BLOGGER TEMPLATES AND TWITTER BACKGROUNDS

วันอังคารที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2563

13 ตุลาคม

 บทไตร่ตรอง










13 ตุลาคม

เด็ก 3 คนเห็นแม่พระประจักษ์มาตามสัญญาเป็นครั้งสุดท้าย

ประชาชนจำนวนนับหมื่นเห็นอัศจรรย์บนท้องฟ้า

และทุกคนเชื่อในพระเจ้า

พร้อมที่จะทำตามสิ่งที่แม่พระบอกก็คือ สวดสายประคำ


13 ตุลาคม

ประชาชนชาวไทยร่ำไห้ เพราะในหลวง ร.๙ สวรรณคต

สายฝนโปรยปรายจากท้องฟ้า ประชาชนทุกคนร่ำร้อง

ทุกคนภาวนา ทุกคนเสียใจ ทุกคนระลึกถึงพระองค์ท่าน

ทุกคนพร้อมกันตั้งจิตปณิธาณว่า

จะสานต่องานของพระองค์ท่านด้วยห้วใจที่ยังระลึกถึง

จะสานต่อความรักที่พระองค์มอบให้ทุกคนต่อกันและกัน


13 ตุลาคม

จึงเป็นวันที่ทุกคนมีหัวใจเดียวกัน ร่วมกัน เป็นหนึ่งเดียวกัน

ความรัก ความสามัคคี และความคิดถึง

ความตั้งใจและคำสัญญา

ที่จะทำ ที่จะดำเนินชีวิต

ตามแบบอย่าง ตามความดี ตามรอยแห่งความรัก

ของผู้เป็น

 "พ่อของแผ่นดิน"

วันเสาร์ที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2563

วันอาทิตย์สัปดาห์ที่ 22 เทศกาลธรรมดาปี A

 บทเทศน์



พระเยซูเจ้าทรงตรัสว่า  

1. พระองค์จะรับทรมานจากผู้อาวุโส หัวหน้าสมณะ และธรรมาจารย์

2. พระองค์จะถูกประหารชีวิต

3. พระองค์จะกลับคืนชีพในวันที่สาม


เปโตร ทัดทาน

1. เหตุการณ์นี้จะไม่เกิดขึ้นกับพระองค์

2. ยืนยันอย่างแน่นอน


พระเยซูเจ้า เตือนสติ

1. เจ้าถอยไปข้างหลัง

2. เจ้าเป็นเครื่องกีดขวาง

3. เจ้าไม่คิดอย่างพระเจ้า

4. เจ้าคิดอย่างมนุษย์


พระเยซูเจ้า เชื้อเชิญและท้าทาย

1. ถ้าอยากตามเรา จงเลิกคิดถึงตนเอง

2. ถ้าอยากตามเรา จงแบกไม้กางเขนของตน

3. ถ้าอยากตาม จงตามเรามา


นี่คือรูปแบบชีวิตของพระเยซูเจ้า พระเจ้าต้องการจะบอกกับเราคริสตชนทุกคนว่า พระองค์ทรงเป็นผู้ช่วยให้รอด พระองค์เสด็จมาก็เพื่อช่วยมนุษย์ให้รอดพ้น ในแผนการของพระองค์  พระองค์วางแผนการช่วยไว้นั่นคือ ส่งพระบุตรลงมาบังเกิด และนำมนุษย์ไปพบพระองค์

ดูเหมือนว่า หนทางที่พระเยซูเจ้าทรงทำนั้น เป็นหนทางที่เข้าใจยากมาก ตามประสามนุษย์ พระเยซูเจ้าเป็นพระผู้ช่วยจะรับทรมานได้อย่างไร? พระเจ้าจะตายได้อย่างไร? พระเจ้าจะกลับคืนชีพเป็นไปได้อย่างไร?


มนุษย์มองไม่เห็นถึงแผนการที่จะเกิดขึ้น จึงพูดและทำตามสิ่งที่ตนเองเข้าใจ เปโตรทัดทานพระเยซูเจ้าว่า จะไม่ได้เกิดขึ้น จะปกป้องพระองค์ พระองค์จะต้องอยู่ช่วยมนุษย์ให้รอดพ้น เขาเข้าใจในวิถีของตนเอง ตามขอบเขตของมนุษย์


เรามักจะมองเช่นนี้ ไม่เข้าใจพระเจ้า ไม่เข้าใจวิธีการและหนทางของพระองค์ เมื่อไม่เข้าใจจึงดำเนินชีวิตตามหนทางของตนเอง ตามใจตนเอง ความวุ่นวาย ความสับสนจึงเกิดขึ้น


จึงเป็นการดีที่เราจะแสวงหาความเข้าใจในพระประสงค์ของพระเจ้า เข้าใจในแผนการของพระเจ้าในชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะในความทุกข์ยาก ปัญหา อุปสรรคในการดำเนินชีวิต หรือแม้แต่ความลำบากภายใน

จึงเป็นการถูกต้องที่เราจะต้องมองดูพระเจ้า มองดูวิธีของพระเจ้าในชีวิตประจำวันของเรา


หากเราทำตามใจตนเอง ก็เท่ากับว่า เรากำลังขัดขวางแผนการของพระเจ้า เหมือนกับเปโตรขัดขวางว่าจะไม่ให้พระเยซูเจ้าประสบเช่นนี้แน่นอน 

หากเราทำตามใจตนเอง ก็เท่ากับว่า เราไม่ได้ติดตามพระเยซูเจ้า ที่พระองค์บอกให้เราแบกไม้กางเขน เลิกคิดถึงตัวเอง และให้ตามพระองค์ 


หากเราทำตามใจตัวเอง พระเยซูเจ้าก็ไม่จำเป็นต้องมาไถ่บาป ไม่จำเป็นต้องมาช่วยเราให้รอดพ้น เพราะการทำตามใจตัวเองนี่แหละ ที่ทำให้เราจมอยู่ ยึดติด และจุ่มตัวเองในความไม่ถูกต้อง


จงฟื้นฟูความคิดขึ้นใหม่ เพื่อจะได้วินิฉัยว่า สิ่งใดเป็นพระประสงค์ สิ่งใดดี สิ่งใดเป็นที่พอพระทัย


วันอาทิตย์ที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2563

สมโภชพระวรกายและพรโลหิตของพระคริสตเจ้า 2020


สมโภชศีลมหาสนิท





ภาพจากพิพิธภัณฑ์มหาวิหารลาเตรัน กรุงโรม อิตาลี ปี 2010


พี่น้องที่รัก สิ่งสำคัญสำหรับมนุษย์ที่เป็นสัตสังคม ที่เป็นชุมชน ที่เป็นหมู่คณะก็คือ ความเป็นหนึ่งเดียว
ในกลุ่มเล็กๆ ที่สุดของความเป็นหมู่คณะ ที่เราเรียกว่า ครอบครัว ก็ยังต้องการความเป็นหนึ่งเดียวกัน
"ความเป็นหนึ่งเดียวกัน" จึงเป็นเสมือนคำพูดที่มีความหมายและในทางปฏิบัติเป็นสิ่งที่ล้ำค่ามาก
ครอบครัวใด สังคมใด ชุมชนใด ประเทศชาติใด มีความเป็นหนึ่งเดียวกัน ก็เท่ากับความเจริญรุ่งเรือง

เมื่อแรกเริ่ม พระเจ้าทรงสร้างมนุษย์มาเพื่อให้มนุษย์เป็นหนึ่งเดียวกับพระองค์ สิ่งสร้างเป็นหนึ่งเดียวกับ
พระผู้สร้าง แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกลับตรงกันข้าม สิ่งสร้างแยกตนเองออกจากผู้สร้าง เสมือนลูกที่พยายามแยก
ตัวเองออกจากครอบครัว หนีจากพ่อแม่

แต่ความเป็นหนึ่งเดียวของพระผู้สร้างกับสิ่งสร้างยังคงฝังลงในแก่นแท้ของสิ่งสร้าง..

พระเจ้าทรงพระบุตรมารับสภาพมนุษย์ เป็นสิ่งสร้างใหม่ที่มีพื้นฐานอยู่ในความเป็นหนึ่งเดียวกับพระเจ้า
และทรงสอนมนุษย์ให้เป็นหนึ่งเดียวกับพระผู้สร้างด้วย เพื่อมนุษย์จะได้รอดพ้น

"กิ่งก้านใด ไม่ติดกับลำต้น ก็จะเหี่ยวแห้งไป"  "หากปราศจากเรา ท่านไม่สามารถทำอะไรได้เลย"

พระเยซูเจ้าให้เครื่องหมาย เพื่อแสดงออกถึงความเป็นหนึ่งเดียวกับพระเจ้าและความเป็นหนึ่งเดียว
ในหมู่มนุษย์ นั่นคือ "ศีลมหาสนิท" 

พระองค์ตรัส จงทำดังนี้เพื่อระลึกถึงเรา..

การรับศีลมหาสนิทจึงเป็นเสมือนการเริ่มต้น และหล่อเลี้ยงความเป็นหนึ่งเดียวกับพระเจ้า พระองค์จะทำให้เรากลายเป็นเสมือนสิ่งสร้างใหม่ของพระองค์

ศีลหาสนิท จึงกลายเป็น ศีลแห่งความเป็นหนึ่งเดียวกันอย่างแท้จริง

หนทางที่ทำให้เราเป็นหนึ่งเดียวกับพระเจ้า

1. การรับศีลมหาสนิท

2. การฟังเสียงของพระเจ้า

3. การปฏิบัติตามบทบัญญัติ

4. การภาวนา

5. การรักกันและกัน



วันพฤหัสบดีที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2563

15 ปี ชีวิตสงฆ์


15 ปี ชีวิตสงฆ์

4 มิถุนายน 2005 - 4 มิถุนายน 2020









นั่งรำพึงถึงชีวิตสงฆ์

1.      พระสงฆ์เป็นอัครสาวกยุคปัจจุบัน ที่ต้องทำหน้าที่เหมือนอัครสาวกในการประกาศข่าวดี

2.      พระสงฆ์ได้รับการเรียกจากพระเจ้าและตอบรับการเรียก

3.      พระสงฆ์ตอบรับการเรียกของพระเจ้าและอุทิศตนเองติดตามกระแสเรียก

4.      พระสงฆ์เป็นมนุษย์ที่ทำหน้าที่ของพระคริสตเจ้า

5.      พระสงฆ์เป็นรูปแบบชีวิตของพระคริสตเจ้า

6.      พระสงฆ์มีชีวิตจิตในความเป็นหนึ่งเดียวกับพระเจ้า

7.      พระสงฆ์สอนในสิ่งที่พระเยซูเจ้าสอน

8.      พระสงฆ์ประกาศในสิ่งที่พระจิตเจ้านำทาง

9.      พระสงฆ์เป็นมือ เป็นใจของพระเยซูเจ้า

10.  พระสงฆ์แห่งพระวาจาและศีลมหาสนิท

11.  พระสงฆ์จำเป็นต้องภาวนาอยู่เสมอ

12.  พระสงฆ์ฟังเสียงของพระเยซูเจ้า

13.  พระสงฆ์ทิ้งน้ำใจตัวเองเพื่อเลือกน้ำพระทัยของพระเจ้า

14.  พระสงฆ์ถือความนบนอบเป็นที่หนึ่งเหมือนพระเยซูเจ้าทรงนบนอบต่อพระบิดา

15. พระสงฆ์เป็นผู้รับใช้พระเจ้าและเพื่อนมนุษย์


คิดไป คิดมา

1.      ความสุขของพระสงฆ์ คือ ความนบนอบและซื่อสัตย์ต่อกระแสเรียกจนตลอดชีวิต

2.      ความสง่างามของพระสงฆ์ คือ ความสุภาพ ความถ่อมตน และใจเมตตา

3.      สมบัติของพระสงฆ์ไม่ใช่เงินทอง สิ่งของภายนอก แต่เป็นการสะสมฤทธิ์กุศล คุณธรรมต่างๆ มากกว่า

4.      แหล่งที่มาแห่งพลังของสงฆ์ คือ พระวาจา ศีลมหาสนิท การภาวนา และการอยู่ท่ามกลางสัตบุรุษ

5.      ตัวตนของพระสงฆ์จะค่อยๆ หมดไปผ่านทางการภาวนา การเลียนแบบชีวิตของพระคริสตเจ้า

6.      การรับใช้ในชีวิตสงฆ์เป็นเหมือนพระพรของพระเจ้าที่ส่งมอบไปยังทุกคนผ่านทางพระสงฆ์


วันอาทิตย์ที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2563

สมโภชพระจิตเจ้า 2020

บทเทศน์


ในวันเปนเตกอสเต..พระจิตเจ้าเสด็จลงมายังบรรดาศิษย์ที่ชุมนุมกันในห้อง สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ
1. มีเสียงจากฟ้าเหมือนเสียงลมแรงกล้า
2.เขาเห็นเปลวไฟลักษณะเหมือนลิ้นแยกอยู่เหนือศีรษะทุกคน
3.เขาพูดภาษาอื่นๆตามที่พระจิตเจ้าประทานให้พูด
4. ประกาศกิจการยิ่งใหญ่ของพระเจ้า


ประเด็นสำคัญคือ

เมื่อได้รับพระจิตเจ้าแล้ว บรรดาศิษย์มีความกล้าหาญที่จะเป็นพยานยืนยันถึงพระเยซูเจ้า ด้วยการ "พูด" ด้วยการ "ประกาศ" โดยไม่กลัวสิ่งใด

ย้อนไปอาทิตย์ที่แล้ว พระเยซูเจ้าเสด็จสู่สวรรค์ พระองค์ตรัสสั่งบรรดาศิษย์ให้ไปทั่วโลกประกาศพระนามของพระองค์

ดังนั้น การประกาศถึงพระเยซูเจ้าจึงเป็นสิ่งที่สำคัญมาก  การพูดถึงพระเจ้าจึงเป็นหน้าที่ของคริสตชนทุกคน โดยไม่มีใครละเว้น

พระจิตเจ้าจะนำเรา จะพาเรา และจะทำให้เราเข้าใจคำสอนของพระเยซูเจ้า เข้าใจพระประสงค์ของพระบิดาเจ้า

กิจการยิ่งใหญ่ของพระเจ้า คืออะไร

1. การกลับคืนพระชนมชีพ

2. ความรักขอพระเจ้า

นี่คือสิ่งที่เราจะต้องประกาศ

การกลับคืนชีพ หมายถึง ชัยชนะเหนือความตาย ชัยชนะเหนือบาป ชัยชนะเหนือความชั่วร้าย เพราะสิ่งเหล่านี้ไม่สามารถทำให้พระองค์เป็นเหมือนมันได้

ความรักของพระเจ้า นี่คือแก่นแท้ของพระเจ้าที่ทรงมีต่อมนุษย์  ความรักเหมือนกับพระเจ้า เป็นความรักยิ่งใหญมาก เกินกว่าที่จะคิดได้ แต่เราสามารถสัมผัสและเข้าใจได้




วันอาทิตย์ที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2563

สมโภชพระเยซูเจ้าเสด็จสู่สวรรค์ 2020


บทเทศน์


ภาพจาก Musei Vaticani

พี่น้องที่รัก เรายังคงอยู่ในบรรยากาศของการกลับคืนพระชนมชีพของพระเยซูเจ้า และสัปดาห์นี้เป็นสัปดาห์ที่ 7 ในเทศกาลปัสกาและเราทำการสมโภชพระเยซูเจ้าเสด็จสู่สวรรค์ ซึ่งเป็นเวลาที่เหมาะสมที่เราจะคิด ไตร่ตรองถึงชีวิตของเรา

หลังจากที่พระเยซูเจ้าทรงกลับคืนพระชนมชีพแล้ว พระองค์เสด็จไปที่ต่างๆ เพื่อให้บรรดาศิษย์ได้เห็น ได้สัมผัสพระองค์ เพื่อเขาจะได้เป็นพยานถึงการกลับคืนพระชนมชีพของพระองค์ และที่สำคัญคือ เพื่อเขาจะได้เข้าใจด้วยตัวของเขาเองว่า พระเยซูเจ้ากลับคืนพระชนมชีพแล้ว

เมื่อคนหนึ่งมีประสบการณ์กับพระเยซูเจ้าอย่างชัดเจนและลึกซึ้ง เขาก็จะมีคามเชื่อมั่นอย่างเปี่ยมล้น เต็มเปี่ยมในการที่จะยืนยันสิ่งที่เกิดขึ้นในความเชื่อของเรา ด้วยความกล้าหาญ เข้มแข็งและไม่หวั่นกลัว

บรรดาศิษย์ได้สัมผัสพระเยซูเจ้าผู้ทรงกลับคืนพระชนมชีพ เขาได้เข้าใจและเชื่อมั่น ในคำสอนและในพระวาจาของพระองค์ ที่สำคัญคือ เขาวางในในหนทางของพระองค์ และถือว่าหนทางที่พระองค์ทรงนำมาให้แก่พวกเขานั้นเป็นหนทางที่แท้จริงที่จะนำพวกเขาไปพบกับพระเจ้า

วันนี้ พระเยซูเจ้าเสด็จสู่สวรรค์ พระวรสารนักบุญมัทธิวได้บันทึกไว้ เป็นคำสั่งของพระเยซูเจ้าว่า

"ท่านทั้งหลายจงไปสั่งสอนนานาชาติให้มาเป็นศิษย์ของเรา" การประกาศพระวรสารเป็นหน้าที่ของเราทุกคน การประกาศข่าวดีเป็นธรรมชาติของคริสตชน ข่าวดีแห่งการกลับคืนพระชนมชีพของพระเยซูเจ้า ข่าวดีแห่งการช่วยให้รอดพ้นจากบาปและความตาย ข่าวดีที่มนุษย์สามารถเข้าถึงพระเจ้าได้  ประกาศแก่ทุกคน ที่อยู่รอบข้าง ใกล้ไกล คนที่ไม่รู้จักพระองค์

"จงสอนเขาให้ปฏิบัติตามคำสั่งทุกข้อที่เราให้แก่ท่าน"  คำสอนของพระเยซูเจ้า นำทุกคนไปสู่ชีวิต เป็นชีวิตนิรันดร คำสอนของพระองค์ คือ ความรัก พระเจ้าทรงรักมนุษย์ และมนุษย์จะต้องรักกันและกันเหมือนความรักของพระเจ้า สอนทุกคนให้รู้จักความรักที่แท้จริง ความรักของพระเจ้าในชีวิตของมนุษย์ เป็นสิ่งที่เราทุกคนจะต้องสอนและบอกด้วยชีวิตของเรา

"เราอยู่กับท่านทุกวันตลอดไปตราบจนสิ้นพิภพ"  เป็นคำสัญญาของพระเจ้าที่กลายเป็นพันธสัญญาที่เป็นจริง ไม่มีหลอกลวง ไม่ต้องสงสัย พระเจ้าอยู่กับเราในทุกสถานการณ์ของชีวิต ให้มั่นใจในความรัก ให้ไว้ใจในหนทางของพระองค์ พระองค์อยู่เคียงข้างเรา ช่วยเหลือ ปกป้อง คุ้มครอง อยุ่กับเราเสมอ

"อยู่กับเรา"  เป็นคำที่มีความหมายมากที่สุด ไม่ว่าจะสุข หรือ ทุกข์ ไม่ว่าจะยากลำบาก หรือ มีปัญหาใดใด  มีผู้หนึ่งที่อยู่  ที่เคียงข้าง ที่ใกล้ชิด ไม่ถอยห่าง


พระเจ้าอยู่กับเราตลอดไป

วันพุธที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563

พุธรับเถ้า 2020

ไตร่ตรอง


กางเขนที่หน้าผาก ทำไมจึงเป็นกางเขนสีดำ
คำตอบคือ กางเขนแห่งการไถ่บาปด้วยความรักที่ต้องผ่านความทุกข์ยากลำบาก ผ่านการทดลองทั้งภายในและภายนอก เป็นกางเขนที่เราจะต้องจดจำเสมอว่า เราเป็นเพียงฝุ่นดิน เราเป็นเพียงสิ่งสร้างที่ถูกสร้างขึ้นมาจากผงคลีดิน และจะกลับเป็นดินดังเดิม 

เริ่มต้นเทศกาลมหาพรตด้วยการตระหนักว่า “สิ่งใดสำคัญที่สุดในชีวิต” อาหารหรือ? น้ำดื่มหรือ? เสื้อผ้าหรือ? โทรศัพท์มือถือหรือ? สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงสิ่งภายนอก เป็นเพียงเครื่องประกอบของชีวิต เราสามารถตัดขาดจากสิ่งเหล่านี้ได้ หากขาดส่วนประกอบ เราก็สามารถที่จะอยู่ได้ เพราะมีสิ่งอื่นมาทดแทน
สำหรับคริสตชน สิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตก็คือ “พระเจ้า” นี่คือแก่นของชีวิต ไม่ใช่ส่วนประกอบ ไม่ใช่องค์ประกอบ ไม่ใช่ส่วนผสม แต่เป็นแก่นของชีวิตที่ขาดไม่ได้ เป็นแก่นที่ทำให้ชีวิตมีชีวิต พระเจ้ามนุษย์ไม่สามารถมองเห็นได้ มนุษย์ไม่สามารถที่จะเผชิญแบบหน้าต่อหน้าได้

แต่.. มีหนทางที่พระเจ้ามอบให้มนุษย์เพื่อที่จะเข้าถึงพระองค์ ทางนี้ได้รับการเปิดเผยจากพระบุตรของพระเจ้า คือ พระเยซูคริสตเจ้า พระองค์บอกมนุษย์ให้รู้จักทาง วีถีทางเพื่อมุ่งสู่แก่นแท้ของชีวิต สิ่งที่พระเยซูเจ้าบอกมนุษย์ก็คือ “จงรักกันและกันเหมือนอย่างที่พระเจ้าทรงรักเรา” เป็นคำพูดที่สั้นๆ ง่ายๆ เข้าใจได้ แต่เป็นทางแห่งชีวิตที่นำไปสู่ชีวิตแท้จริง

“รักกันและกัน” ทำได้ไหม? ในเทศกาลมหาพรต มนุษย์หรือคริสตชนจะต้องทำให้ได้ และทำให้ได้มากขึ้น รักตัวเอง เอาใจใส่ดูแลตัวเองไม่ใช่เอาใจตัวเองเป็นศูนย์กลาง

รักคนอื่น เอใจใส่ ห่วงใย สนใจ ไม่ใช่เอาคนอื่นเป็นศูนย์กลาง

รักคนรอบข้าง รักเพื่อน มิตรสหาย ทำได้ง่ายมากๆ

แต่.. รักศัตรู รักคนที่เกลียดชังเรา รักคนที่ใส่ร้ายป้ายสีเรา รักคนที่ไม่น่ารัก รักคนที่อยู่ฝ่ายตรงกันข้ามกับเรา รักและพร้อมทั้งให้อภัยด้วยในความผิดของเขา ทำได้ไหม?

หากคำตอบ คือ ยังทำไม่ได้ ยังรักไม่ได้ ยังให้อภัยไม่ได้.. ให้มองดู..พระเยซูเจ้ารักมนุษย์ที่ทำผิด ทำบาป คนที่ตบตี ใส่ร้าย ถมน้ำลายรด คนที่ทรมานพระองค์ คนที่ปฏิเสธพระองค์ พระองค์ให้อภัย..เพราะพระองค์ “รัก” มนุษย์ทุกคน

..ให้มองตัวเองจะเริ่มอย่างไร? จะเริ่มฝึกฝนคุณงามความดีนี้อย่างไร? ให้มองตัวเองและมองใจตัวเอง เราจะพบว่า “ไม่ยากเลยที่จะรัก เพราะเรามีความรักอยู่ในใจอย่างเต็มเปี่ยม”

วันจันทร์ที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563

โล่ผู้สนับสนุนการศึกษาเอกชน2020

เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2563
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ นางกนกวรรณ วิลาวัลย์ เป็นประธานกล่าวเปิดงานและมอบโล่สำหรับนักการศึกษาเอกชน ที่จังหวัดอุดรธานี




ว่าที่ร้อยตรีพูลศักดิ์ พระรัตภูมี รองศึกษาธิการจังหวัดบึงกาฬ รักษาการในตำแหน่งศึกษาธิการจังหวัดมุกดาหาร พร้อมภรรยา















วันอาทิตย์ที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563

สัปดาห์ที่ 5 เทศกาลธรรมดา A

บทเทศน์

พี่น้องที่รัก พระวาจาและศีลมหาสนิทเป็นพลังสำหรับชีวิตคริสตชนของเรา เรามาวัดทุกวันอาทิตย์เพื่อรับฟังพระวาจา และรับศีลมหาสนิท ซึ่งทำให้เราปรับตัวเองอาศัยศีลศักดิ์สิทธิ์นี้ให้ละม้ายคล้ายคลึงกับพระเจ้า คิด พูด ทำ มีจิตใจเหมือนกับพระองค์

ประกาศกอิสยาห์ เทศน์เตือนสอนและชี้แนวทางในการดำเนินชีวิตซึ่งแนวทางนี้มาจากพระเจ้า นั่นคือ การสนใจคนอื่น การเอาใจช่วยคนอื่น การหยิบยื่นให้ความช่วยเหลือแก่กันและกันโดยเฉพาะพี่น้องที่ต้องการความเดือนร้อน พี่น้องที่ด้อยโอกาส พี่น้องที่ขาดความรัก พี่น้องที่ต้องการทางด้านกายภาพ นั่นคือ การทำกิจเมตตาต่อคนอื่น

ประกาศกต้องการที่จะให้พระวาจาของพระเจ้าผลักดันพวกเขาให้ออกจากตัวเอง ไม่ให้เห็นแก่ตัว ไม่ให้เห็นแก่ความสะดวกสบายของตนเอง แต่เหลียวแลเพื่อนมนุษย์ เพราะตามสถานการณ์ของชาวอิสราเอลพวกเขาต้องดิ้นรนด้วยตนเองในการที่จะมีชีวิต ในการที่จะเอาตัวเองรอด ท่ามกลางทะเลทราย ท่ามกลางศัตรู แต่พระเจ้าบอกให้พวกเขาออกจากตัวเอง  ออกจากที่พักของตน เพื่อช่วยคนอื่นให้รอด เพราะนี่คือ พระประสงค์ของพระเจ้า นี่คือทางของพระเจ้า นี่คือ สิ่งที่พระเจ้าประสงค์ให้มนุษย์ทำต่อกันและกัน

นักบุญเปาโลกก็บอกกับเราด้วยเช่นกันว่า ไม่ว่าเราจะทำอะไร ให้เรามองไปที่กางเขนของพระคริสตเจ้า มองดูว่า บนกางเขนนั้นเต็มไปด้วยอะไร?  กางเขนเต็มไปด้วยความรัก เป็นความรักที่ไม่มีเงื่อนไขใดใด เป็นความรักเพื่อคนอื่น

หากเราดำเนินชีวิตอย่างดีแล้วท้อแท้ใจ ให้มองดูพระองค์ หากเราหาคำตอบว่าช่วยคนอื่นทำไม ให้เรามองที่กางเขนของพระองค์ เพราะไม่มีสิ่งใดที่เหนือกว่ากางเขนของพระคริสตเจ้าอีกแล้ว ที่นั่นพระพร และพละกำลังหลั่งไหลมาสู่ชีวิตของเรา

ในพระวรสาร พระเยซูเจ้าตรัสว่า ท่านเป็นเกลือดองแผ่นดิน และเป็นแสงสว่างส่องโลก นี่คือบทบาทและหน้าที่ของคริสตชน ที่จะต้องสำนึกและรับผิดชอบ ทำให้เป็นจริงในชีวิต

ดองสังคมด้วยความรักของพระเจ้าที่เรามี รักพระเจ้า และรักกันและกัน ให้ และรับ จากกันและกัน
แสงส่องสังคมด้วยความดีงามในพฤติกรรมและในหน้าที่ของเรา

พี่น้อง พระเจ้าประทานพระพรสำหรับเรา พระองค์ให้เรามีชีวิตในพระองค์ อย่าทิ้งความเป็นตัวตนของเรา อย่าทิ้งธรรมชาติของการเป็นศิษย์ของพระองค์