BLOGGER TEMPLATES AND TWITTER BACKGROUNDS

วันพุธที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568

คนดี

 



บทอ่านจากพระวรสารตามคำบอกเล่าของนักบุญลูกา              ลก 6:39-45

 เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสอุปมาให้เขาเหล่านั้นฟังว่า “คนตาบอดจะนำทางคนตาบอดได้หรือ ทั้งคู่จะตกลงไปในคูมิใช่หรือ ศิษย์ย่อมไม่อยู่เหนืออาจารย์ แต่ทุกคนที่ได้รับการฝึกฝนอย่างดีแล้วก็จะเป็นเหมือนอาจารย์ของตน

  ทำไมท่านจึงมองดูเศษฟางในดวงตาของพี่น้อง แต่ไม่สังเกตเห็นท่อนซุงในดวงตาของตนเลย ท่านจะกล่าวแก่พี่น้องได้อย่างไรว่า ‘พี่น้อง ปล่อยให้ฉันเขี่ยเศษฟางออกจากดวงตาของท่านเถิด’ ขณะที่ท่านไม่เห็นท่อนซุงในดวงตาของตนเอง ท่านคนหน้าซื่อใจคดเอ๋ย จงเอาท่อนซุงออกจากดวงตาของท่านก่อนเถิด ท่านจะเห็นชัด แล้วจึงค่อยไปเขี่ยเศษฟางออกจากดวงตาของพี่น้อง

  ต้นไม้ที่เกิดผลไม่ดีย่อมไม่ใช่ต้นไม้พันธุ์ดี หรือต้นไม้พันธุ์ไม่ดีย่อมไม่ให้ผลดีเช่นกัน เรารู้จักต้นไม้แต่ละต้นได้จากผลของต้นไม้นั้น เราย่อมไม่เก็บผลมะเดื่อเทศจากพงหนามหรือเก็บผลองุ่นจากกอหนาม คนดีย่อมนำสิ่งที่ดีออกจากขุมทรัพย์ที่ดีในใจของตน ส่วนคนเลวย่อมนำสิ่งที่เลวออกมาจากขุมทรัพย์ที่เลวของตน เพราะปากย่อมกล่าวสิ่งที่อัดอั้นอยู่ในใจออกมา


คนตาบอดจะนำทางคนตาบอดได้หรือ?

คำตอบ ก็คงจะมีทั้งที่ตอบว่า ได้ และตอบว่า ไม่ได้ สำหรับพระเยซูเจ้านั้น คนที่ตาบอดหากจะนำทางคนอื่น ก็คงจะต้องหลงทาง ผิดทาง หรือเป็นอันตรายได้ เพราะตาบอด ก็นำทางอย่างคนตาบอด เมื่ออยู่ในความืด ย่อมไม่เห็นแสงสว่าง เมื่ออยู่ในความมืดย่อมไม่เห็นอุปสรรค เมื่อจมอยู่ในความมืดอยู่คงอยู่ในความมืดสนิท การนำทางคนอื่นจึงนำไปสู่หายนะเท่านั้น

ยิ่งเป็นผู้นำที่ตาบอดฝ่ายจิต ย่อมไม่สามารถที่จะบำรุงเลี้ยงชีวิตฝ่ายจิตของคนอื่นได้ ยิ่งเป็นผู้นำวิญญาณ หากยังจมอยู่ในความมืด ไม่รู้จักความจริง จะนำจิตวิญญาณไปสู่ความรอดพ้นได้อย่างไร ผู้นำฝ่ายวิญญาณต้องพบความรอดก่อน จึงสามารถนำผู้อื่นไปสู่ความรอดพ้นได้ และผู้ที่เป็นผู้นำแท้จริงของเรา ก็คือ พระเยซูเจ้า

คนดีย่อมนำขุมทรัพย์ที่ดีในใจของตน

เป็นความจริงแท้ทีเดียว ที่เราทุกคนจะต้องฝึกฝนตนเอง และควบคุมตนเองให้ได้ โดยเฉพาะการควบคุมจิตใจที่มักจะแสดงออกมาทางคำพูด เพราะปากย่อมพูดในสิ่งที่อยู่ในใจ คำพูดที่แสดงออกมา จึงเป็นสิ่งที่บ่งบอกสิ่งที่เป็นตัวตนที่อยู่ในใจออกมา ยิ่งเป็นคนดี ย่อมพูดสิ่งที่ดี สิ่งที่ให้กำลังใจ สิ่งที่เป็นประโยชน์แก่คนอื่น “ต้นไม้พันธุ์ดี ย่อมให้เกิดผลที่ดี”

ความดีและความชั่วอยู่ในตัวของเรา ขึ้นอยู่กับว่า เราจะบำรุงเลี้ยงสิ่งใดดีกว่ากัน การเจตนาไม่ดี ความปรารถนาไม่ดี ความคิด ความอ่านไม่ดีต่อตนเองและผู้อื่น บ่อยๆ ย่อมเป็นอาหารชั้นดีที่เลี้ยงมและทำให้ความชั่วในจิตใจเข้มแข็ง จึงต้องมองดูใจของตนเองเสมอ “เอาท่อนซุงออกก่อนที่อยู่ในตาของเรา แล้วจะมองเห็นชัด” เห็นความไม่ดีในตัวเอง รู้จักควบคุม เห็นความไม่ดีตัวเองต้องรู้จักหลีกเลี่ยง

หล่อเลี้ยงความดีในตัวของเราด้วย การสวดภาวนา การมองโลกในแง่ดี การพูดดี เจตนาดี ทำดี คิดดี การฟังพระวาจาของพระเจ้า การยกจิตใจขึ้นหาพระเจ้า การแสวงหาความดีงาม สิ่งเหล่านี้ ส่งเสริมและหล่อหลอมความดีในตัวเราให้เติบโตและแข็งแรง สามารถเอาชนะทุกสิ่งได้

ความชั่วไม่มีผลอะไรเลยกับชีวิตของเรา  หากเราไม่สนใจและไม่สร้างพลังให้มัน แต่ความดีเป็นชีวิตของเรา ที่เราจะต้องเอาใจใส่ เลี้ยงดู และต้องเพ่ิมความเข้มแข็งเสมอ 

รักความดี ทำความดี สร้างความดี เหมือนที่พระเยซูเจ้าสอนเรา