มิสซาคริสตมาส ที่ บ้านเณรฟาติมา
22 ธันวาคม 2013
มีเรื่องเล่าว่า นานมาแล้ว
มีพระมหากษัตริย์ที่ดีและฉลาดพระองค์หนึ่ง ปกครองประเทศเปอร์เซีย
พระองค์ทรงรักประชาชนของพระองค์อย่างมาก พระองค์ทรงต้องการที่จะทราบว่า
พวกเขาดำเนินชีวิตอย่างไร
ทรงต้องการที่จะรู้จักความยากลำบากที่พวกเขาต้องทน บ่อยครั้งพระองค์แต่งกายเป็นธรรมกร หรือคนขอทาน
และเสด็จเข้าไปในบ้านของคนยากจน
และไม่มีใครที่พระองค์เสด็จไปเยี่ยมนั้น จะรู้ว่าพระองค์ทรงเป็นกษัตริย์ของพวกเขา
ครั้งหนึ่ง ได้เสด็จไปเยี่ยมคนที่ยากจนที่สุดคนหนึ่ง
ซึ่งอาศัยอยู่ในถ้ำ
และ พระองค์ทรงเสวยอาหารเลว ๆ ที่ชายคนนั้นกิน
และพูดคุยกับเขาด้วยถ้อยคำที่ให้กำลังใจ แล้วก็เสด็จกลับ
ต่อมาก็ได้เสด็จมาหาชายคนนั้นอีก และทรงบอกความจริงว่า พระองค์เป็นกษัตริย์
ชายยากจนประหลาดใจมาก กษัตริย์คิดว่า ชายคนนี้คงจะขออะไรหลาย ๆ
อย่างจากเราแน่นอน
จึงตรัสถามว่า
เจ้าต้องการอะไร? แต่เขาก็ไม่ได้ขออะไร แต่กลับทูลกษัตริย์ว่า
“พระองค์เสด็จออกจากวังที่รุ่งเรืองมาอยู่กับข้าพระบาท ในสถานที่มืดมัวและต่ำต้อย
สกปรกอย่างนี้
อีกทั้งพระองค์ได้เสวยอาหารเลว ๆ ที่ข้าพระบาทถวายให้
พระองค์ทรงนำความสุขมาให้จิตใจของข้าพระองค์
พระองค์ประทานขอแพง ๆ แก่คนอื่น
แต่สำหรับข้าพระบาท พระองค์ประทานพระองค์เองแก่ข้าพระบาท
การบังเกิดมาของพระแมสสิยาห์เป็นเหตุการณ์ที่เป็นศูนย์กลางในประวัติศาสตร์ของมนุษย์
การรอคอยที่ยาวนานและที่มืดมน บัดนี้ได้กลายเป็นความจริง และเปิดเผย
และชัดเจนยิ่งขึ้น
การบังเกิดมาของกุมารผู้หนึ่งที่เต็มไปด้วยความเป็นมนุษย์
พระองค์เกิดมาเหมือนกับสิ่งสร้าง เกิดมาในเวลา
แต่ไม่ใช่สิ่งที่ถูกสร้าง
เพราะพระองค์ดำรงอยู่ตลอดนิรันดร และสืบเนื่องมาจากพระบิดาเจ้า
นั่นคือ
พระองค์ทรงเป็นพระเจ้า จากพระเจ้า ทรงเป็นแสงสว่างจากแสงสว่าง
พระเจ้าแท้จากพระเจ้าแท้
พระองค์ทรงเป็นพระวจนาตถ์
เพื่อเป็นศูนย์กลางของทุกสิ่งสร้าง
ในธรรมล้ำลึกแห่งการบังเกิดมาแสดงให้เห็นถึงความสมบูรณ์ของความจริงของเครื่องหมายแห่งการช่วยให้รอด
ไม่ใช่แค่มนุษย์ แต่รวมถึงทุกสิ่งบนโลก ไม่ใช่แค่มนุษย์ที่ได้รับการไถ่
แต่รวมทั้งสิ่งสร้างทั้งหลายด้วย
ซึ่งการบังเกิดมาของพระองค์ได้เป็นการเชิญชวนให้บรรดาสิ่งสร้างร้องเพลงบทใหม่ถวายแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า
เชิญชวนให้ทุกคน ทุกชาติ ภาษาชื่นชมยินดี และนมัสการสรรเสริญพระองค์ คือ
พระบุตรนิรันดร พระบุตรที่ทำให้พระประสงค์ของพระบิดาเจ้าสมบูรณ์
พระบุตรที่บังเกิดมาเป็นมนุษย์ พระองค์เกิดมาที่เบธเลเฮม เพียงครั้งเดียวและตลอดไป
พระสันตะปาปาฟรังซิส ทรงย้ำว่า เทศกาลคริสต์มาส คือ
ช่วงเวลารื่นเริงที่เสียงอึกทึกครึกโครมมาก
มันจึงเป็นการดีที่เราจะเตรียมตัวรับพระองค์ด้วยการหาเวลาเงียบ สงบ รำพึง
เพื่อจะได้ฟังเสียงที่พระเจ้าตรัสกับเราด้วยความรัก และความอ่อนโยน
ตรัสอีกว่า พระเจ้าเสด็จมาในโลก มิใช่ด้วยเสียงอึกทึก ครึกโครม
แต่ด้วยความเงียบ สงบ ง่าย ๆ
พระองค์ทรงถ่อมองค์ลงมาเป็นเด็กเล็ก ๆ อ่อนแอ
เพื่อช่วยให้เราแข็งแกร่ง พระองค์ยอมตายเพื่อให้เรามีชีวิต
ความเงียบสงบฝ่ายจิตใจหรือจิตวิญญาณจะทำให้เราสัมผัสความรักของพระเจ้า
ความสงบในจิตใจ หมายถึงการรู้จักความพอดี ความพอเพียง การไม่ฟุ้งซ่าน แต่สงบใจ
ด้วยความเชื่อฟังพระเจ้า
พระสันตะปาปาบอกว่า คริสตมาสปีนี้
ให้เราเรียนรู้ความสุภาพถ่อมตนของพระเยซูเจ้า
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น