บทเทศน์เตือนจิตใจก่อนระลึกถึงผู้ล่วงลับ
ความเข้าใจเบื้องต้นเกี่ยวกับชีวิต (เห็นคุณค่าของชีวิตแต่ไม่ยึดติด)
ชีวิตบนโลกมนุษย์
คริสตชนทุกคนจะต้องคิดว่า
ชีวิตบนโลกนี้มีเพียงชีวิตเดียวเท่านั้น มีเกิด มีระยะเวลา มีขอบเขต มีสิ้นสุด
หมายความว่า เราไม่ต้องคิดมาก ว่าเราจะมีชีวิตในโลกนี้ตลอดนิรันดร ไม่ต้องยึดติดกับสิ่งที่มีในโลกนี้
เพราะเมื่อถึงเวลาหนึ่งเราก็จะต้องจบชีวิตลงอย่างแน่นอน แล้วจำเป็นต้องมีชีวิตไหม? แน่นอนว่า
จำเป็นต้องมีชีวิตอยู่และพยายามอย่างหนักที่จะมีชีวิตให้ดีด้วย ที่ว่าจำเป็นต้องมีชีวิต
เพราะว่า ชีวิตเป็นของประทานจากพระเจ้า พระองค์ให้ชีวิตแก่เรา
พระองค์เป่าลมปราณของพระองค์เข้ามาในตัวเรา เราจึงเป็นผู้ที่พระเจ้าทรงให้ชีวิต
และเมื่อมีชีวิต เราจะต้องพยายามอย่างหนักที่จะมีชีวิตที่ดี หมายถึง
ดูแลชีวิตให้ดี ทั้งด้านร่างกายและจิตใจ ด้านร่างกายก็คือ ไม่ปล่อยให้ตัวเองอดๆ
อยากๆ นั่นคือ งอมือ งอเท้า ไม่ทำมาหากิน ขี้เกียจทำงาน ด้านจิตใจก็คือ การดำเนินชีวิตในความดีงาม
เป็นคนดี ช่วยเหลือคนอื่น ไม่เอาเปรียบคนอื่น ไม่ทำลายคนอื่น พยายามหล่อหลอมชีวิตของตนเองให้อยู่ในหนทางของพระเจ้า
ชีวิตบนโลกนี้ดูแล้ว
มันสั้น แม้ดูเหมือนระยะเวลายาวนาน 40 50 70 80ปี เพราะความเคยชินทำให้เราคิดว่า
โลกนี้น่าอยู่ และมีหลายอย่างในชีวิตประจำวันทำให้เรารู้สึกไม่เบื่อที่จะอยู่ในโลก
แต่ความจริงก็คือ ชีวิตมันสั้น และมีเวลาไม่มากในการที่จะสะสมความดี หรือ
สร้างบุญกุศล หรือสร้างความสัมพันธ์กับพระเจ้า และกับเพื่อนพี่น้อง บางคนเสียดายเวลาไม่ได้เข้าวัด ไม่ได้แก้บาป
ไม่ได้รับศีล บางคนเสียดายเวลาที่ยังไม่ได้คืนดีกัน ที่ยังไม่ได้ให้อภัยกัน
ที่ยังไม่ได้ทำดีเพื่อกันและกัน เพราะเวลามันสั้น
ชีวิตในโลกหน้า/ชีวิตหลังความตาย/ชีวิตนิรันดร
มีอีกชีวิตหนึ่งที่สืบเนื่องมาจากชีวิตในโลกนี้
ชีวิตในโลกหน้ามีแน่นอนและเป็นชีวิตตลอดนิรันดร ไม่มีกลับชาติมาเกิด
ไม่มีตายแล้วเกิดใหม่ ไม่มีการระลึกชาติ ไม่มีอะไรอีก
นอกจากการมีชีวิตอยู่กับพระเจ้าเท่านั้น และเราจะกลับคืนชีพในพระคริสตเจ้า คือ
พระคริสตเจ้าจะทำให้เรากลับคืนชีพในวันสุดท้าย
พระเยซูเจ้าตรัสเกี่ยวกับอาณาจักรสวรรค์
มัทธิว 32 ครั้ง พูดถึง สวรรค์ มาระโก 6 ครั้ง พูดถึงชีวิตนิรันดร มัทธิว 5ครั้ง
มาระโก 4 ครั้ง ลูกา 3 ครั้ง ยอห์น 18 ครั้ง พูดถึงโลกหน้า ลูกา 2 ครั้ง
นี่คือคำยืนยันจากพระเยซูเจ้าผู้ลงมาจากสวรรค์
พระองค์ทรงเป็นพระบุตรของพระเจ้า และชัดเจนว่า เราทุกคนจำเป็นต้องไปสวรรค์ ต้องอยู่บนสวรรค์
ต้องเอาตัวเองให้รอดไปสวรรค์ให้ได้
พระองค์ย้ำด้วยว่า
เราจะต้องช่วยกัน สมาชิกในครอบครัวจะต้องช่วยกัน เตือนกัน นำพากันและกัน
และช่วยคนอื่นด้วย ให้เอาตัวเองไปสวรรค์ กลุ่มหรือกิจกรรมของพระศาสนจักร หรือวัด
หรือ มิสซัง เป็นการกระตุ้นเพื่อให้เราช่วยกันและกันให้เอาตัวรอดไปสวรรค์
ความเข้าใจเบื้องต้นเกี่ยวกับคนตาย
คนตายคือคนที่ร่างกายและวิญญาญแยกจากกันและจะรวมเป็นหนึ่งเดียวกันอีกไม่ได้
ไม่มีใครมีอำนาจที่จะรวมร่างกายกับวิญญาณให้เป็นหนึ่งเดียวกัน นอกจาก
พระเจ้าเท่านั้น พระองค์ทรงกระทำกับมนุษย์เมื่อเกิดมา
และจะทำอีกครั้งเมื่อการพิพากษาประมวลพร้อมเกิดขึ้นคือ วันสิ้นพิภพ
จะเป็นสภาพนิรันดรสำหรับมนุษย์
สภาพคนตายจะไม่สามารถทำอะไรได้เลย
กระทำอะไรก็ไม่ได้ ไม่สามารถทำดี ไม่สามารถทำชั่วได้ ทำได้เพียงแค่รอคอย
1)พระเมตตาจากพระเจ้า 2)การชำระตนให้บริสุทธิ์
สภาพการรอคอยนี้ เรียกว่า การอยู่ในไฟชำระ สภาวะหรือช่วงเวลาแห่งการรอคอย
ตามระยะเวลาของความบาป มลทินจะหมดสิ้นไป
ระยะเวลาของพระเจ้า
ใน 2ปต 3:8 สำหรับองค์พระผู้เป็นเจ้า เพียงหนึ่งวันก็เหมือนกับหนึ่งพันปี และหนึ่งพันปีก็เหมือนกับหนึ่งวัน
เราจะช่วยคนตายให้ได้รับพระเมตตาอย่างไร?
ทำบุญอุทิศให้ผู้ล่วงลับ
อะไรคือบุญ
พจนานุกรมฉบับบัณฑิตยราชฐาน
พ.ศ.2554 บุญคือ ความสุข ความดี
บุญกุศลคืออะไร (2006-2009, 2025-2027) บุญกุศลคือ สิ่งที่ทำให้เรามีสิทธิ์ที่จะรับการตอบแทนจากการกระทำดีต่อพระพักตร์พระเป็นเจ้า
มนุษย์ไม่สมควรได้รับบุญกุศลใดๆ เลย แต่มนุษย์ได้รับทุกสิ่งที่ให้เปล่าจากพระองค์
สิ่งที่ทำให้เรามีสิทธิ์ได้รับการตอบแทน หมายถึงอะไร
หมายถึงการกระทำใดใดที่เป็นการกระทำที่พระเจ้าพอพระทัย (การกระทำดี
การกระทำตามบัญญัติของพระองค์)จะได้รับการตอบแทนอย่างแน่นอน
การกระทำดี/ทำตามพระบัญญัติไม่เกี่ยวกับขนาดของความดีตามประสามนุษย์
แต่ขึ้นอยู่กับความตั้งใจที่จะกระทำ เช่น การให้ทาน ไม่เกี่ยวกับจำนวนเงิน (มีมาก
ก็ให้มาก มีน้อย ก็ให้น้อย) ตั้งใจให้ เต็มใจให้
ขอมิสซา และ การภาวนา
เป็นการกระทำที่ได้ทั้งผู้กระทำและผู้ที่อุทิศบุญให้
เพราะคำภาวนาเป็นการวอนขอพระเมตตา พระหรรษทานจากพระเจ้าเพื่อตนเองและเพื่อคนอื่น
ดำเนินชีวิตอุทิศเพื่อผู้ล่วงลับ
การดำเนินชีวิตให้สอดคล้องและเป็นไปตามหลักความดีงาม
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น