BLOGGER TEMPLATES AND TWITTER BACKGROUNDS

วันพฤหัสบดีที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

เข้าเงียบประจำปี ๒๐๑๑ ที่ท่าแร่

วันพุธ ที่ 23 พฤศจิกายน 2011

เวลา 09.00 น.  เทศน์โดย คุณพ่อประยูร   พงษ์พิศ

              

สติปัญญารับไม่ถึง จึงไม่สามารถที่จะบันทึก หรือ ขีดเขียนอะไรได้มาก


เวลา 15.00 น. เทศน์โดย คุณพ่อธีระยุทธ   อนุโรจน์
หัวข้อ..การเจริญชีวิตท่ามกลางโลกที่ฟุ่มเฟือย



มีกูรุสมัยก่อนพูดไว้ว่า พระสงฆ์มีสามประเภท
พระสงฆ์จบโรม   เป็น  พระสงฆ์จำพวกท่าดีทีเหลว
พระสงฆ์จบปีนัง  เป็น  พระสงฆ์จำพวกหนักเอาเบาสู้
พระสฆ์จบแสงธรรม เป็น พระสงฆ์จำพวกทำงานดีแต่ขาดวินัย (โดยเฉพาะเรื่องสตรี)

กูรุสมัยปัจจุบัน แบ่งพระสงฆ์ออกเป็น สาม ประเภท
หนึ่ง  เป็นสงฆ์แค่ทำตามหน้าที่
สอง  เป็นสงฆ์ที่ทำดีและเป็นแบบอย่าง
สาม  เป็นสงฆ์ที่บ่แตกต่างจากชาวบ้าน..

จากนั้น คุณพ่อผู้เทศน์ได้ยกสถิติเกี่ยวกับประชากรของโลก สถิติเกี่ยวกับการนับถือศาสนา
สถิติเกี่ยวกับการเป็นไปในยุคปัจจุบัน

ที่สำคัญ  คนที่ไม่เชื่อในศาสนามีจำนวนเพิ่มมากขึ้น
               คนที่นับถือศาสนามีจำนวนลดน้อยลง

อันตรายที่จะเกิดขึ้นในยุคสุดท้าย


จงรู้เถิดว่า ยุคสุดท้ายจะมีช่วงเวลาความยุ่งยากเกิดขึ้น  
มนุษย์จะทำตามใจตน เห็นแก่เงิน อวดดี ยโสและหยาบคาย
 ดื้อด้านต่อบิดามารดา เนรคุณ ไม่นับถือศาสนา  ไร้มนุษยธรรมไม่ยอมให้อภัย 
นินทาว่าร้าย เสเพล เข้ากับใครไม่ได้ เกลียดชังความดี  ทรยศ ไม่คำนึงถึงผู้อื่น หยิ่งผยอง 
รักสนุกมากกว่ารักพระเจ้า  นับถือศาสนาแต่เพียงเปลือกนอก  แต่ไม่ยอมให้ศาสนามีอิทธิพลต่อชีวิต 
จงอย่าคบกับพวกนี้เลย



                                                                                                              2ทธ 3:1-5


คุณพ่อยังชี้ให้เห็นถึงสภาพความเป็นจริงของสังคมทุกวันนี้

1. สังคมไร้พรมแดน
              เน้นความรวดเร็ว  ไม่มีการบ่มเพาะ ไม่มีการไตร่ตรอง ไม่มีการหยุดคิด
              ความสัมพันธ์ลดลง มีค่าเพียงแค่ข้อมูล
              รักกันด้วยข้อมูล

2. สังคมแสวงหาประโยชน์สูงสุด
              เน้นประโยชน์นิยม และเลือกเฉพาะที่เป็นประโยชน์เท่านั้น
              สิ่งที่ไม่มีประโยชน์ เป็นสิ่งไร้ค่า

3. สังคมเหตุผล
              เน้นการพิสูจน์
              เป็นการท้าทายต่อความจริง

4. สังคมที่มีอิสระสูง
              ไม่ง้อใคร
               มองศาสนาเป็นเรื่องไม่จำเป็น
               มองศาสนาเป็นเพียงสถาบันหนึ่งที่ส่งเสริมด้านศีลธรรมเท่านั้น

เราจะดำเนินชีวิตอย่างไร?
              จำเป็นต้องมี เอกลักษณ์ (Identity) และไม่ลืมเอกลักษณ์ของตนเอง

อ่าน ยน 17:14-16


ข้าพเจ้ามอบพระวาจาของพระองค์ให้เขาเหล่านั้นแล้ว
        และโลกเกลียดชังเขา
เพราะเขาไม่เป็นของโลก
          เช่นเดียวกับที่ข้าพเจ้าไม่เป็นของโลก
ข้าพเจ้าไม่ได้วอนขอพระองค์ให้ทรงยกเขาออกจากโลก
         แต่วอนขอให้ทรงรักษาเขาให้พ้นจากมารร้าย
เขาไม่เป็นของโลก
        เช่นเดียวกับที่ข้าพเจ้าไม่เป็นของโลก



อ่าน ยน 4:21-24

พระเยซูเจ้าตรัสแก่นางว่า

นางเอ๋ย เชื่อเราเถิด
ถึงเวลาแล้วที่ท่านทั้งหลายจะนมัสการพระบิดาเจ้า
ไม่ใช่เฉพาะบนภูเขานี้ หรือที่กรุงเยรูซาเล็ม
ท่านนมัสการพระเจ้าที่ท่านไม่รู้จัก
แต่เรานมัสการพระเจ้าที่เรารู้จัก
เพราะความรอดพ้นมาจากชาวยิว
แต่จะถึงเวลาคือเวลานี้
เมื่อผู้นมัสการแท้จริงจะนมัสการพระบิดาเจ้าเดชะพระจิตเจ้า และตามความจริง
เพราะพระบิดาทรงแสวงหาผู้นมัสการพระองค์เช่นนี้
พระเจ้าทรงเป็นจิต
ผู้ที่นมัสการพระองค์
จะต้องนมัสการเดชะพระจิตเจ้า และตามความจริง






0 ความคิดเห็น: