BLOGGER TEMPLATES AND TWITTER BACKGROUNDS

วันเสาร์ที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2557

เทศน์เตรียมจิตใจ วัดนาคำ


วันที่ 2 มกราคม 2014

ได้รับเชิญให้ไปเทศน์เตรียมจิตใจ โอกาสฉลองวัดพระนามพระเยซู บ้านนาคำ
เวลา 19.00 น.

บทเทศน์


พี่น้องที่เคารพรัก วันนี้เราพากันมาร่วมมิสซาเตรียมจิตเตรียมใจของเรา เพื่อจะได้เข้าสู่การเฉลิมฉลองความเชื่อของเรา ความเชื่อของชุมชนของเรา  ความเชื่อของครอบครัวของเรา โดยมีจุดศูนย์กลางแห่งความเชื่อคื พระเยซูคริสตเจ้า และวัดของเราก็อยู่ภายใต้การปกครองดูแลของพระองค์ พระนามของพระองค์ คือ พระนามเยซู...

เราเคยถามกันและกันไหมว่า “ทำไมวัดของเราจึงได้ชื่อว่า “วัดพระนามพระเยซู”  หากจะถามถึงต้นเหตุ ก็คงต้องไปถาม คุณพ่อยอแซฟ กอมบูริเออ ผู้ก่อตั้งวัด ผู้ก่อตั้งกลุ่มคริสตชน ว่าทำไมจึงใช้ชื่อ พระนามเยซู เป็นชื่ออุปถัมภ์ชาวบ้านนาคำแห่งนี้  แน่นอนว่า เราไม่สามารถที่จะทำได้ หรือ หากจะไปถามผู้เฒ่าผู้แก่ บรรพบุรุษที่ร่วมสมัยกับคุณพ่อ ก็คงจะลำบากเช่นเดียวกัน

อย่างไรก็ตาม ชื่อวัดพระนามเยซู เราซึ่งเป็นสัตบุรุษก็คงจะภูมิใจ และอบอุ่นใจ อย่างแน่นอน เพราะ ชีวิตของเรา ลูกหลานของเรา อยู่ภายใต้การดูแลเป็นพิเศษของพระเยซูเจ้า


ความหมายชื่อ

คำว่า “เยซู” หมายถึง “ผู้ช่วยให้รอดพ้น”  เหมือนกับชื่อของ โยชูวาห์ ในพันธสัญญาเดิม เป็นชื่อที่พระเจ้าได้ประทานให้ เพราะว่า “ผ่านทางเยซู พระองค์จะช่วยประชากรของพระองค์ให้พ้นจากบาป” นี่คือ บทบาทพิเศษของพระองค์ พระองค์ทรงช่วยพวกเขาให้พ้นจากโทษของบาป ด้วยการชำระล้างในเลือดของพระองค์ พระองค์ทรงช่วยพวกเขาให้พ้นจากการครอบงำของบาปโดยประทานพระจิตลงมาอยู่ในตัวของพวกเขา พระองค์ทรงช่วยพวกเขาในเวลาที่เขาตกในบาป เมื่อเขาตายไปพระองค์ทรงช่วยให้อยู่กับพระองค์ เพราะพระองค์ชนะบาปและความตาย และพระองค์จะทำให้ร่างกายของเรากลับเป็นขึ้นมาในวาระสุดท้ายด้วย

พระเยซูเป็นใคร?

พระบุตรของพระเจ้า : พระเยซูเจ้าได้รับการยืนยันจากเทวดาคาเบรียล ที่มาแจ้งข่าวดีแก่แม่พระว่า พระนางจะตั้งครรภ์และให้กำเนิดบุตรชายคนหนึ่ง ซึ่งเป็นผลมาจากพระจิตเจ้า พระองค์จะเสด็จลงมาเหนือพระนาง และพระอานุภาพของพระผู้สูงสุดจะแผ่เงาปกคลุมพระนาง บุตรที่จะเกิดมาจึงเป็นบุตรของพระเจ้า เป็นพระบุตรสุดที่รักของพระเจ้า    เราจะเห็นว่า เมื่อพระเยซูเจ้ามีชีวิตอยู่ พระองค์พยายามสอนและแสดงให้เราเห็นเสมอว่า พระองค์ทรงเป็นบุตรของพระเจ้า เช่น การเคารพต่อพระประสงค์ของพระบิดาเจ้า การเชื่อฟังพระบิดาเสมอ แลไม่ว่าจะทำอะไร พระองค์ก็สวดภาวนาถึงพระบิดาตลอดเวลา ไม่ว่าจะในการเลือกอัครสาวก ไม่ว่าจะทำอัศจรรย์ ไม่ว่าจะรับทรมาน หรือ แม้แต่บนกางเขน พระองค์ก็ยังคิดถึงพระบิดาเสมอ เพราะพระองค์ตระหนักถึงการเป็นบุตรของพระเจ้า  บุตรมีหน้าที่ในการเคารพและเชื่อฟัง
          
เราทุกคนเป็นบุตรของพระเจ้า : เป็นผู้ที่เกิดมาจากพระเจ้าในศีลล้างบาป ในนามของพระบิดา พระบุตร พระจิตเจ้า และผ่านทางศีลล้างบาป เราก็เป็นผู้ที่เกิดใหม่ในพระเจ้า มีชีวิตในพระเจ้า มีชีวิตเพื่อพระเจ้า แสดงให้เห็นว่า เราเป็นคนของพระเจ้า พี่น้องเมื่อเราเป็นบุตรของพระเจ้าผ่านทางศีลล้างบาป เมื่อเราเป็นคริสตชน ผ่านทางศีลล้างบาปแล้ว หน้าที่ของเราก็คือ เลียนแบบชีวิตของพระเยซูเจ้า นั่นคือ การเคารพ และเชื่อฟังพระองค์ ไม่ว่าเราจะทำอะไรในชีวิตของเรา เราจะต้องคิดถึงพระองค์ ไม่ว่าจะสุขหรือทุกข์ ไม่ว่าจะร้องไห้ หรือ ดีใจ ไม่ว่าจะเผชิญกับความเจ็บปวดหรือความทุกข์ทรมาน  เราก็ต้องวางใจและมั่นใจในความรักของพระเจ้าที่มีต่อเรา เหมือนพระเยซูเจ้าทรงไว้วางใจในพระบิดาเจ้า เพราะความสำนึกในการเป็นบุตรของพระองค์ ที่จะต้อง เชื่อฟังและวางใจ


พระเยซูคริสตเจ้าทรงเป็นแบบอย่างที่สมบูรณ์ที่สุด
ในฐานะของการเป็นบุตร ตลอดพระชนมชีพของพระองค์ พระองค์พยายามแสดงให้เราเห็นว่า พระองค์ทรงรักพระบิดา และเป็นหนึ่งเดียวกับพระบิดา พระเยซูเจ้าพยายามแสดงให้เราเห็นว่า

เราต้องรักเพื่อนมนุษย์อย่างไร? 
พระเยซูเจ้าทรงเทศน์สอน และกระทำแต่ความดีต่อบุคคลอื่น พระองค์พูดความจริง และอิงในความถูกต้องเสมอ ต่อคนที่อิจฉา เบียดเบียน ทำให้พระองค์ทนทุกข์ ต่อคนที่ใส่ร้ายป้ายสี พระองค์ทำอย่างไร?ต่อสถานการณ์อย่างนี้ พระองค์สอนให้รักกันและกัน สอนให้อภัยให้แก่กันและกัน สอนให้ภาวนาให้แก่คนที่เกลียดชังเรา หรือ เราเกลียดชัง และสอนให้เรารักแม้แต่ศัตรูของเรา ภาวนาให้เขา ทำดีต่อเขา แม้แต่คนที่ฆ่าพระองค์ พระองค์ก็ยังสามารถให้อภัยได้ พระองค์เอาความเข้มแข็งมาจากไหน? ข้าแต่พระบิดาเจ้าข้า โปรดอภัยให้เขาด้วย เพราะเขาไม่รู้ว่า เขากำลังทำอะไร? ดูเหมือนว่า ความเข้มแข็งของพระเยซูเจ้า แม้เผชิญต่อหน้าความตาย พระองค์มีความเข้มแข็งมาจาก “พระบิดา” นั่นคือ เชื่อฟัง และวางใจ

การรักเพื่อนมนุษย์ดูเหมือนว่าเป็นยาขม สำหรับคริสตชน การรักศัตรูดูเหมือนว่าเป็นเหมือนกับยาพิษสำหรับคริสตชน เพราะหากใครทำแล้วดูเหมือนว่าตัวเองจะตาย ตัวเองจะขายหน้า ตัวเองจะเสียเปรียบ มันจึงยากมากที่จะทำ ยากมากสำหรับการรักเพื่อนมนุษย์

เรื่องเล่า ที่แถบภูเขาที่หนาวเย็นทางภาคเหนือของประเทศอินเดีย นักเดินทางแสวงบุญสู่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์มักจะมีวิธีการที่จะทำให้ตัวเองอุ่นเสมอด้วยวิธีแปลก เช่น ชายสามคนนี้ ก็มีวิธีการของพวกเขาคือ เขาจะเอาหม้อดินใบเล็ก ๆ แล้วเอาถ่านที่ติดไฟใส่ไว้ข้างในหม้อ แล้วปิดมันไว้ เอาเชือกมัดมันไว้ แล้วห่อด้วยผ้า แล้วก็เหน็บไว้ใต้แขน ทำให้อบอุ่น ขณะที่ทั้งสามกำลังเดินทางไปยังภูเขาศักดิ์สิทธิ์ คนหนึ่งในสามสังเกตว่า มีเพื่อนเดินทางอื่น ๆ ที่หนาวอยู่ เขาจึงเอาถ่านไฟออกมาจากหม้อของเขา แล้วก็ก่อไฟขึ้น เพื่อช่วยเพื่อให้ได้รับความอบอุ่น ให้เขารอดตายจากความหนาว  เมื่อออกเดินทางมาได้สักระยะไกล ๆ แล้ว ทางเดินเริ่มมืดลง คนที่สองจึงได้เอาไฟของตนเองออกมาเพื่อจุดไต้ชูไปข้างหน้า พวกเขาจึงมองเห็นทางเดินและเดินไปอย่างปลอดภัย เมื่อคนที่สามเห็นการกระทำของเพื่อนสองคน ก็หัวเราะเยาะ “ทำไมคุณถึงโง่นัก พวกคุณเสียสละไฟของตนเองให้คนอื่นอย่างนั้น” ทั้งสองถึงถามว่า ไหน เอาไฟของคุณมาให้เราดูซิ เมื่อเขาเปิดออกมา ปรากฏว่า ถ่านไฟดับไปนานแล้ว มีเพียงเถ้าถ่านเท่านั้น เขาเสียไฟไปเปล่า ๆ โดยไม่มีประโยชน์ใดเลย


เราต้องสุภาพถ่อมตนอย่างไร? แบบอย่างนี้เขาเห็นได้ชัดเจนมาก พระเยซูเจ้าสุภาพถ่อมตนมาก มากที่สุดก็ว่าได้ เห็นจาก
a.     การเสด็จมาบังเกิดเป็นมนุษย์ เกิดอย่างยากจน เกิดอย่างเงียบ เกิดท่ามกลางความหนาวเย็น เกิดมาท่ามกลางความต่ำต้อย คือ ความไม่มีอะไรเลย พระเจ้าก็เกิดมา
b.    การตายบนไม้กางเขน ตายอย่างโจร ผู้ร้าย ตายอย่างไร้เกียรติและศักดิ์ศรีของความเป็นคน พระเจ้ายอมทนทุกข์ทรมานเพื่อเราทุกคน
c.     พระสันตะปาปาฟรังซิสตรัสว่า “เราจะต้องเป็นคนสุภาพถ่อมตน ยอมรับว่าชีวิตของเราขาดพระเจ้าไม่ได้ เราต้องยอมถ่อมตนลงรับพระหรรษทานของพระเจ้า เหมือนกับทะเลทรายที่ต้องการน้ำ เราก็ควรจะกระหายหาพระองค์เช่นนั้น

เรื่องเล่า  นักเพ่งฌานชาวเยอรมัน ชื่อ ทาร์เลอ เขาได้เล่าว่า วันหนึ่งเขาพบขอทานคนหนึ่งและได้พูดกับขอทานนั้นว่า “เพื่อนเอ๋ย พระเจ้าประทานอากาศดีแก่ท่าน” ขอทานตอบว่า “ผมขอบคุณพระเจ้าที่ผมไม่เคยมีวันไหนที่อากาศไม่ดีเลย”  “ถ้าอย่างนั้นคุณก็ขอให้พระเจ้าประทานชีวิตที่มีสุขแก่เจ้าสิ” ขอทานตอบว่า “ขอบคุณพระเจ้าที่ผมไม่เคยไม่มีความสุขเลย” เจ้าหมายความว่าอะไร? ขอทานตอบว่า “เวลาที่อากาศดี เวลาที่ฝนตก ก็ขอบคุณพระเจ้า เวลาที่ผมมีมาก เวลาที่ผมหิว ก็ขอบคุณพระเจ้า นี่คือพระประสงค์ของพระองค์ แล้วจะให้ผม ไม่มีความสุขได้อย่างไร ถ้าเป็นพระประสงค์ของพระเจ้า” ทาร์เลอ มองดูชายขอทาน ถามต่อไปว่า “ท่านเป็นใคร?” เขาตอบว่า “ผมเป็นกษัตริย์” แล้วอาณาจักรของท่านอยู่ที่ไหน? เขาตอบว่า “อยู่ในหัวใจของผม” นี่คือสภาพของคนที่มีความศรัทธาอย่างแท้จริง


ในขณะที่คุณกำลังเดินไปในเส้นทางของพระเจ้า จงอย่าให้ชีวิตขึ้นอยู่กับความรู้สึก


0 ความคิดเห็น: