บทเทศน์
หนังสือห้าเล่มแรกของพระคัมภีร์
ได้แก่ หนังสือปฐมกาล หนังสืออพยพ หนังสือเลวีนิติ หนังสือกันดารวิถี
และหนังสือเฉลยธรรมบัญญัติ หนังสือเหล่านี้ได้บรรจุคำสัญญาแห่งความรักไว้ นั่นคือ คำสัญญาของพระผู้สร้าง คำสัญญาของพระเจ้า
พระองค์ทรงสัญญาว่า พระองค์ทรงรักเราและต้องการที่จะอยู่กับเราเพื่อช่วยรักษาเรา
เพื่อเราจะได้อยู่ดีมีความสุข และคำสัญญานี้ได้แสดงออกมาใน กฎบัญญัติของพระองค์
ที่บรรจุปรีชาญาณและความรักของพระองค์
กฎหมายของพระเจ้าบรรจุธรรมเนียมประเพณี
และกฎระเบียบสำหรับการดำเนินชีวิตที่ดี พระบัญญัติสิบประการเป็นส่วนหนึ่งของกฎหมาย เป็นส่วนหนึ่งของคำสัญญาแห่งความรัก
เป็นส่วนหนึ่งของพันธสัญญาระหว่างมนุษย์กับพระเจ้า เราจะสามารถปฏิบัติตามกฎบัญญัติของพระเจ้าได้อย่างง่ายดาย
หากเราเข้าใจจิตตารมณ์ของกฎบัญญัติของพระองค์ แต่หากเรามองกฎบัญญัติเพียงภายนอก
เป็นเพียงคำสั่ง เป็นเพียงสิ่งที่ต้องปฏิบัติ
เรากจะไม่สามารถเข้าถึงจิตตารมณ์ของกฎบัญญัติได้ เพราะขีดจำกัดของความเป็นมนุษย์ แต่ถ้าเราเข้าใจว่า
กฎบัญญัติเป็นเสมือนของประทานหรือของขวัญจากพระเจ้า
กฎบัญญัติเป็นเหมือนกับแขนที่อ่อนนุ่มที่โอบกอดเรา ที่รักษาเรา ปกป้องเรา เราก็จะสามารถปฏิบัติตามกฎบัญญัติของพระเจ้าได้อย่างง่ายดาย
เพราะการปฏิบัติมาจากภายในใจ จากหัวใจของเรา
เช่น การมาวัดวันอาทิตย์ พระศาสนจักรสอนว่า คริสตชนต้องมาวัด ถ้าหาเรามองว่า
การมาวัดเป็นการบังคับจากพระศาสนจักร เราก็จะสามารถเลือกที่มาก็ได้ ไม่มาก็ได้
เพราะเมื่อมีการบังคับ เราก็ไม่อยากจะมา
แต่ถ้าเราเข้าใจว่า การมาวัดวันอาทิตย์ เป็นการมาเพื่อแสดงออกถึงความรัก
ถึงการขอบคุณพระเจ้าร่วมกันของผู้มีความเชื่อ เราย่อมมาด้วยใจอิสระและมีความสุข
ไม่มีคำบ่นว่า เสียเวลาเปล่า ๆ เพราะการสรรเสริญพระเจ้า ไม่ใช่การเสียเวลา
โมเสสบอกกับประชาชนว่า “จงฟังข้อกำหนดและกฎเกณฑ์ และจงปฏิบัติ แล้วจะมีชีวิต” “ต้องปฏิบัติตามอย่างซื่อสัตย์” “การปฏิบัติตามพระบัญญัติทุกคนจะได้เห็นและเข้าใจว่า
พระเจ้าของเราทรงสถิตอยู่ใกล้ชิดเรา”
โมเสสบอกว่า ต้องฟัง ต้องรู้จัก ต้องทำความเข้าใจข้อกำหนดและกฎเกณฑ์ เพื่อว่า กฎเกณฑ์นั้นจะได้ไม่ขัดใจ
ไม่เป็นเหมือนนามทิ่มแทงจิตใจของเรา จะได้ไม่บีบบังคับเรา
เมื่อเข้าใจแล้ว จงปฏิบัติ ปฏิบัติตามกฎเกณฑ์บัญญัติ ทำให้เป็นจริง
ทำให้เกิดขึ้นในชีวิตของเรา
หลักในการปฏิบัติก็คือ ต้องปฏิบัติด้วยความซื่อสัตย์
ต้องทำด้วยความสม่ำเสมอ คือ เสมอต้น เสมอปลาย ไม่ใช่เป็นช่วง ๆ ขาด ๆ หาย ๆ
เพื่อว่า เราจะได้มีชีวิต
เป็นชีวิตที่เราจะได้รับจากการปฏิบัติตามกฎเกณฑ์
เป็นชีวิตที่มาจากพระเจ้า เป็นชีวิตร่วมกับพระเจ้า เพราะพระเจ้าอยู่ใกล้เรา
พระเจ้าสถิตอยู่กับเรา
เมื่อพระองค์อยู่ใกล้เรา เราจะต้องกลัวสิ่งใด เราจะยังขาดสิ่งใด
และเรายังต้องการสิ่งใดอีกหรือ?
นักบุญยากอบ ก็บอกกับบรรดาคริสตชนเช่นเดียวกัน “จงน้อมรับพระวาจา
จงปฏิบัติตามพระวาจา มิใช่ฟังเพียงอย่างเดียว เท่ากับเป็นการหลอกตัวเอง” มาร์ติน ลูเธอร์ ผู้นำการแตกแยกในศาสนาคริสต์ของเรา เขาเน้นว่า
ความเชื่อเท่านั้นที่จะช่วยให้รอดได้
แต่สำหรับเราคริสตชน จากคำสอนของนักบุญยากอบในวันนี้ เราจะเห็นว่า
ความเชื่อจะต้องมีการกระทำด้วย เมื่อมีความเชื่อ แล้วละทิ้งหญิงหม้ายและเด็กกำพร้าได้หรือ?
การให้ความสนใจและเอาใจใส่ต่อความเดือดร้อนของกันและกัน
นั่นแหละเป็นการแสดงออกของความเชื่อ การกระทำด้วยความเมตตา
ความรักต่อคนอื่นที่ออกมาจากความเชื่อ จะทำให้เราเข้มแข็งและเติบโตในความเชื่อ
ในความรักต่อพระเจ้านับวันยิ่งมากขึ้น
ในพระวรสาร พระเยซูเจ้าเน้นย้ำว่า “สิ่งที่ทำให้มนุษย์เป็นมลทินนั้น
เป็นสิ่งที่มาจากภายใน ไม่ใช่สิ่งที่มาจากภายนอก” สิ่งที่เข้าทางปาก ไม่เป็นมลทิน
แต่ที่อยู่ในใจ และออกมาทางปาก นั่นแหละทำให้เป็นมลทิน ดังนั้น จุดเริ่มต้นของความดีงาม หรือ
ความบริสุทธิ์ หรือ ความชั่วร้าย หรือ มลทินบาป นั้นก็มาจากใจ มาจากเจตนา
มาจากหัวใจของมนุษย์ทั้งสิ้น
เราไม่สามารถเปลี่ยนแปลงโลกใบนี้ทั้งใบได้ตลอดชีวิตของเรา
แต่เราสามารถเปลี่ยนแปลงตัวเองเองแต่ละคนได้ โดยเริ่มจากภายในตัวของเราเองเสียก่อน
พระเยซูเจ้าต้องการให้เราเปลี่ยนแปลงหัวใจของเรา และดัดแปลงหัวใจของเราให้ตรงกับพระบัญญัติของพระเจ้า
เพื่อที่จะสร้างจิตใจใหม่ ให้เป็นเหมือนกับจิตใจของพระเจ้า
ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรัก ความเมตตา การให้อภัย การแบ่งปัน
และความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่
พี่น้องที่เคารพรัก เราถูกสร้างและถูกเรียกมาให้เป็นผู้กระทำ หรือ
ผู้ปฏิบัติตามพระวาจาของพระเจ้า
พวกเราไม่ได้ถูกเรียกมาเพื่อที่จะทำความพอใจของโลก
เราถูกเรียกมาให้เป็นบุตรที่ศักดิ์สิทธิ์ในฐานะที่เราเป็นอวัยวะอันศักดิ์สิทธิ์ของพระคริสตเจ้า
พวกเราถูกเรียกมาเพื่อที่จะกระทำกิจการศักดิ์สิทธิ์ นั่นคือ ความรัก
ความชื่นชมยินดี สันติสุข ความอดทน ความใจดี ความใจกว้าง ความซื่อสัตย์
ความสุภาพและการรู้จักควบคุมตนเอง ไม่มีกฎหมายใดที่ต่อต้านความดีเหล่านี้
ให้เราตระหนักเสมอว่า
ผู้ที่เป็นของพระคริสตเจ้าย่อมตรึงร่างกายแห่งกิเลสตัณหาและความปรารถนาพึ่งพอใจทางร่างกายนี้ไว้กับไม้กางเขนของพระคริสตเจ้าแล้ว
ถ้าเรามีชีวิตโดยอาศัยพระจิตเจ้าเป็นผู้นำทาง เราก็จงปล่อยให้พระองค์นำทางเรา
ดังนี้ เราจะกลายเป็นผู้ปฏิบัติตามพระวาจาของพระเจ้าอย่างแท้จริง
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น