BLOGGER TEMPLATES AND TWITTER BACKGROUNDS

วันพุธที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2567

ความสุขกับแม่

ในวันปีใหม่ไทย..
ครอบครัวจึงสำคัญกว่าอื่นหมด
เวลาให้กับครอบครัว
จึงสำคัญเป็นอย่างยิ่ง

คนที่รอคอย
ก็รอคอยด้วยความหวัง

แม่รอคอยลูกๆ เสมอ
ไม่สิ้นสุดความหวัง
มา 1 
ยังดีกว่าไม่มีใครมาอยู่กับแม่

ความสุขกับแม่
จึงเป็นความสุขที่อยู่ใกล้ชิดกัน
กินข้าว
พูดคุย
อยู่
นั่นคือความสุข




















วันอาทิตย์ที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2567

สัปดาห์ที่ 2 เทศกาลปัสกา

ไตร่ตรอง


เรายังคงอยู่ในบรรยากาศของการฉลองปัสกา ความชื่นชมยินดีที่พระเยซูเจ้าทรงกลับคืนพระชนมชีพ พระองค์เป็นความหวังสำหรับเราคริสตชน

การกลับคืนพระชนมชีพของพระเยซูเจ้า ทำให้บรรดาศิษย์มีความหวังและมีพลังในการที่จะทำภารกิจ ในการประกาศข่าวดีถึงพระองค์ บรรดาศิษย์มั่นใจที่จะประกาศว่า พระเยซูเจ้าทรงเป็นพระคริสตเจ้า ทรงเป็นพระแมสสิยาห์ ทรงเป็นผู้ที่พระเจ้าทรงส่งมาในโลก เนื่องจากพวกเขามีประสบการณ์กับพระเยซูเจ้าผู้ทรงกลับคืนพระชนมชีพ

ก่อนนั้น เมื่อพระเยซูเจ้าถูกตรึงบนไม้กางเขน และสิ้นพระชนม์ ถูกฝังในคูหา ความกลัวต่อคนอื่นมีมากขึ้น เพราะตนเองเป็นศิษย์ของคนที่ตายไปแล้ว ความกลัว ความหดหู่ใจ และความท้อแท้ใจ หมดหวัง ผิดหวัง เกิดขึ้นกับบรรดาศิษย์

การซ่อนตัวจึงเป็นทางออกที่ดี การหลบๆ ซ่อนๆ จึงเป็นตัวเลือกที่เหมาะสม พวกเขาอยู่ด้วยกัน ปิดประตู ใส่กลอนอย่างหนาแน่นเพราะกลัวชาวยิว กลัวคนอื่นจะมาจับไปลงโทษ แต่แม้เขาจะกลัวคนอื่น พวกเขาก็อยู่รวมกันเป็นกลุ่มของพวกเขา ไม่ทอดทิ้งกัน เหมือนทอดทิ้งพระอาจารย์

วันนี้ พระเยซูเจ้าปรากฎมาท่ามกลางพวกเขา ที่ชุมนุมกันในห้องที่ปิดประตูอย่างดี และตรัสกับเขา่ว่า "สันติสุขจงอยู่กับท่านทั้งหลาย"

ประสบการณ์นี้กับพระเยซูเจ้า ทำให้พวกเขามีความมั่นใจ ทำให้พวกเขามีความหวัง ทำให้พวกเขามีความกระตือรือร้นมากขึ้น กล้าพูดถึงพระเยซูเจ้ามากขึ้น

พบพระเยซูเจ้า จิตใจสงบและมีสติ มีความหวังและกล้ายืนยัน

โทมัส ไม่เชื่อ เพราะยังไม่มีประสบการณ์กับพระเยซูเจ้า

มือและด้านข้างพระวรกายพระเยซูเจ้า จะต้องมีรอบตะปูและรอยหอก หากไม่มี ไม่เชื่อเด็ดขาด หากไม่มีก็ไม่ใช่พระอาจารย์ คงจะเป็นคนอื่น

แต่เมื่อ โทมัสได้พบปะ เผชิญหน้ากับพระเยซูเจ้า พระองค์แสดงให้เห็นมือและด้านข้างพระวรกายของพระองค์ ทำให้โทมัสร้องว่า องค์พระผู้เป็นเจ้าของข้าพเจ้า พระเจ้าของข้าพเจ้า 

เชื่อเพราะได้เห็น

เป็นบุญที่ไม่เห็นแต่เชื่อ

มองดู ...

บางคนเชื่อในพระเยซูเจ้าเพราะได้เห็นพระองค์ สัมผัสพระองค์ เช่น อัครสาวก

บางคนไม่เชื่อในพระเยซูเจ้า แม้ได้เห็น ได้ยิน ได้สัมผัสพระองค์ เช่น ขาวยิว ชาวฟาริสี สมณะ

แต่หลายคนไม่เห็นพระเยซูเจ้า ได้ฟัง ได้ยิน และเชื่อในพระองค์ นั่นคือ ความสุข นั่นคือ บุญ     กลุ่มนี้คือ บรรดาคริสตชนผู้มีความเชื่อ

Hear and See = believe

Hear and See = don't  believe

Hear but don't See = Believe = Happiness





วันอังคารที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2567

วันพุธ สัปดาห์ที่ 1 เทศกาลมหาพรต

 บทนำ

พี่น้อง เทศกาลมหาพรต เป็นช่วงเวลาของการไตร่ตรองมองดูตัวเอง เป็นช่วงเวลาของการตัด ลด ละเลิก และเพิ่มเติมสิ่งที่ขาดไป สิ่งที่หายไปในชีวิต ความดี ความรัก ความเมตตา ความสัมพันธ์กับพระเจ้าและเพื่อนพี่น้อง ทำให้มีชีวิตชีวา

ไม่จำเป็นต้องทำสิ่งใหญ่โต หรือสิ่งที่ยิ่งใหญ่ แต่เป็นช่วงเวลาที่เราจะกระทำสิ่งที่เรียกว่า เล็กๆ น้อยๆ โดยเริ่มต้นที่ตัวของเราเอง ที่จะเปลี่ยนแปลงตนเอง

ใส่ใจในรายละเอียดของชีวิต

แล้วเราจะพบว่า ชีวิตของเรานั้น เป็นพระพรของพระเจ้าอย่างแท้จริง เป็นชีวิตที่เราจะต้องดำเนินและสร้างเพื่อพระเจ้า


บทอ่านที่ 1 

หนังสือประกาศกโยนาห์

พระเจ้าได้ส่งโยนาห์ไปประกาศแก่ชาวเมืองนีนะเวห์ว่า "หากไม่กลับใจ เปลี่ยนแปลงชีวิต จะถูกพระเจ้าลงโทษ พระเจ้าจะทรงทำลายเมืองนี้"

กษัตริย์ได้ประกาศให้ชาวเมืองแสดงออกถึงความสำนึกผิด ถึงบาปที่ได้กระทำ ให้เปลี่ยนแปลงตนเอง ให้อดอาหาร เพื่อวอนขอพระเมตตาจากพระเจ้า

พระเจ้าทรงให้อภัยเขา ไม่ทรงทำลาย เพราะพวกเขาแสดงออกถึงการกลับใจ และเปลียนวิถีทางดำเนินชีวิต

เราจะเห็นว่า พระเจ้าทรงเตือนและเมื่อมีการเปลี่ยนแปลง พระเจ้าทรงให้อภัย

เราจะเห็นว่า ความเมตตาของพระเจ้ามีมากกว่าความโกรธเคือง

เราจะเป็นว่า พระเจ้าไม่ต้องการที่จะทำลายมนุษย์

เราจะเป็นว่า พระเจ้าทรงรักมนุษย์

พระวรสาร

พระเยซูเจ้าตำหนิคนยุคนี้ว่าต้องการเห็นเครื่องหมาย ต้องการเห็นอะไรที่ชัดเจน เพื่อจะกลับใจ ซึ่งไม่จริง คนยุคนี้ ยิ่งเห็นความจริง ยิ่งรับไม่ได้ และยิ่งเห็นความจริง ก็ยิ่งไม่เปลี่ยนแปลง

เครื่องหมายที่พระเยซูเจ้าบอกกับพวกเขาคือ เครื่องหมายแห่งประกาศกโยนาห์ หมายถึง พระวาจาของพระเจ้าผ่านทางประกาศกโยนาห์แล้วเกิดการเปลี่ยนแปลง เกิดการกลับใจ เกิดการละทิ้งสิ่งไม่ดีไม่งาม หันตัวเองออกจากสิ่งชั่วร้าย

เครื่องหมายนี้ผ่านทางประกาศกโยนาห์

แต่เครื่องหมายของพระเยซูเจ้า พระองค์เป็นเครื่องหมายนี้ พระองค์จะบันดาลให้ทุกคนมีชีวิตในพระองค์และได้รับความรอดพ้น

ผู้ที่เชื่อในพระองค์จะมีชีวิต จะได้รับพระเมตตา จะได้พบชีวิตนิรันดร เพราะพระองค์เป็นพระบุตรของพระเจ้า

นี่คือเครื่องหมายที่ยิ่งใหญ่ที่สุด พระเจ้าทรงรักมนุษย์ และปรากฏอย่างชัดเจนในพระเยซูเจ้า

เราจะทำอย่างไร?

เปลี่ยนแปลงและแก้ไขตัวเอง ในสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ที่เป็นความอ่อนแอ และบกพร่อง มีบางสิ่งที่เรามองข้ามไป มีบางอย่างที่เราขาดความใส่ใจ  แสวงหาและหาให้เจอ เพื่อแก้ไขและเปลี่ยนแปลงตัวเอง

ฟังพระสุรเสียงของพระเจ้า ตั้งใจฟัง ในความสงบเงียบของชีวิต เสียงของพระเจ้าแผ่วเบาและดังอยู่ในจิตใจ หากเรามีความสับสน วุ่นว่าย เราจะไม่ได้ยินเสียงของพระองค์ เสียงของพระเจ้าอยู่ในการภาวนาของเราในแต่ละวัน



วันอาทิตย์ที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2567

วันอาทิตย์สัปดาห์ที่ 1 เทศกาลมหาพรต ปี B

 น้ำวินาศและถิ่นทุรกันดาร



บทนำ

เราเริ่มต้นเทศกาลมหาพรตที่ วันพุธรับเถ้า ถือเป็นช่วงเวลาที่เราจะได้หันตัว หันใจไปหาพระเจ้า  และถือเป็นช่วงเวลาที่เราจะมองดูตัวเอง ไตร่ตรองตัวเองในคำพูด ความคิด ความปรารถนา และกิจการต่างๆ ที่เราจะทำเพื่อที่จะทำตัวเองให้สมบูรณ์ เป็นคนชอบธรรมต่อพระเจ้า 

เทศกาลมหาพรตเป็นการเตือนตัวเองทุกๆเรื่อง ไม่ว่าจะเกี่ยวกับร่างกาย ความร่ำรวย เงินทอง สุขภาพ และยังเตือนเราถึงชีวิตที่แท้จริง ให้เราคิดถึงสวรรค์ ให้เราคิดถึงอิสรภาพจากบาป โดยการยึดและถือปฏิบัติตามพระประสงค์ของพระเจ้า และโดยการมองดูตัวเอง

บทอ่านที่1 

หนังสือปฐมกาลได้เล่าเรื่องน้ำวินาศที่ได้ทำลายโลก เรา​จะ​ทำลายล้าง​สัตว์​มี​ชีวิต​ทั้งหมด​ที่​เรา​ได้​สร้าง​ไป​จาก​พื้น​แผ่น​ดิน เพราะว่า พระ​เจ้า​ทอด​พระ​เนตร​แผ่น​ดิน ทรง​เห็น​ว่า​แผ่น​ดิน​ชั่วช้า​เพราะ​มนุษย์​ทุก​คน​ดำเนิน​ชีวิต​ชั่วช้า​บน​แผ่น​ดิน 

ส่วนผู้ชอบธรรม พระเจ้าได้ทรงไว้ชีวิต นั่นคือ โนอาห์ และครอบครัว

วันนี้ พระเจ้าได้ทำพันธสัญญาว่า จะไม่ทำลายโลกและสิ่งมีชีวิต น้ำจะไม่ใช่เครื่องหมายของการทำลายล้างมนุษย์อีกต่อไป แต่จะเป็นเครื่องหมายของการช่วยให้รอด น้ำ​วิ​นาศ​จะ​ไม่​ท่วม​ทำลาย​สิ่งมีชีวิต​ทั้งหมด​อีก 

น้ำจะทำลายบาป และจะทำลายความชั่วร้าย โดยเฉพาะศีลล้างบาป จะทำลายบาปและผลของบาป จะชำระล้างบาปที่เราได้กระทำ อาศัยพระจิตเจ้าและน้ำ เราจะกลายเป็นบุตรของพระเจ้า

บทอ่านที่ 2 

นักบุญเปโตรได้พูดถึงน้ำแห่งศีลล้างบาป ทำให้เราบริสุทธิ์ ทำให้เรากลายเป็นบุตรของพระเจ้า ทำให้เราสามารถที่จะแสดงออกถึงความรักต่อพระเจ้า

พระวรสาร

นักบุญมาระโกได้นำเสนอชีวิตของพระเยูเจ้าว่า พระองค์เสด็จเข้าไปในถิ่นทุรกันดาร  40 วัน และถูกซาตานผจญ

การผจญล่อลวงของปีศาจไม่สามารถทำให้เราพ่ายแพ้ได้ แต่มันจะทำให้เราเข้มแข็ง เมื่อเราเผชิญกับมันด้วยความกล้าหาญและความมั่นใจในพระเจ้า เราสามารถทำให้เกิดความแตกต่างได้เมื่อมีการผจญ 

การอยู่ในถิ่นทุรกันดาร เตือนเราให้เรานั้นเติบโตฝ่ายวิญญาณ เติบโตในอิสรภาพ ความรัก สันติและความศักดิ์สิทธิ์ และการตายต่อบาปเพื่อให้เราร่วมฉลองปัสกากับพระคริสตเจ้า

ถิ่นทุรกันดาร เป็นสถานที่ไม่สะดวกสบาย เป็นสถานที่ยากลำบาก เป็นสถานที่ไม่น่าอยู่  อีกทั้งเป็นสถานที่ทำให้เกิดความอ่อนแอทางร่างกาย เป็นสถานที่ที่ไม่เหมาะสำหรับการดำเนินชีวิต เพราะชีวิตจะขาดทุกสิ่ง

ถิ่นทุรกันดารเป็นช่วงเวลาแห่งการใกล้ชิดกับพระเจ้า และเป็นช่วงเวลาแห่งพระหรรษทานของพระองค์ที่จะลงมาสู่เรา 

เป็นสถานที่ทำให้เรารู้จักตัวเอง

เป็นสถานที่ทำให้เราเข้มแข็ง

เป็นสถานที่ทำให้รู้พบปะกับพระเจ้า

เป็นสถานที่ทำให้เราอยู่กับตัวเอง

เป็นสถานที่ทำให้เราเป็นหนึ่งเดียวกับพระเจ้า

เป็นสถานที่ทำให้เราเติบโต

เป็นสถานที่แห่งจิตวิญญาณ


วันพฤหัสบดีที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2567

วันพฤหัสบดีหลังพุธรับเถ้า

 วันพฤหัสบดีหลังวันพุธรับเถ้า



บทนำ

พี่น้อง วันนี้เราได้รับการเตือนจิตใจจากบทอ่านในพระคัมภีร์ว่า เราควรที่จะเดินตาม ติดตามพระบัญญัติและกฎเกณฑ์ของพระเจ้า และเราไม่ควรที่จะปล่อยให้สิ่งต่างๆที่รบกวนเรา ล่อล่วงเราให้ไปสู่ทางแห่งการไม่เชื่อฟังและการทรยศต่อสู้กับพระเจ้า

ในเทศกาลมหาพรต เรียกร้องและเตือนเราให้ต่อสู้กับการผจญล่อลวงของโลกและกระนิยมต่างๆ ความสบาย ความสนุกสนาน ความทะเยอทะยานและทุกสิ่งที่จะทำให้เราออกห่างจากพระหรรษทานของพระเจ้า

บทอ่านที่1

ในหนังสือเฉลยธรรมบัญญัติ เราได้เห็นว่าพระเจ้าทรงประทับอยู่กับประชากรของพระองค์ผ่านทางกฎเกณฑ์และบทบัญญัติของพระองค์ และทุกคำพูด ทุกคำสอนของพระองค์ได้แสดงออกอย่างชัดเจนโดยผ่านทางโมเสสผู้รับใช้ของพระองค์ นั่นคือ พระเจ้าทรงคาดหวังว่า ประชากรของพระองค์จะเป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์เหมือนที่พระองค์ทรงเป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์ และเป็นผู้ชอบธรรมและยุติธรรมในทุกสิ่ง เช่นเดียวกับพระองค์

พระเจ้าบอกกับประชากรของพระองค์อย่างชัดเจนว่า ถ้าพวกเขาติดตามและเชื่อฟังกฎเกณฑ์และพระบัญญัติของพระองค์ พวกเขาจะได้รับการอวยพรและมีอำนาจปกครอง มีความเข้มแข็งและจะได้พบกับความสุขที่แท้จริง แต่ถ้าพวกเขาปฏิเสธและเลือกที่จะทำความชั่ว พวกเขาก็จะได้รับความพินาศและจะถูกทำลาย

บ่อยครั้งที่ชาวอิสราเอลปฏิเสธและไม่เชื่อฟังพระเจ้า พวกเขาหันเหใจไปง่ายๆ กับการผจญล่อลวง การกราบไหว้พระอื่น รูปเคารพต่างๆ ทำให้ออกห่างจากหนทางของพระองค์ แต่พระเจ้าก็ยังคงดูแลและรอคอยการกลับมาของพวกเขาเสมอ โดยส่งโมเสสและอาโรนหรือผู้วินิจฉัยมาเตือนและนำทางพวกเขาให้มาหาพระองค์

การไม่เชื่อฟังกฏเกณฑ์และบทบัญญัติของพระเจ้าทำให้พวกหันเหไปจากทางที่ถูกต้อง ที่พวกเขาควรจะดำเนินชีวิต

พระวรสาร

พระเยซูเจ้าตรัสกับศิษย์อย่างชัดเจนเช่นกันว่า จะเกิดอะไรขึ้นกับพระองค์ และเตือนพวกเขาให้เตรียมตัวที่จะเผชิญหน้ากับสิ่งที่ยากลำบากที่จะต้องเผชิญไม่ว่าจะเป็นการทดลองหรือการท้าทายในชีวิต เพราะว่า พระองค์เองก็ต้องเผชิญกับการปฏิเสธและการทรยศ และพระองค์เองยังทรงถูกตรึงต่อหน้าศัตรูของพระองค์ด้วย แต่ผ่านความความตาย พระสิริรุ่งโรจน์ของพระเจ้าจะปรากฏและเราจะมีชีวิตนิรันดร

ผู้ที่เป็นศิษย์ที่แท้จริงจะต้องแบกกางเขนของตนและติดตามพระองค์ สิ่งนี้เป็นการเรียกร้องถึงการอุทิศตนและเรียกร้องให้เขามีความเชื่อที่เข้มแข็งเดินในหนทางของพระองค์ที่ทรงแสดงแก่พวกเขา ทั้งในคำพูดและในการกระทำและในทุกสิ่ง เพื่อแสดงว่าเขาเป็นศิษย์ที่แท้จริง

เราจะต้องพร้อมเสมอที่จะรับการท้าทายและการทดลองต่างๆ ในชีวิตและจะต้องยืนหยัดมั่นคงในความเชื่อที่เรามีในองค์พระเยซูเจ้า ความท้าทายและความยากลำบากเป็นหนทางที่เราจะต้องเดินร่วมกับพระทรมานของพระองค์ ด้วยความเชื่อและความรักที่พระองค์มีให้เรา เป็นพลังผลักดันให้เราสามารถผ่านการทดลองและการเบียดเบียนในโลกนี้ได้

พี่น้อง จงเลือกที่จะมีชีวิตในพระเจ้า ในหนทางของพระองค์ มากกว่า เลือกที่จะมีชีวิตในตัวเองและพบกับความสุขในตัวเอง ซึ่งเป็นเพียงชั่วคราว แต่จงเลือกหนทางแห่งไม้กางเขนของพระเยซูเจ้า เดินไปกับพระองค์ แบกกางเขนร่วมเดินทางไปกับพระองค์ในขีวิตของเรา เราเดินไปสู่ชีวิตนิรันดรซึ่งเป็นรางวัลสำหรับเรา


วันพุธที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2567

วันพุธรับเถ้าและวันวาเลนไทน์

 พุธรับเถ้า

วันเริ่มต้นเทศกาลมหาพรต เป็นช่วงเวลาแห่งการเตรียมตัวและเป็นช่วงเวลาแห่งการไตร่ตางตัวเอง เพื่อต้อนรับการเฉลิมฉลองปัสกา

วันพุธรับเถ้า มีเครื่องหมายคือ เถ้า เป็นเครื่องหมายแห่งการสำนึกผิด และความปรารถนาที่จะรับการอภัยจากพระเจ้า เป็นเครื่องหมายที่บ่งบอกว่า "บาป" ทำลายความสัมพันธ์และ บาป เป็นตัวที่ทำให้เราออกห่างจากพระเจ้า และเวลานี้ก็เป็นเวลาแห่งการแสวงหาพระเจ้า

บทอ่านที่ 1

หนังสือประกาศกโยเอลเรียกร้องให้มีการกลับใจ และหันเหออกจากบาปและความชั่วร้ายต่างๆ เพื่อจะได้เข้าสู่ความรักและพระเมตตาอันยิ่งใหญ่ของพระเจ้า ความกรุณาปรานีและการให้อภัยของพระองค์ ซึ่งพระเจ้าประสงค์จะประทานให้กับเราด้วยพระทัยดีของพระองค์

แม้มนุษย์ทำบาป และหันเหไปจากความรักของพระองค์แต่พระเจ้าก็ยังคงดูแล และเอาใจใส่เสมอ พระองค์ไม่ทรงยอมแพ้หรือปล่อยให้เราตกในบาปตลอดไป พระองค์ทรงส่งประกาศกมาเพื่อประเตือน สอน เรียกร้องให้กลับใจมาหาพระองค์ เพื่อให้เขาพบกับความเมตตา การให้อภัยของพระองค์

อีกทั้งยังเตือนเราว่า พระเจ้าทรงรักเราเสมอ พระเจ้ารอคอยเราเสมอ ต้องการให้เราเข้าหาพระองค์ ต้องการให้เราคืนดีกับพระองค์ เชิญชวนให้เราเข้ามาอยู่ในพระหรรษทานของพระองค์

บทอ่านที่ 2

นักบุญเปาโลเตือนเราว่า ให้เรากลับมาคืนดีกับพระเจ้า เพราะพระเจ้าทรงรักเรา และเราเป็นเสมือนตัวแทนของพระองค์ เข้ามาหาพระองค์เพื่อจะได้รับความรอดพ้น  และเวลานี้เป็นเวลาที่เหมาะสมแล้วที่เราจะต้องนำตัวเองเข้ามาหาพระเจ้า มาสู่ความรักและพระหรรษทานของพระองค์

พระวรสาร

พระเยซูเจ้าทรงสอนในเรื่องการถือศีลอดอาหาร การให้ทาน การปฏิบัติศาสนกิจที่ถูกต้องที่สุด นั่นคือ การทำเพื่อเห็นแก่พระเจ้า ไม่ใช่เพื่อให้คนยกย่องสรรเสริญ ปฏิบัติมิใช่เพื่ออวดอ้าง หรือต้องการคนเป็นพยานในการกระทำ เพราะการถือศีลอด หรือ ทำทาน หรือภาวนา ก็มีศูนย์กลางอยู่ที่พระเจ้า ไม่ใช่ต่อหน้ามนุษย์

เพราะทำด้วยใจกับทำเพื่ออวดอ้าง คุณค่าแตกต่างกัน

เถ้าโรยที่ศีรษะหรือทำเครื่องหมายที่หน้าผาก เป็นสัญลักษณ์ภายนอก แต่ที่สำคัญคือ การทำเครื่องหมายที่หัวใจ นั่นคือ เครื่องหมายแห่งการสำนึกผิด การขอโทษ และการปรารถนาที่จะแสวงหาพระเจ้า ความดีของพระเจ้า และการให้อภัยของพระองค์


วันเริ่มต้นเทศกาลมหาพรต

เริ่มต้นจากภายในจิตใจ ออกมาสู่ภายนอก

เริ่มต้นจากหัวใจ ออกมาสู่ภายนอก

เริ่มต้นที่ความตั้งใจเพื่อให้เกิดการกระทำภายนอก

ควบคุมใจ..เท่ากับควบคุมตนเอง

ควบคุมใจ..เท่ากับควบคุมคนอื่น