พระวรสาร มธ 7:15-20
15 “จงระวังประกาศกเทียมซึ่งมาพบท่าน นุ่งห่มเหมือนแกะ แต่ภายในคือสุนัขป่าดุร้าย
16 ท่านจะรู้จักเขาได้จากผลงานของเขา มีใครบ้างเก็บผลองุ่นจากต้นหนาม
หรือเก็บผลมะเดื่อเทศจากพงหนาม
17 ในทำนองเดียวกัน ต้นไม้พันธุ์ดีย่อมเกิดผลดี ต้นไม้พันธุ์ไม่ดีย่อมเกิดผลไม่ดี
18 ต้นไม้พันธุ์ดีจะเกิดผลไม่ดีมิได้ และต้นไม้พันธุ์ไม่ดีก็ไม่อาจเกิดผลดีได้
19 ต้นไม้ทุกต้นที่ไม่เกิดผลดีย่อมถูกโค่นทิ้งในกองไฟ
20 เพราะฉะนั้น ท่านจะรู้จักประกาศกเทียมได้จากผลงานของเขา”
ข้อคิด
จงระวังประกาศกเทียม หรือในทางตรงกันข้าม
พระเยซูเจ้าต้องการจะบอกว่า
ท่านต้องเป็นประกาศที่แท้จริง ในสมัยนั้น “ประกาศกเทียม”
หมายถึงอาจารย์เท็จที่ทำเป็นคนศรัทธา
เพื่อแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตัว
หรือ บรรดาคริสตชนที่ทำตัวเหมือนกับเป็นคริสตชน แต่ไม่ใช่คริสตชน นั่นคือ
นุ่มห่มเหมือนแกะ แต่ไม่ใช่แกะ
ประศกเทียมนี้ดูภายนอกเหมือนจะดี พวกเขาสวดภาวนา
ปฏิบัติศาสนกิจร่วมกับบรรดาคริสตชน แต่ภายในจิตใจชั่วร้าย และเป็นศัตรูกับประชากรของพระเจ้า
และในสมัยนั้นโทษของการเป็นประกาศเทียมก็คือ ความตาย
ในสมัยของเรานี้
เราก็ต้องระวังตัวเราเองด้วย กลัวว่าเราจะเป็นประกาศกเทียม นั่นคือ
เราได้ชื่อว่าเป็นคริสตชน
เราได้ชื่อว่าเป็นผู้ที่รักพระเจ้า เราได้ชื่อว่าเป็นคนที่มีความเชื่อ
เพราะอย่างน้อยเราก็มาวัดอย่างสม่ำเสมอ
ปฏิบัติศาสนกิจเป็นประจำ
คนอื่นมองภายนอกว่าดี ศรัทธา ในส่วนภายใจของเรา
กิจการศรัทธาที่เราทำนี้จะต้องออกมาจากภายในใจที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความเชื่อมั่น
เต็มเปี่ยมไปด้วยความศรัทธาอย่างแท้จริง เพราะหากภายนอกกับภายในไม่สอดคล้องกันแล้ว
เราก็จะได้ชื่อว่าเป็นประกาศกเทียมเหมือนกัน
พี่น้องที่เคารพรัก เราจะรู้จักคนคนหนึ่งได้ก็ต่อเมื่อเราได้เห็นการกระทำของเขา
ทั้งคำพูดคำจา ทั้งกิริยามารยาท “ต้นไม้พันธ์ดีย่อมให้ผลดี ต้นไม้พันธ์ไม่ดีย่อมเกิดผลไม่ดี” คนที่มีสัมมาคารวะย่อมแสดงออกด้วยคำพูดที่จริงใจ
สุภาพ อ่อนโยน มิใช่ไพเราะแต่เสแสร้ง การกระทำก็รู้จักผู้ใหญ่ รู้จักที่ต่ำที่สูง
เป็นต้น หรือเราจะรู้ว่าใครเป็นคริสตชนที่แท้จริงได้ เราก็ดูจากการกระทำของเขา หรือเราจะรู้ว่าคนนี้ดีหรือไม่
เราก็ดูจากการกระทำของเขา
หากคนนั้นปฏิบัติตามพระบัญญัติ และปฏิบัติศาสนกิจอย่างสม่ำเสมอ
และเป็นประจำ
เราก็รู้ว่าเขาเป็นคริสตชนที่ดี และที่แท้จริง
ตรงกันข้ามกับคนที่เป็นคริสตชนปฏิบัติศาสนกิจตามความพอใจ สวดภาวนาตามความรู้สึก เราจะถือว่าเขาเป็นคริสตชนที่แท้จริงได้อย่างไร “ต้นมะม่วงย่อมเกิดผลเป็นมะม่วงเสมอ” ไม่ว่าต้นมะม่วงนั้นจะปลูกในที่ไหนก็ตาม
ไม่ว่าจะผ่านร้อน ผ่านหนาว ผ่านฝนก็ตาม มันก็เป็นมะม่วง เราเองก็เช่นเดียวกัน
ไม่จะเผชิญกับความทุกข์ยาก ลำบาก ปัญหาอุปสรรคก็เรา
เราจะต้องแสดงความเป็นคริสตชนที่แท้จริงจนตลอดไปได้
แต่เราก็ระวังอีกอย่างหนึ่งในการมองดูคนอื่นก็คือ
ไม่ใช่แค่มองเห็นการกระทำของเขาเพียงแค่ครั้งเดียว หรือเพียงแค่ไม่กี่ครั้ง
เราก็สรุป หรือตัดสิน
หรือเก็บเป็นข้อมูลเพื่อจะดูว่าเขาเป็นคนอย่างไรตลอดชีวิตของเราเลยนั้นคงเป็นไปไม่ได้
เพราะโดยธรรมชาติของมนุษย์เมื่อเห็นความผิดแค่ครั้งเดียวก็เหมา
หรือสรุปทั้งชีวิตของคนนั้นได้เลยว่า ไม่ดี เพราะธรรมชาติของมนุษย์มักจะไม่ให้โอกาสกันเท่าไรนัก
จะอย่างไรก็ตาม
พระเยซูเจ้าทรงเตือนเราในวันนี้ว่า เราจะต้องเป็นประกาศกที่แท้จริง นั่นก็คือ
การรู้จักฟังพระสุรเสียงของพระเจ้าก่อน แล้วนำไปประกาศให้คนอื่นได้รับรู้
และทำความเข้าใจ หรือ
เราจะต้องเป็นคริสตชนที่แท้จริง
ใครก็ตามที่ไม่เกิดผลหรือเกิดผลเลวก็เป็นบุคคลที่ละเมิดพระประสงค์ของพระเจ้า
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น