ไตร่ตรอง
กางเขนที่หน้าผาก ทำไมจึงเป็นกางเขนสีดำ
คำตอบคือ กางเขนแห่งการไถ่บาปด้วยความรักที่ต้องผ่านความทุกข์ยากลำบาก ผ่านการทดลองทั้งภายในและภายนอก เป็นกางเขนที่เราจะต้องจดจำเสมอว่า เราเป็นเพียงฝุ่นดิน เราเป็นเพียงสิ่งสร้างที่ถูกสร้างขึ้นมาจากผงคลีดิน และจะกลับเป็นดินดังเดิม
เริ่มต้นเทศกาลมหาพรตด้วยการตระหนักว่า “สิ่งใดสำคัญที่สุดในชีวิต” อาหารหรือ? น้ำดื่มหรือ? เสื้อผ้าหรือ? โทรศัพท์มือถือหรือ? สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงสิ่งภายนอก เป็นเพียงเครื่องประกอบของชีวิต เราสามารถตัดขาดจากสิ่งเหล่านี้ได้ หากขาดส่วนประกอบ เราก็สามารถที่จะอยู่ได้ เพราะมีสิ่งอื่นมาทดแทน
สำหรับคริสตชน สิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตก็คือ “พระเจ้า” นี่คือแก่นของชีวิต ไม่ใช่ส่วนประกอบ ไม่ใช่องค์ประกอบ ไม่ใช่ส่วนผสม แต่เป็นแก่นของชีวิตที่ขาดไม่ได้ เป็นแก่นที่ทำให้ชีวิตมีชีวิต พระเจ้ามนุษย์ไม่สามารถมองเห็นได้ มนุษย์ไม่สามารถที่จะเผชิญแบบหน้าต่อหน้าได้
แต่.. มีหนทางที่พระเจ้ามอบให้มนุษย์เพื่อที่จะเข้าถึงพระองค์ ทางนี้ได้รับการเปิดเผยจากพระบุตรของพระเจ้า คือ พระเยซูคริสตเจ้า พระองค์บอกมนุษย์ให้รู้จักทาง วีถีทางเพื่อมุ่งสู่แก่นแท้ของชีวิต สิ่งที่พระเยซูเจ้าบอกมนุษย์ก็คือ “จงรักกันและกันเหมือนอย่างที่พระเจ้าทรงรักเรา” เป็นคำพูดที่สั้นๆ ง่ายๆ เข้าใจได้ แต่เป็นทางแห่งชีวิตที่นำไปสู่ชีวิตแท้จริง
“รักกันและกัน” ทำได้ไหม? ในเทศกาลมหาพรต มนุษย์หรือคริสตชนจะต้องทำให้ได้ และทำให้ได้มากขึ้น รักตัวเอง เอาใจใส่ดูแลตัวเองไม่ใช่เอาใจตัวเองเป็นศูนย์กลาง
รักคนอื่น เอใจใส่ ห่วงใย สนใจ ไม่ใช่เอาคนอื่นเป็นศูนย์กลาง
รักคนรอบข้าง รักเพื่อน มิตรสหาย ทำได้ง่ายมากๆ
แต่.. รักศัตรู รักคนที่เกลียดชังเรา รักคนที่ใส่ร้ายป้ายสีเรา รักคนที่ไม่น่ารัก รักคนที่อยู่ฝ่ายตรงกันข้ามกับเรา รักและพร้อมทั้งให้อภัยด้วยในความผิดของเขา ทำได้ไหม?
หากคำตอบ คือ ยังทำไม่ได้ ยังรักไม่ได้ ยังให้อภัยไม่ได้.. ให้มองดู..พระเยซูเจ้ารักมนุษย์ที่ทำผิด ทำบาป คนที่ตบตี ใส่ร้าย ถมน้ำลายรด คนที่ทรมานพระองค์ คนที่ปฏิเสธพระองค์ พระองค์ให้อภัย..เพราะพระองค์ “รัก” มนุษย์ทุกคน
..ให้มองตัวเองจะเริ่มอย่างไร? จะเริ่มฝึกฝนคุณงามความดีนี้อย่างไร? ให้มองตัวเองและมองใจตัวเอง เราจะพบว่า “ไม่ยากเลยที่จะรัก เพราะเรามีความรักอยู่ในใจอย่างเต็มเปี่ยม”
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น