองค์ทรงเป็นพระบุตรของพระเจ้า และชัดเจนว่า เราทุกคนจำเป็นต้องไปสวรรค์  ต้องอยู่บนสวรรค์ ต้องเอาตัวเองให้รอดไปสวรรค์ให้ได้
พระองค์ย้ำด้วยว่า เราจะต้องช่วยกัน สมาชิกในครอบครัวจะต้องช่วยกัน เตือนกัน นำพากันและกัน และช่วยคนอื่นด้วย ให้เอาตัวเองไปสวรรค์ กลุ่มหรือกิจกรรมของพระศาสนจักร หรือวัด หรือ มิสซัง เป็นการกระตุ้นเพื่อให้เราช่วยกันและกันให้เอาตัวรอดไปสวรรค์

ความเข้าใจเบื้องต้นเกี่ยวกับคนตาย

คนตายคือคนที่ร่างกายและวิญญาญแยกจากกันและจะรวมเป็นหนึ่งเดียวกันอีกไม่ได้ ไม่มีใครมีอำนาจที่จะรวมร่างกายกับวิญญาณให้เป็นหนึ่งเดียวกัน นอกจาก พระเจ้าเท่านั้น พระองค์ทรงกระทำกับมนุษย์เมื่อเกิดมา และจะทำอีกครั้งเมื่อการพิพากษาประมวลพร้อมเกิดขึ้นคือ วันสิ้นพิภพ จะเป็นสภาพนิรันดรสำหรับมนุษย์
สภาพคนตายจะไม่สามารถทำอะไรได้เลย กระทำอะไรก็ไม่ได้ ไม่สามารถทำดี ไม่สามารถทำชั่วได้ ทำได้เพียงแค่รอคอย 1)พระเมตตาจากพระเจ้า 2)การชำระตนให้บริสุทธิ์  สภาพการรอคอยนี้ เรียกว่า การอยู่ในไฟชำระ สภาวะหรือช่วงเวลาแห่งการรอคอย ตามระยะเวลาของความบาป มลทินจะหมดสิ้นไป

ระยะเวลาของพระเจ้า ใน 2ปต 3:8 สำหรับองค์พระผู้เป็นเจ้า เพียงหนึ่งวันก็เหมือนกับหนึ่งพันปี และหนึ่งพันปีก็เหมือนกับหนึ่งวัน

เราจะช่วยคนตายให้ได้รับพระเมตตาอย่างไร?

ทำบุญอุทิศให้ผู้ล่วงลับ

อะไรคือบุญ
พจนานุกรมฉบับบัณฑิตยราชฐาน พ.ศ.2554 บุญคือ ความสุข ความดี
บุญกุศลคืออะไร (2006-2009, 2025-2027)  บุญกุศลคือ สิ่งที่ทำให้เรามีสิทธิ์ที่จะรับการตอบแทนจากการกระทำดีต่อพระพักตร์พระเป็นเจ้า มนุษย์ไม่สมควรได้รับบุญกุศลใดๆ เลย แต่มนุษย์ได้รับทุกสิ่งที่ให้เปล่าจากพระองค์

สิ่งที่ทำให้เรามีสิทธิ์ได้รับการตอบแทน หมายถึงอะไร หมายถึงการกระทำใดใดที่เป็นการกระทำที่พระเจ้าพอพระทัย (การกระทำดี การกระทำตามบัญญัติของพระองค์)จะได้รับการตอบแทนอย่างแน่นอน การกระทำดี/ทำตามพระบัญญัติไม่เกี่ยวกับขนาดของความดีตามประสามนุษย์ แต่ขึ้นอยู่กับความตั้งใจที่จะกระทำ เช่น การให้ทาน ไม่เกี่ยวกับจำนวนเงิน (มีมาก ก็ให้มาก มีน้อย ก็ให้น้อย) ตั้งใจให้ เต็มใจให้

ขอมิสซา และ การภาวนา เป็นการกระทำที่ได้ทั้งผู้กระทำและผู้ที่อุทิศบุญให้ เพราะคำภาวนาเป็นการวอนขอพระเมตตา พระหรรษทานจากพระเจ้าเพื่อตนเองและเพื่อคนอื่น

ดำเนินชีวิตอุทิศเพื่อผู้ล่วงลับ การดำเนินชีวิตให้สอดคล้องและเป็นไปตามหลักความดีงาม