BLOGGER TEMPLATES AND TWITTER BACKGROUNDS

วันอาทิตย์ที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2565

เสาร์ต้นเดือนกันยายน 2022

 บทเทศน์

3 กันยายน 2022

ความเชื่อในพระเจ้าจะต้องมีหลักฐาน

ตระหนักรู้ (Awareness)

พี่น้อง เรามาที่นี่ ในทุกวันเสาร์ต้นเดือน ที่นี่ ที่สองคอน เพราะที่นี่คือดินแดนแห่งมรณสักขี ดินแดนที่เต็มไปด้วยความเชื่อ และเลือดของผู้มีความเชื่อ

เรามาที่นี่เพื่อสรรเสริญพระเจ้า หรือ มาเพื่อยกย่องชาวบ้านกลุ่มหนึ่งที่ชื่อในพระเจ้าและยอมตายเพื่อพระเจ้า เรามาที่นี่เพราะเรารักพระเจ้า เราเชื่อในพระเจ้า หรือเรามาที่นี่ เพราะชาวบ้านกลุ่มหนึ่งยอมตายเพื่อความเชื่อในพระเจ้าเที่ยงแท้

มีเพียงพระเจ้าเท่านั้นที่ช่วยเราได้ มีเพียงพระเจ้า องค์เดียวเท่านั้นที่มีอำนาจสูงสุด ทรงฤทธิ์บันดาลทุกสิ่งได้

เป้าหมาย (Goal)

พี่น้อง เรามาเพื่อมองดูชีวิตของชาวบ้านกลุ่มหนึ่งที่เชื่อมั่น รัก ศรัทธา นับถือพระเจ้าแต่เพียงพระองค์เดียว  จุดสุดยอดของการมาที่นี่ เพื่อมาดูชีวิตความเชื่อของเราด้วยว่า เราความเชื่อในพระเจ้าของเรานั้นเป็นอย่างไร? เราเชื่อในพระนาม “เยซู” พระเจ้าของเราสิ้นสุดจิตใจ สุดกำลัง สุดสติปัญญา สุดวิญญาณของเราไหม?  สุดจิตสุดใจไหมในการเชื่อในพระเจ้า ในความไว้วางใจต่อพระเจ้า สุดจิตสุดใจไหมที่จะยอมให้พระเจ้าทำงานในชีวิของเรา

ความเชื่อของเราที่มีต่อพระเจ้าก็คือ พระเจ้าทรงเป็นพระเจ้าองค์เดียว แต่มีสามพระบุคคล คือ พระบิดา พระบุตร พระจิตเจ้า เท่าเทียมกันแต่แตกต่างกัน สามเป็นหนึ่งเรียกว่าพระตรีเอกภาพ

พระเจ้าพระบิดาผู้ทรงสร้างสรรพสิ่ง ทรงฤทธานุภาพสูงสุดเหนือสิ่งอื่นใด พระบุตรทรงไถ่เรา ช่วยเราให้รอดพ้นจากบาปและความตาย นำชีวิตมาให้เรา พระจิตเจ้า  ทรงนำทางเรา ทำให้เราเข้าใจในพระเจ้า

พระเยซูเจ้าทรงเปิดเผยให้เราทราบว่า พระเจ้าทรงเป็นพระบิดา ทรงเป็นเสมือน “พ่อ”ของเรา พ่อที่รักลูก ห่วงใยลูก และดูแลลูกๆ ของพระองค์

พระเยซูเจ้าทรงเปิดเผยว่า พระองค์ทรงเป็นบุตร ทรงเป็นบุตรมาเพื่อช่วยเราทุกคนให้กลับไปหาพระบิดา ช่วยเราให้คืนดีกับพระองค์

พระเยซูเจ้าเปิดเผยว่า พระจิตเจ้าทรงเป็น พระผู้บรรเทา เป็นพระผู้ช่วยเหลือ ทรงเป็นความจริง และเป็นผู้ที่จะอยู่กับเรา ในชีวิตของเราตลอดไป

นี่คือความเชื่อ นี่คือข้อความเชื่อที่เป็นแก่นแท้ เป็นหนึ่งเดียว ไม่เปลี่ยนแปลง เราคริสตชน เชื่อในพระเจ้าจริงแท้ เที่ยงแท้ ไหม?

ในจดหมายของคุณแม่อัสแนส “ศาสนาพระคริสตเจ้าเป็นศาสนาจริงเที่ยงแท้ แต่ศาสนาเดียว” นี่คือคำพูดของซิสเตอร์ที่เชื่อในพระเจ้า

“เขาให้เฮาปะศาสนา แต่บุญราศีเขาบ่ปาก บ่ยอม เฮ็ดจั่งใดกะบ่ยอม บ่ยอมกะให้ไปข้ามทาง บ่ไป สิไปป่าศักดิ์สิทธิ์ เอ้า ป่าศักดิ์สิทธิ์กะป่าศักดิ์สิทธิ์

คำพูดของยายพาดี ว่องไว ที่พูดในรายการ ตามรอยศรัทธาตามรอยศรัทธา ตอนที่ 18 ออกอากาศ 7 ธันวาคม 56  การดู 19,847 ครั้ง

1 ธ.ค. 2013


ความเชื่อต้องมีหลักฐาน

บุญราศีได้รับการรับรองและแต่งตั้ง สถาปนา เพราะว่าชีวิตแห่งความเชื่อของท่านมีหลักฐาน มีพยานยืนยัน โดยเฉพาะหลักฐานที่แสดงออกมาในสถานการณ์แห่งความเป็นความตาย

ขอยกตัวอย่าง

ครูสีฟองพูดว่า “น่ากลัวเราจะต้องตาย เพราะไม่ยอมทิ้งศาสนาเป็นแน่”  ก่อนเดินทางไปพบนายอำเภอ

นางสาวบุดสี อายุ 16 ปี “อย่าดึงนะ ตายครั้งเดียวเพื่อความเชื่อฉันไม่กลัว” ยืนขึ้นคนเดียวไม่ทิ้งศาสนาเมื่อตำรวจถาม

ซิสเตอร์ลูชีอา คำบาง พูดกับซิสเตอร์อักแนส พิลา ว่า “ตนทนต่อไปไม่ได้อีกแล้ว ถ้าอย่างไรก็ขอยอมตายเพื่อพระศาสนาดีกว่า จะต้องสวมชุดนักบวชต่อไปตามเดิม ถ้าต้องตายก็ขอให้ตายในชุดนักบวช เรามาเป็นมรณสักขีกันเถิด”

นางสาวบุดสีว่า “ลาไปละป้า...ลาก่อนนะน้า...ลาละนะพี่” “จะไปสวรรค์” หลังจากส่งจดหมาย

แม่พุดทา “พวกเรามากินของของโลกนี้เป็นครั้งสุดท้าย แล้วเราจะได้ไปกินของของสวรรค์กัน”

ซิสเตอร์ทั้งสองตอบพร้อมกันว่า “ไม่มีวัน เราจะไม่มีวันทิ้งพระเจ้าโดยเด็ดขาด”

ซิสเตอร์อักแนส พิลา ร้องบอกว่า “เชิญยิงเถิด พวกเราพร้อมแล้ว”

คำพูดเหล่านั้น เป็นคำพูดของคนที่มีความเชื่ออย่างแท้จริง เป็นคำพูดที่เป็นพลัง และเป็นคำพูดที่สร้างแรงบันดาลใจ กระตุ้นจิตใจด้วยความเข้มแข็ง

คนไม่มีความเชื่อจะพูดออกมาได้ไหม? คงคิดไม่ได้ คงพูดไม่ออก คงจะเต็มไปด้วยความหวาดกลัว คงจะนิ่งอื้งไป

“ท่านทั้งหลายอย่าวิตกกังวลว่าจะหาเหตุผลป้องกันตัวอย่างไรหรือจะพูดอะไร เพราะพระจิตเจ้าจะทรงสอนท่านในเวลานั้นว่าจะต้องพูดอะไร” (ลก 12:12)

จากข้อความในจดหมาย

ฉันขอยังยืนว่าพระคริสตเจ้าเป็นศาสนาจริงเที่ยงแท้ แต่ศาสนาเดียว

ท่านถือตามรับสั่งของรัฐบาล  ฉันก็ถือตามพระบัญญัติของพระผู้เป็นเจ้า 

เราถือว่าเป็นผลงานของพระจิตเจ้าที่ทำให้คุณแม่อักแนสเขียนออกมาเป็นตัวหนังสือเพื่อให้ตำรวจลือได้รู้ว่า คุณแม่เชื่ออะไร คิดอะไร แน่นอนว่า ทุกคนคงแปลกใจว่า ทำไมคุณแม่ถึงกล้าเขียนออกมาเช่นนั้น กล้าที่จะยืนยัน ต่อหน้าสถานการณ์แห่งความเป็นและความตาย



หลักฐานชีวิตบุญราศี คือ การดำเนินชีวิตในความเชื่อจนถึงที่สุด จนวาระสุดท้ายของชีวิต นั่นคือ ตายในความเชื่อ ตายเพราะความเชื่อ

กว่าจะตายในความเชื่อได้ แน่นอว่า การดำเนินชีวิตจะต้องเข้มข้น และมีความเชื่อ เพราะเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม จึงไม่ลังเลใจที่จะแสดงออกถึงความเชื่อในพระเจ้า แม้จะต้องตายก็ตาม เพราะความตายสำหรับคริสตชนเป็นการเริ่มต้นชีวิตใหม่ในพระเจ้า

คนหนึ่งจะยอมตายเพราะความเชื่อในพระเจ้า ทั้ง ๆ ที่ตัวเองไม่เคยปฏิบัติตนตามความเชื่อ คงเป็นไปไม่ได้

 

หลักฐานความเชื่อของชีวิตคริสตชนของเราคืออะไร?

ก็คือ การดำเนินชีวิตในความเชื่อของเรา ในแต่ละวัน ๆ ที่เราดูเหมือนว่าเป็นการดำเนินชีวิตที่ไม่มีอะไรเลย  สวดภาวนาตอนตื่นนอน (ง่ายๆ) สวดภาวนาก่อนกินข้าว (ง่ายๆ) ไปวัดตอนเช้าวันธรรมดา ไปวัดในวันอาทิตย์ (ง่าย ๆ) ใคร ๆ ก็ปฏิบัติได้ ใคร ๆ ก็ทำได้ หรือแม้แต่การถือปฏิบัติตามบทบัญญัติ กิจศรัทธาต่าง ๆ และพิธีกรรมในชีวิตพระศาสนจักร ง่าย ๆ ไม่ยากเลย  แต่ถามว่า เราทำสม่ำเสมอไหม?  เราทำเหมือนเป็นชีวิตของเราไหม?

พี่น้องสิ่งเหล่านี้แหละที่ทีละเล็กทีละน้อย หล่อหลอมความเชื่อของเราให้เติบโตและเข้มแข็ง สิ่งธรรมดา ๆ ที่เป็นชีวิตของเราแบบนี้แหละที่ทำให้เรามีพลัง มีรากฐานที่มั่นคง

เรามาทุกเดือนที่นี่เพื่อหล่อหลอมความเชื่อของเราให้เติบโตและเข้มแข็ง จนสักวันหนึ่งเราจะสามารถยืนหยัดและยืนยันความเชื่อของเราได้อย่างเข้มแข็งเหมือนกับท่านบุญราศี

สรุปแล้ว หลักฐานความเชื่อของชีวิตคริสตชนของเรา ก็คือ การดำเนินชีวิตประจำวันที่เชื่อในพระเจ้า นั่นเอง

เรื่องเล่าประกอบ

มีปู่กับหลานอาศัยในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง วันหนึ่งหลานวิ่งมาหาปู่ และถามคำถามปู่ว่า “คุณปู่ครับ คุณปู่รู้หรือไม่ว่า ในมือของผม ผมกำอะไรไว้” ปู่ก็บอกว่า “เอามาดูใกล้ๆ ซิ” หลานก็ยื่นมือให้ปู่ ปู่ได้ยินเสียงร้องของนกน้อย ปู่จึงบอกว่า “เป็นนกน้อยใช่ไหม?” หลานทำหน้าเศร้า ก็บอกว่า “ทำไมคุณปู่ถึงทายถูก” ปู่ก็ยิ้ม หลานอยากจะเอาชนะปู่ ก็เลยถามอีกว่า “นกตัวนี้ มันตายหรือมีชีวีต”  ปู่นิ่งคิดสักครู่ และตอบว่า “มันตายแล้ว” หลานยิ้มและแบมือออก นกน้อยตัวนั้นก็บินไป หลานบอกว่า “ปู่ตอบไม่ถูก ปู่แพ้แล้ว” ปู่ก็ได้แต่ยิ้ม หากบอกว่านกมีชีวิตอยู่หลานก็คือบีบ กำมือแน่น นกคงต้องตายแน่นอน

พี่น้อง ชีวิตของเรา เรามีเป้าหมายคือ การมีชีวิต มือของเราสามารถทำให้เรามีชีวิตได้ ความเชื่อที่มีหลักฐาน ความเชื่อที่มีการกระทำ ความเชื่อที่ลงมือปฏิบัติทำให้เรามีชีวิตได้ ไม่ใช่แค่โลกนี้ แต่ยังหมายถึงชีวิตนิรันดรอีกด้วย

การทำความดี การทำบุญ เป็นธรรมชาติของมนุษย์ เป็นความโน้มเอียงโดยธรรมชาติของเราอยู่แล้ว แต่ที่เหนือกว่านั้นคือ การดำเนินชีวิตในความเชื่อที่มีต่อพระเจ้า เพราะความเชื่อในพระเจ้าทำให้เราสามารถทำความดี สร้างบุญกุศล โดยตระหนักว่าที่เราทำมิใช่เพื่อผลตอบแทน แต่เราทำเพราะเราเชื่อในพระเจ้า เราทำเพราะเรารักพระเจ้า เราทำเพราะพระเจ้ารักเรา

ชีวิตความเชื่ออยู่ในมือเรา อย่าทำให้ความเชื่อตายด้วยมือของเรา ด้วยการกำสิ่งอื่นแน่นๆ กำเงิน กำหน้าตา กำศักดิ์ศรี กำบาป กำความเฉยชา กำการกินการดื่ม ไว้แน่น จนลืมแม้แต่จะแบมือออกยกขึ้นทำสำคัญมหากางเขน จนลืมแบมือออกที่จะไหว้พระเจ้า

สรุป

มาสองคอนได้อะไร

1. ความเชื่อต้องเข้มแข็งขึ้น

2. มีความกล้าหาญมากขึ้น กล้าที่จะดำเนินชีวิตคริสตชนอย่างเข้มข้น

มาสองคอน

มาดู  ดูชีวิตที่เกิดขึ้น ดูหลุมศพ ดูภาพชีวิต

มาฟัง ฟังเรื่องราวความกล้าหาญ ฟังเรื่องราวชีวิตประวัติ

มีความเชื่อ เชื่อในพระเจ้า ไม่ใช่เชื่อในบุญราศี