BLOGGER TEMPLATES AND TWITTER BACKGROUNDS

วันอาทิตย์ที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

อาทิตย์ที่ 1 มหาพรต


บทเทศน์


พี่น้องที่เคารพรัก   เมื่อวันพุธที่ผ่านมา เราเริ่มต้นเทศกาลมหาพรตด้วยการรับเถ้า  
การรับเถ้าเป็นเครื่องหมายบ่งบอกว่า เราเป็นคนบาป  และยอมรับว่าเราเป็นคนบาปจริง ๆ  
หรือ ชีวิตมนุษย์มาจากดินก็จะกลายเป็นดิน  
การรับเถ้าเป็นเครื่องหมาของคำสัญญาว่า เราจะเปลี่ยนแปลงการดำเนินชีวิตในวิถีเก่าไปสู่สภาพชีวิตใหม่ 
ในองค์พระเยซูคริสตเจ้า

ปัจจุบัน เราถูกผจญล่อลวงจากหลายต่อหลายสิ่งนัก เช่น จากความจงเกลียดจงชัง  (10 ปี ก็ยังเก็บไว้ ไม่ให้อภัยง่าย)  
จากความเห็นแก่ตัว (ตัวใครตัวมัน ปัจเจกนิยม)  
จากความบันเทิง (ความสนุกสนานที่ได้รับ)  จากการครอบครอง (เป็นเจ้าของโลกทั้งหมดได้ยิ่งดี)   
เกียรติและอำนาจ  ความเคียดแค้น  การใช้กำลัง การเอารัดเอาเปรียบ  ผลประโยชน์ส่วนตน  
และที่ร้ายที่สุด คือ การปฏิเสธความรักของพระเจ้า

            
    ในพระวรสาร พระเยซูเจ้าทรงถูกปีศาจผจญถึง 3 ครั้ง

1.  เรื่องการดำรงชีวิต  การมีชีวิต จำเป็นต้องมีอาหารการกิน  มนุษย์จำเป็นต้องดิ้นรน  
แสวงหาเพื่อปากเพื่อท้องของตนเอง  มีคำกล่าวว่า เมื่อท้องอิ่ม   ก็มีแรงที่จะทำงาน หรือ กองทัพต้องเดินด้วยท้อง 
ท้องอิ่มก่อนที่จะสนใจในศาสนา
ถ้าท่านเป็นบุตรของพระเจ้า จงสั่งให้หินก้อนนี้กลายเป็นขนมปังเถิด  
ปีศาจโจมตีจุดแข็งของพระเยซูเจ้า  ปีศาจรู้ว่าพระเยซูเจ้าทรงทำได้ เพราะพระองค์มีฤทธิ์อำนาจ  
ปีศาจมันมักท้าทายมนุษย์ให้กระทำในสิ่งที่ตนเองทำได้เสมอ เพื่อทำให้มนุษย์ พอใจ 
และภูมิใจในความสามารถของตนเอง  และไม่ต้องการพระเจ้า
              
  คำตอบของพระเยซูเจ้าก็คือ  มนุษย์ไม่ได้ดำรงชีวิตอยู่ด้วยอาหารเท่านั้น

2.  เรื่องอำนาจ หมายถึงการอยู่เหนือคนอื่น   การควบคุมคนอื่น การครอบครองมากกว่าคนอื่น 
มนุษย์ต้องการอำนาจ ต้องการเป็นใหญ่เสมอ ไม่มีใครอยากเป็นผู้รับใช้  ไม่ใครอยากจะเป็นคนต่ำต้อย  
หลายครั้งมนุษย์มักแสวงหาอำนาจจนเกินขอบเขตของตนเอง  ทำอย่างไรก็ได้ให้เป็นใหญ่  มีอำนาจด้วยวิธีการใดก็ได้ 
                
คำตอบของพระเยซูเจ้าก็คือ จงกราบนมัสการองค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่านและรับใช้พระองค์แต่ผู้เดียวเท่านั้น   การรับใช้เป็นอำนาจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่มนุษย์ควรจะแสวงหา

3.  เรื่องการยึดมั่นในชีวิตตนเอง  ถ้าท่านเป็นบุตรของพระเจ้า จงกระโดดลงไปข้างล่างเถิด  
 การยึดมั่นในชีวิตของตนเอง  เป็นการต่อสู้กับพระเจ้า  แทนที่จะยอมให้พระเจ้าเป็นเจ้าของชีวิต  
แต่มนุษย์กลับทำในสิ่งที่ตนเองปรารถนา หรือต้องการมากกว่า

คำตอบของพระเยซูเจ้าก็คือ อย่าทดลององค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่านเลย  การเชื่อฟังพระเจ้า การฟังเสียงของพระองค์ แต่เพียงผู้เดียวเท่านั้น

พระเยซูเจ้าทรงชนะการทดลองมิใช่เพราะพระองค์ทรงเป็นพระเจ้า  
แต่เพราะพระองค์เชื่อมั่น ยึดมั่น มีจุดยืนที่ถูกต้อง หนักแน่นและมั่นคง ไม่เปลี่ยนแปลง จึงทำให้สามารถเอาชนะปีศาจได้

มนุษย์ถูกทดลองความเชื่อด้วยสิ่งต่าง ๆ มากมาย  แต่การประกาศยืนยันความเชื่อในจิตใจของเราด้วยวาจา 
กิจการ อย่างสม่ำเสมอ จะช่วยรื้อฟื้นความเข้มแข็ง ทั้งยังช่วยให้ความเชื่อพัฒนาหยั่งรากลึกในชีวิตของเราด้วย


วันเสาร์ที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

อาทิตย์ 5 เทศกาลธรรมดา ปี c


บทเทศน์

ในบทอ่านที่ 1  พระเจ้าทรงเรียกอิสยาห์ให้เป็นประกาศก ให้ทำงานของพระองค์

อิสยาห์ปฏิเสธ      เพราะรู้ตัวเองว่าเป็นคนบาป ไม่สมควร และไม่คู่ควรที่จะทำงานของพระองค์
โดยบอกว่า ข้าพระองค์เป็นคนริมฝีปากไม่สะอาด  :

เราก็ทราบดีว่า ปากนั้นเป็นที่มาของความไม่ดีต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นคำพูดจาว่าร้ายส่อสอดเบียดบัง 
พูดจาไม่สุภาพ พูดจาหยาบคาย พูดนินทาใส่ร้ายป้ายสีคนอื่นบ้าง
พูดจาดูถูกเหยียดยามเพื่อนพี่น้องบ้าง 
แทนที่จะจะกล่าวแต่คำสรรเสริญพระเจ้า คำที่ให้กำลังใจแก่กันและกัน 
คำพูดที่ไพเราะฟังแล้วสบายอกสบายใจ

พระเจ้าได้ทรงชำระท่านให้บริสุทธิ์ด้วยถ่านไฟแตะที่ปากของท่าน
แล้วบอกว่า ความชั่วของเจ้าถูกยกแล้ว บาปของเจ้าก็ถูกลบล้างแล้ว” :
แน่นอนว่าเราเป็นคนบาป เรามีความอ่อนแอ มีความบกพร่อง แม้จะพยายามฝืนบังคับตนเองมากเท่าไร 
เราก็ยังพลาดพลั้งเหมือนเดิม  แม้ว่าวันนี้จะไม่พูดจากระทบกระทั่งคนอื่น
แต่ก็มีที่เราเผลอไป  จึงจำเป็นที่เราจะต้องเข้ามาหาพระเจ้า ยิ่งเราอ่อนแอเราก็ยิ่งมาหาพระองค์ 
มีเพียงพระเจ้าเท่านั้นที่จะสามารถยกบาปให้กับเราได้

ที่สุดอิสยาห์ก็พูดว่า ข้าพเจ้าอยู่ที่นี่แล้ว ขอทรงใช้ข้าพเจ้าไปเถิด 
ท่านตระหนักถึงการให้อภัย  การยกบาปของพระเจ้า ท่านจึงพร้อมที่จะทำงานของพระองค์ 
พร้อมที่จะเป็นพยานยืนยันถึงพระองค์ 

ข้าพเจ้าอยู่ที่นี่ ขอทรงใช้ข้าพเจ้าไปเถิด  น่าจะเป็นคำพูดของเราด้วย
ในฐานะที่เราได้รับการชำระจากพระเจ้าแล้ว

ในพระวรสาร พระเจ้าทรงเรียกเปโตรให้มาทำงานของพระองค์
เปโตรเป็นชาวประมง ตลอดชีวิตท่านคลุคลีอยู่กับการหาปลา เรียกได้ว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญ
และเก่งในอาชีพนี้  แม้ว่าจะมีความสามารถ มีความเก่งแค่ไหน วันนี้เปโตรก็จับปลาไม่ได้เลย 

พระเยซูเจ้าเสด็จมาและบอกกับเปโตรว่า จงแล่นเรือออกไปที่ลึกและหย่อนอวนลงจับปลาเถิด 
พระเยซูเจ้าเป็นช่างไม้ ไม่มีความรู้  เปโตรอยากปฏิเสธแต่ที่สุดก็จำยอม
เพราะเป็นทางเลือกสุดท้าย พวกเราหาปลามาทั้งคืนยังไม่ได้ซักตัวเลย แต่ถ้าพระองค์สั่ง  เราก็จะทำ

ผลสุดท้าย ก็ได้ปลามากมาย
เปโตรเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จึงพูดว่า โปรดไปจากข้าพเจ้าเสียเถิดพระเจ้าข้า เพราะข้าพเจ้าเป็นคนบาป   
อย่ากลัวเลย ตั้งแต่นี้ไป ท่านจะเป็นชาวประมงหามนุษย์
แล้วเขาละทิ้งทุกสิ่งติดตามพระองค์

ความเก่ง  ความสามารถ ความฉลาด ความมีปัญญาของมนุษย์ ทำให้มนุษย์เกิดความจองหอง
ไม่ยอมรับพระเจ้า ไม่ต้องการพระเจ้า ปฏิเสธความช่วยเหลือของพระองค์ 
มนุษย์จึงวางใจในตนเอง วางใจในความสามารถของตนเอง ซึ่งมักจะนำไปสู่หายนะ 
มักจะนำไปสู่การเดินออกนอกลู่นอกทาง

แต่สำหรับผู้ที่วางใจในพระเจ้า สุภาพถ่อมตน พึ่งพาพระเจ้า คนนั้นก็จะได้รับการอวยพรจากพระเจ้า

พี่น้องที่รัก  เราทุกคนได้รับศีลล้างบาป  เราทุกคนได้รับการเรียกจากพระเจ้าให้เข้ามารับชีวิต
พระหรรษทานของพระองค์  เราเป็นกลุ่มชนบริสุทธิ์เพราะได้รับการไถ่จากพระโลหิตของพระคริสตเจ้าแล้ว  
พระศาสนจักรเรียกร้องให้เราดำเนินชีวิตให้สมกับการเป็นคริสตชน 
ให้สมกับการเป็นกลุ่มชนที่ได้รับการไถ่ให้รอด  ด้วยการยืนยัน 
ยืนหยัดมั่นคงในความเชื่อต่อองค์พระเยซูเจ้าด้วยใจสุภาพถ่อมตน


วันเสาร์ที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

อาทิตย์ 4 เทศกาลธรรมดา ปี c

บทเทศน์


พี่น้องที่เคารพรัก วันนี้พระศาสนจักรเชิญชวนให้เรามาพิจารณาไตร่ตรองถึงความรักของพระเจ้าอันไม่มีขอบเขตของพระองค์  พระองค์ทรงรักเราแต่ละคนอย่างไม่มีเงื่อนไขใดใดทั้งสิ้น แม้ว่ามนุษย์มักจะมีเงื่อนไขกับพระองค์เสมอก็ตาม

พระเจ้ารู้จักมนุษย์ ยอมรับ 
ในหนังสือประกาศกเยเรมีห์ เราได้เห็นถึงการเรียกเยเรมีห์ให้เป็นประกาศกของพระองค์ ประกาศเกี่ยวกับพระเจ้า พูดถึงพระเจ้า ดำเนินชีวิตตามหนทางของพระเจ้า พระเจ้าทรงเริ่มต้นด้วยถ้อยคำที่ว่า ก่อนที่เจ้าจะปฏิสนธิในครรภ์มารดา  เรารู้จักเจ้าแล้ว  ก่อนที่เจ้าจะเกิดมา เราได้ทำให้เจ้าศักดิ์สิทธิ์แล้ว หมายความว่าอะไร?  หมายความว่า พระเจ้าได้ทรงเรียกและเลือกก่อนที่เยเรมีห์จะรู้จักพระเจ้าเสียอีก  ก่อนที่เยเรมีห์จะเกิดมาเสียอีก  และที่สำคัญไปมากกว่านั้น พระเจ้าทรงเรียก-เลือกเพราะความรัก พระเจ้าทรงรัก  ในภาษาพระคัมภีร์บอกว่า เราเลือกด้วยความรัก  เราเป็นเจ้าของตัวของเจ้าทั้งครบ นั่นคือ พระเจ้ารู้จักเรา เข้าใจเรา และอยู่กับเรา
เมื่อพระเจ้าทรงเรียก แม้ว่าเยเรมีห์จะปฏิเสธว่า ตนเองไม่เหมาะสมที่จะเป็นประกาศกของพระเจ้า ตัวเองไม่มีความสามารถ ตัวเองไม่เก่ง   แต่ถ้อยคำของพระเจ้าตรัสว่า เราอยู่กับเจ้า เพื่อช่วยกู้เจ้าไว้
ในหมู่บรรดาประกาศกทั้งหลาย ไม่มีใครได้รับความทุกข์ทรมาน ความเจ็บปวดเท่ากับเยเรมีห์  ไม่มีใครทำงานล้มเหลวเหมือนอย่างเยเรมีห์  ล้มเหลวในที่นี่หมายถึง ไม่มีใครยอมรับท่าน ท่านถูกโต้แย้งจากทุก ๆ คน จากครอบครัวของท่าน จากผู้นำทางศาสนาของยิว  จากกษัตริย์ และจากประชาชน  ท่านถูกกล่าวหาว่าเป็นกบฏ ท่านถูกจับขังคุก ท่านถูกขับไล่ และถูกฆ่า  แต่งานของท่านก็ประสบความสำเร็จและบังเกิดผล  เราอยู่กับเจ้า  เพื่อช่วยกู้เจ้าไว้

มนุษย์รู้จักพระเจ้า แต่ปฏิเสธ 
ในพระวรสารชีวิตของพระเยซูเจ้าก็เหมือน ๆ กับชีวิตของประกาศกเยเรมีห์ พระองค์เสด็จมาในโลกเพื่อสอน บอก ประกาศความรักของพระเจ้า เตือนให้กลับใจคืนดีกับพระเจ้า แต่สิ่งที่พระองค์ได้รับก็คือ การปฏิเสธ การไม่ยอมรับจากคนในหมู่บ้านของพระองค์ จากบรรดาผู้นำทางศาสนายิว จากกษัตริย์  และจากคนอื่น ๆ อีก  บุคคลเหล่านี้จ้องที่จะทำร้ายพระองค์ จ้องที่จะกำจัดพระองค์ ทั้ง ๆ ที่พระองค์ทรงมีความปรารถนาที่ช่วยพวกเขาให้รอดพ้นและสร้างความสัมพันธ์กับพระเจ้า
เราปฏิเสธพระเจ้า เพราะเราเอาแต่ใจตนเอง
การเอาใจพระเจ้านั้น เป็นสิ่งที่ต้องสม่ำเสมอและตลอดเวลา มันเป็นเหมือนกับการฝืนตนเอง มันเป็นเหมือนกับการบังคนตนเอง มันเป็นเหมือนการไม่เป็นตัวของตัวเอง
แต่.. การเอาใจตนเอง นั้น รสชาติของมันก็คือความสุข  เป็นตัวของตัวเอง อยากทำอะไรก็ทำ เกิดความพึงพอใจในการกระทำของตนเอง ไม่ต้องฝืน ไม่ต้องทน ไม่ต้องบังคับจากใคร มีอิสระ และเสรีภาพ
ตัวอย่าง อาดัมเอวา ทำตามใจตนเอง จึงไม่เชื่อฟังพระเจ้า กินผลไม้ต้องห้าม
ตัวอย่าง กาอิน ทำตามใจตนเอง สามารถฆ่าน้องชายแท้ ๆ ของตนเองได้ เพราะความอิจฉา
ตัวอย่าง ชาวเมืองสมัยโนอาห์ กินและดื่ม เสพความสุข ผิดศีลธรรม ทำให้เกิดน้ำท่วมโลก

พระเจ้าเรียกร้องดำเนินชีวิตในความรัก 
เราเป็นคริสตชน เราเป็นผู้ที่พระเจ้าทรงเรียกและเลือก ชีวิตคริสตชนของเราเป็นชีวิตแห่งการเป็นผู้ที่รัก โดยเริ่มต้น พระเจ้าทรงรักเรา  เรารักพระองค์  และนำความรักของพระเจ้าไปสู่เพื่อนพี่น้องของเรา นี่เป็นพันธกิจ เป็นหน้าที่ และเป็นงานที่พระเจ้าได้มอบให้กับเรา งานแห่งความรัก รักพระเจ้าและรักซึ่งกันและกัน เป็นความรักแบบพระเจ้า นั่นคือ ความรักที่ไม่มีเงื่อนไข  ความรักย่อมอดทน มีใจเอื้อเฟื้อ ไม่อิจฉา ไม่โอ้อวดตนเอง ไม่จองหอง  ไม่หยาบคาย ไม่เห็นแก่ตัว ความรักไม่ฉุนเฉียว ไม่จดจำความผิดที่ได้รับ ไม่ยินดีในความชั่ว แต่ร่วมยินดีในความถูกต้อง  ความรักให้อภัยทุกอย่าง เชื่อทุกอย่าง หวังทุกอย่าง อดทนทุกอย่าง

การปฏิเสธที่จะรักคนอื่น เท่ากับว่า เราปฏิเสธที่จะรักพระเจ้า 
หากเราปฏิเสธที่จะช่วยเหลือคนอื่น เท่ากับว่า เรานั้น หันหลังให้กับพระองค์