บทเทศน์
พระเจ้าทรงเมตตาและกรุณา
เนื้อแท้ประการหนึ่งที่เราสามารถรู้จักพระเจ้าได้
ก็คือ พระองค์มีพระทัยเมตตากรุณาต่อมนุษย์ทุกคนที่เป็นคนบาป
เราจะเห็นได้อย่างชัดเจน ซึ่งปรากฎในพระคัมภีร์ทั้งในภาคพันธสัญญาเดิม
และเปิดเผยแสดงผ่านทางพระเยซูเจ้าในพันธสัญญาใหม่
ซึ่งพระองค์ทรงเป็นพระเจ้าที่มาบังเกิดเป็นมนุษย์และแสดงให้เห็นอย่างชัดเจน หรือ
จะ จะ ว่า พระเจ้าทรงมีพระทัยเมตตากรุณาอย่างมาก
เพราะเสื้อคลุมเป็นเครื่องหุ้มกายชิ้นเดียวที่เขามี เขาจะใช้สิ่งใดป้องกันความหนาวเมื่อนอนเล่า ถ้าเขาร้องขอความช่วยเหลือจากเรา เราก็จะฟังคำร้องขอของเขา เพราะเราเป็นผู้มีเมตตากรุณา
(อพย 22:27)
“เราเป็นพระยาห์เวห์ พระเจ้าผู้เมตตาและกรุณา ไม่โกรธง่าย เปี่ยมด้วยความรักมั่นคง และความซื่อสัตย์
(อพย 34:6)
เพราะพระยาห์เวห์ พระเจ้าของท่าน ทรงเป็นพระเจ้าผู้ทรงเมตตากรุณา พระองค์ไม่ทรงทอดทิ้งหรือทำลายท่าน ไม่ทรงลืมพันธสัญญาที่ทรงสาบานไว้กับบรรพบุรุษของท่าน (ฉธบ
4:31)
‘พระยาห์เวห์ตรัสว่า อิสราเอลที่เป็นกบฏเอ๋ย จงกลับมาเถิด เราจะไม่แสดงใบหน้าโกรธเกรี้ยวต่อท่าน เพราะเรามีเมตตากรุณา — พระยาห์เวห์ตรัส —เราจะไม่เก็บความโกรธไว้ตลอดไป (ยรม 3:12)
จงฉีกใจของท่าน มิใช่ฉีกเสื้อผ้า จงกลับมาหาพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน เพราะพระองค์ทรงเมตตาและกรุณา ไม่ทรงโกรธง่าย ทรงเปี่ยมด้วยความรักมั่นคง ทรงสงสารและไม่ทรงลงโทษ (ยอล 2:13)
นี่คือข้อความที่ปรากฎในพันธสัญญาเดิมที่พระเจ้าตรัสด้วยพระองค์เองผ่านทางบรรดาประกาศก
ผ่านทางผู้ส่งสารของพระองค์ ว่า พระองค์ทรงมีพระทัยเมตตากรุณา
มนุษย์อย่าได้กลัวพระองค์ มนุษย์อย่าได้หลบซ่อนจากพระองค์
เพราะความรักต่อมนุษย์มีมากมาย พระองค์ทรงเมตตา โดยเฉพาะคนบาป โดยเฉพาะคนที่รู้ตัวว่าไม่มีใคร
พระองค์เมตตาทุกคน
ในชีวิตของพระเยซูเจ้า พระองค์แสดงออกถึงความรักและความเมตตากรุณาเสมอ
ทั้งในวาจาที่สอนและกิจการที่ทรงกระทำ
จงไปเรียนรู้ความหมายของพระวาจาที่ว่า ‘เราพอใจความเมตตากรุณา มิใช่พอใจเครื่องบูชา ’ (มธ 9:13)
เจ้าต้องเมตตาเพื่อนผู้รับใช้ด้วยกัน เหมือนกับที่ข้าได้เมตตาเจ้ามิใช่หรือ’ (มธ 18:33)
จงเป็นผู้เมตตากรุณาดังที่พระบิดาของท่านทรงพระเมตตากรุณาเถิด (ลก
6:36)
ทุกสิ่งจึงขึ้นกับพระเมตตาของพระเจ้า ไม่ขึ้นกับความตั้งใจหรือความอุตสาหะของมนุษย์ (รม
9:16)
แต่พระเจ้าทรงเปี่ยมด้วยพระเมตตา ทรงสำแดงความรักยิ่งใหญ่ต่อเรา (อฟ 2:4)
ทำไมพระเจ้าจึงเมตตามนุษย์
ทั้งๆที่มนุษย์ได้ทำบาป? เหตุผลหรือสิ่งที่เราสามารถพูดได้ก็คือ
เพราะพระองค์ทรงรักมนุษย์ พระองค์ปรารถนาให้มนุษย์กลับมาหาพระองค์ อยู่กับพระองค์
บาปที่มนุษย์ทำ ไม่ได้มากมายไปกว่าความรักของพระเจ้าที่ทรงเมตตาต่อมนุษย์
พระองค์ทรงเมตตาต่อมนุษย์
มิใช่เพื่อให้มนุษย์ทำบาป ซ้ำแล้ว ซ้ำอีก พระองค์เมตตาและให้อภัยมนุษย์เพื่อให้มนุษย์ได้ตระหนักและเข้าใจว่า
การทำบาปนั้นเป็นการทำให้พระเจ้าเจ็บปวด และให้มนุษย์รู้ว่า
ความรักของพระเจ้ามีค่ามากกว่าการที่จะกระทำบาป
“เราก็ไม่ลงโทษท่าน
ไปเถิดและอย่าทำบาปอีก” (ยน 8:11) นี่คือถ้อยคำที่พระเยซูเจ้าตรัสออกมาเพื่อให้หญิงผู้หนึ่งได้รับรู้ว่า
บาปทำร้ายตัวเองและทำลายความสัมพันธ์กับพระเจ้า และบาปนำมาซึ่งความตาย
แต่ความเมตตาของพระเจ้าที่แสดงออกผ่านทางการให้อภัย นำไปสู่การเริ่มต้นชีวิตใหม่
ชีวิตที่ไม่อยู่ในบาป แต่เป็นชีวิตแห่งพระหรรษทานของพระเจ้า
มีชีวิตในหนทางของพระเจ้า
เพราะความรักความเมตตาของพระเจ้า เราจึงมีชัยบาปและความตาย
และ เต็มเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้ม
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น