BLOGGER TEMPLATES AND TWITTER BACKGROUNDS

วันอังคารที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

เข้าเงียบประจำปี ๒๐๑๑ ที่ท่าแร่

วันอังคาร ที่ 22 พฤศจิกายน 2011

เวลา 09.00 น. เทศน์โดย คุณพ่อนรินทร์  ศิริวิริยานันท์
                       พระสงฆ์ผู้ซึ่งเต็มไปด้วยปรีชาญาณ และความรอบรู้

                             

คุณพ่อได้เทศน์เตือนใจเราในเรื่องของการ "สวดภาวนา"
เรามาดูพระเยซูเจ้าเป็นแบบอย่าง
พระองค์ทรงสวดภาวนาเสมอ
พระองค์สวดภาวนาก่อนที่จะออกไปประกาศ
พระองค์ทรงเพ่งพิศภาวนา เพื่อสนิทสัมพันธ์กับพระบิดา แล้วจึงทำพันธกิจของพระองค์

พระสงฆ์ที่ไม่สวดภาวนา เป็นพระสงฆ์ที่ตายแล้ว
มีการสำรวจพระสงฆ์อิตาลี ว่าทำไมจึงต้องออกจากการเป็นสงฆ์
และก็พบว่า พระสงฆ์เหล่านั้น ละเลยการสวดภาวนา คือ ไม่สวด นั่นเอง

คุณพ่อได้ยกตัวอย่างของตัวท่านเองว่า 
ท่านได้ใช้เวลาในการเฝ้าศีล 1 ชั่วโมง ทุกวัน
ท่านได้สวดทำวัตร โดยเฉพาะทำวัตรภาคบทอ่านเสมอ 
เพราะการสวดทำวัตร ภาคบทอ่าน เราจะได้รำพึง ไตร่ตรองพระวาจาของพระเจ้า
และเรายังได้อ่านความคิดทางเทววิทยาของบรรดาปิตาจารย์อีกด้วย

พระสงฆ์ทุกวันนี้.. มักจะบอกว่า "ไม่มีเวลา"
ไม่มีเวลาสำหรับ "สวดภาวนา"
ไม่มีเวลาสำหรับ "พระเจ้า"
ไม่มีเวลาสำหรับ "ชีวิตภายใน"

แล้วคุณพ่อทำงานไปเพื่ออะไร? เพื่อใคร? ถ้าไม่ทำเพื่อพระเจ้า
การภาวนาจึงเป็นหัวใจของชีวิตสงฆ์
การติดต่อสัมพันธ์กับพระเจ้า เป็นชีวิตของสงฆ์
สงฆ์ผู้ซึ่งเป็นเหมือนชีวิตของพระคริสตเจ้า

คุณพ่อควรใช้เวลาในแต่ละวันสำหรับพระเจ้า 1 ชั่วโมง
เพื่อจะได้รู้จักพระเจ้ามากยิ่งขึ้น 
เพื่อจะได้อยู่กับพระเจ้า
เพื่อจะได้สัมผัสพระองค์
แล้วพระองค์พระองค์กับคุณพ่อเสมอ ตลอดไป

คุณพ่อเป็นทูตของพระเจ้ามิใช่หรือ?
คุณพ่อก็ต้องติดต่อกับพระเจ้า 
รับสารจากพระองค์ 
รับสารของพระองค์
เพื่อนำไปสู่คนอื่น ประชากรของพระเจ้า

พระเยซูเจ้าตรัสว่า "เราเป็นเถาอง่น ท่านทั้งหลายเป็นกิ่งก้าน"

เราเป็นเพียงกิ่ง ที่ต้องยึดติดกับลำต้น 
เราเป็นได้แค่กิ่งที่ต้องได้รับการหล่อเลี้ยงจากลำต้น
กิ่งไม่สามารถอยู่ได้โดยลำพัง 
กิ่งต้องอาศัยลำต้น

ชีวิตสงฆ์เช่นกัน ต้องอาศัยพระเจ้า..





เวลา 15.00 น.  เทศน์โดย คุณพ่อสุพล  ยงบรรทม
                        สงฆ์ผู้ซึ่งมีวาทศิลป์โดดเด่น เป็นที่ชื่นชอบของทุกคน



คุณพ่อได้เทศน์เรื่อง "ความเป็นพี่น้อง"

อ่าน บทจดหมายของนักบุญเปาโลถึงชาวโรม 12:3-13


อย่าคิดว่าตนเองเหนือกว่าผู้อื่น แต่จงคิดให้ถูกต้องว่าพระเจ้าประทานความเชื่อ 
ให้แต่ละบุคคลมากน้อยต่างกัน  
เพราะร่างกายของเรามีองค์ประกอบหลายส่วน 
และส่วนต่าง ๆ เหล่านี้ไม่มีหน้าที่เดียวกันฉันใด  
แม้เราจะมีจำนวนมาก เราก็รวมเป็นร่างกายเดียวในพระคริสตเจ้าฉันนั้น 
โดยแต่ละคนต่างเป็นส่วนร่างกายของกันและกัน  
เรามีพระพรพิเศษแตกต่างกันตามพระหรรษทานที่พระองค์ประทานให้ 
ผู้ได้รับพระพรที่จะประกาศพระวาจา ก็จงใช้พระพรนั้นมากน้อยตามส่วนความเชื่อของตน  
ผู้ที่ได้รับพระพรที่จะรับใช้ ก็จงรับใช้ ผู้ที่ได้รับพระพรที่จะสอน ก็จงสอน   
ผู้ที่ได้รับพระพรที่จะตักเตือน ก็จงตักเตือน ผู้ที่บริจาค ก็จงบริจาคด้วยความเอื้อเฟื้ออย่างจริงใจ 
ผู้ที่เป็นผู้นำ ก็จงทำหน้าที่ผู้นำด้วยความเอาใจใส่ 
ผู้ที่แสดงความเมตตากรุณา ก็จงแสดงความเมตตากรุณาด้วยใจยินดี  
จงรักด้วยใจจริง จงหลีกหนีความชั่ว จงยึดมั่นในสิ่งที่ดี  
จงรักกันฉันพี่น้อง จงคิดว่าผู้อื่นดีกว่าตน  
อย่าเฉื่อยชา จงมีจิตใจกระตือรือร้นในการรับใช้องค์พระผู้เป็นเจ้า 
จงชื่นชมยินดีในความหวัง จงมีความอดทนต่อความทุกข์ยาก 
จงพากเพียรในการภาวนา  จงเห็นอกเห็นใจช่วยเหลือพี่น้องคริสตชนในยามขัดสน 
จงต้อนรับด้วยอัธยาศัยไมตรี


จงเงียบ เพื่อ จะได้มองดูตัวเอง
จงปิดตาทั้งคู่
จงปิดหูสองข้าง
จงปิด "ปาก" ซะบ้าง
จะได้นอนสบาย..

หากต้องการเห็นโลกภายนอก จงมองออกไป
หากต้องการมองดูภายใน จงมองเข้ามาในใจตน

คนเราจะมีค่า ก็เมื่อ รู้จักกัน
การรู้จักกันจะมีค่า ก็เมื่อ รู้ใจกัน
การรู้ใจกันจะมีค่า ก็เมื่อ รักกัน
การรักกันจะมีค่า ก็เมื่อ ให้อภัยกัน..

บทเทศน์ได้อธิบายความหมายของจดหมายนักบุญเปาโลถึงชาวโรม
สรุปสุดท้ายง่าย ๆ ก็คือ เราจงรักกันและกัน
ซึ่งแสดงออกทางการเคารพ และให้เกียรติกัน
เพราะโลกของความรักจะไม่มีความขัดแย้ง
โลกของความรักจะไม่มีการแย่งชิง
โลกของความรักมีแต่ความรัก...



0 ความคิดเห็น: