BLOGGER TEMPLATES AND TWITTER BACKGROUNDS

วันพฤหัสบดีที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2557

บทเทศน์มิสซาปลงศพป้าลูซีอาวิไล นามน

วัน พฤหัสบดี ที่ 5 มิถุนายน 2014
ที่วัดนักบุญเปาโล กลับใจ บ้านนามน
เวลา 14.00 น.





บทเทศน์
                                                                                                                                            ยน 17:20-26


พี่น้องที่เคารพรัก บ่ายวันนี้อยากจะเชิญชวนพวกเราที่ชุมนุมกัน ณ ที่นี้ ไม่ว่าจะเป็นพุทธศาสนิกชน หรือคริสตชน ร่วมภาวนาเป็นน้ำหนึ่งในเดียวกัน เพื่ออุทิศให้กับคุณยายลูซีอา วิไล  ซาหลาบคำ ผู้ล่วงลับ ซึ่งพระเจ้าได้ทรงเรียกเขาให้กลับไปหาพระองค์ เราภาวนาเพื่อเขาจะได้อยู่ในอ้อมพระหัตถ์ของพระเจ้า เราภาวนาเพื่อขอพระเมตตาจากพระเจ้า เราภาวนาเพื่อเราจะได้เป็นหนึ่งเดียวกันในพระองค์ด้วย
พี่น้องตลอด 7 สัปดาห์ด้วยกันที่เราอยู่ในบรรยากาศของการกลับคืนพระชนมชีพของพระเยซูคริสตเจ้า และในสัปดาห์นี้ เราอยู่ในบรรยากาศของการจะจากไปของพระเยซูเจ้า แน่นอนว่า เมื่อพระองค์กลับคืนพระชนมชีพ พระองค์ก็จะเสด็จสู่สวรรค์ประทับเบื้องขาวพระบิดา และในวันอาทิตย์ที่จะถึงนี้ เราก็จะทำการสมโภชพระจิตเจ้า องค์พระผู้ช่วยเหลือ องค์พระผู้บรรเทา ซึ่งจะเสด็จลงมาอยู่กับเรา
ในวันนี้ พระวรสาร ผมได้เลือกพระวรสารประจำวัน ซึ่งเป็นพระศาสนจักรได้จัดวางไว้ เพื่อเป็นเสมือนโอวาท หรือ คำสั่งเสียของพระเยซูเจ้าที่พระองค์ตรัสกับบรรดาศิษย์ของพระองค์  พระวาจาตอนนี้ เป็นคำอธิษฐานภาวนาของพระเยซูเจ้าต่อพระบิดาเจ้า เหมือนกับว่า พระองค์กำลังจะจากไป สิ่งที่พระองค์ต้องการให้เกิดขึ้นกับบรรดาศิษย์ของพระองค์ คือ ความเป็นหนึ่งเดียวกันในระหว่างพวกเขา พระองค์จึงภาวนาเพื่อให้พวกเขาเป็นหนึ่งเดียวกัน เหมือนกับที่พระองค์กับพระบิดาเป็นหนึ่งเดียวกัน
ความแตกแยก ที่มาจากความแตกต่าง หรือมาจากเอกลักษณ์ที่แต่ละคนมีนั้น อาจจะทำให้เกิดความขัดแย้งกันได้ เพราะมนุษย์แต่ละคนก็มีเอกลักษณ์ มีนิสัย มีความคิด มีอิสรภาพ มีอำเภอใจ มีเสรีภาพที่จะทำ ที่จะคิด  แม้จะเป็นคนในครอบครัวเดียวกัน คนในหมู่บ้านเดียวกัน ในสังคม ในประเทศ หรือศาสนาเดียวกัน ก็อาจจะเกิดความขัดแย้งกันได้ พระเยซูเจ้าจึงเป็นห่วง และภาวนาให้พวกเขาเป็นหนึ่งเดียวกัน พระเยซูเจ้าวอนขอพระบิดาโปรดทำให้บรรดาศิษย์ของพระองค์เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน
นี่คือ หัวจิตหัวใจของพระเยซูเจ้า หัวใจของผู้เป็นอาจารย์ หัวใจของผู้ที่รักบรรดาศิษย์ของพระองค์ อยากให้เขาเป็นหนึ่งเดียวกัน แม้ว่าพระองค์จะไม่อยู่ ก็อยากจะให้เขาเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน
ผมก็มั่นใจว่า เราทุกคนที่เป็นพ่อแม่ หรือ ปู่ย่าตายาย ก็อยากจะเห็นลูกหลาน คนในครอบครัวเป็นน้ำหนึ่งในเดียวกันอย่างแน่นอน ทุกคนก็อยากจะเห็นลูก ๆ หลาน ๆ เป็นปึกเป็นแผ่น รักใคร่และปรองดองซึ่งกันและกัน อย่างแน่นอน
ป้าไล ป้าใหญ่ ก็คงจะมีความคิด และรู้สึกเหมือนกัน อยากให้ลูกหลานเป็นหนึ่งเดียวกัน
พี่น้องที่เคารพรัก วันนี้เรามาร่วม เพื่อภาวนาสำหรับญาติพี่น้องของเราที่ล่วงลับ ความตาย สำหรับเราคริสตชนเป็นเหมือนทางผ่าน ที่ไม่ค่อยมีใครอยากจะข้ามผ่าน คนที่แข็งแรง มีสุขภาพดี ก็ไม่อยากจะผ่าน แม้จะรู้ว่า มีชีวิตที่สมบูรณ์แบบ มีชีวิตที่ดีงาม สวยงาม รอเราอยู่ หลังความตาย คือ ชีวิตนิรันดรกับพระเจ้า คือ บ้านแท้ของเรา แต่เราก็ยังไม่อยากตาย เราทุกคนมีความกลัว ตามประสามนุษย์ แต่สำหรับเราคริสตชน เรากล้าที่จะเผชิญความตายด้วยความชื่นชมยินดี เรากล้าเผชิญกับความตายด้วยความหวัง 
ป้าไล ก็เป็นคนหนึ่งที่กล้าเผชิญหน้ากับความตายด้วยความเข้มแข็ง และไม่กลัวตาย เวลามาเยี่ยมป้าจะบอกเสมอว่า “พร้อมแล้ว ป่านได๋พระ จะยกไป” จนลูก หลาน ต้องพูดว่า ให้เข้มแข็ง อย่าเพิ่งไปเด้อ ให้อยู่กับลูกกับหลาน เป็นร่มโพธิ์ร่มไทร ให้ลูกให้หลานไปนาน ๆ ก่อน
เป็นไปได้หรือว่า เพราะความเจ็บป่วยทำให้เราคิดถึงความตาย เพราะความเจ็บปวดทำให้เราอยากตาย เพราะความเจ็บปวดจึงไม่อยากเห็นลูกหลานลำบาก 
แต่สิ่งที่เป็นพลังสำหรับคนคนหนึ่งที่กล้าบอกว่า “ขอพระเจ้ายกตนไปเถิด”  พลังนี้ มาจากความเชื่อล้วน ๆ  เพราะมีความเชื่อในพระเจ้า เราจึงมั่นใจว่า เมื่อเราตายไปแล้ว เราจะไปอยู่กับพระองค์ เพราะความเชื่อล้วน ๆ ทำให้เราหวังว่า เมื่อตายเราจะอยู่กับพระเจ้าผู้ทรงรักเรา เราจะอยู่ในบ้านแท้นิรันดรของเรา
เมื่อญาติพี่น้องของเราตาย สิ่งที่ท่านทิ้งไว้ให้เรา หลายครั้งเรามองที่ คุณงามความดีของท่านที่ได้ทำ นั่นก็เป็นสิ่งที่ถูกต้อง แต่สำหรับคริสตชน มีสิ่งที่เหนือกว่าความดี ก็คือ ความเชื่อ ความวางใจและความรักของพระเจ้า
ความดี เป็นสิ่งธรรมดา พื้นฐานของชีวิต เหมือนกับเราหายใจ ถ้าเราไม่หายใจ เราก็ตาย ความดี ถ้าเราไม่กระทำ เราก็ตายด้วยเช่นเดียวกัน คริสตชนหลายคนมองคุณค่าของชีวิตตนเองมีแค่การเป็นคนดี การทำหน้าที่ของเองอย่างดี ซึ่งความคิดนี้ เป็นเรื่องผิวเผิน และธรรมดามาก  หากคิดแค่นี้ เราก็ไม่แตกต่างจากมีชีวิตอื่น หรือ คนอื่น  ผมก็ไม่ได้ทำผิดต่อใคร ไม่ได้ลักเล็กขโมยน้อย ไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน ก็เป็นคนดี  แต่สำหรับคุณค่าชีวิตของคริสตชนคนหนึ่ง คือ การมีความเชื่อ มีความศรัทธาต่อพระเจ้า เข้าวัดเข้าวา สวดภาวนา ฟังพระเทศน์สอนเตือนจิตเตือนใจ ขัดเขลาจิตใจ ยกจิตใจให้สูงขึ้น ให้พลังแห่งความเชื่อ ความศรัทธาต่อพระเจ้าผลักดันเราให้กระทำในสิ่งที่ดีงาม ทำดีมิใช่เพื่อตนเอง แต่ทำดีเพราะพระเจ้าทรงรักเรา
ป้าไล ก็เป็นคนคริสตชนคนหนึ่ง ที่สั่งสม หล่อหลอม และไม่ทิ้งความเชื่อในพระเจ้า แม้จะมีความยากลำบาก แม้จะมีความทุกข์ แม้จะได้รับความทรมานจากการเจ็บปวด แต่ป้าก็สู้ทน อดทน ไม่ใช่เพราะต้องการเป็นคนดี แต่เพราะป้ามีความเชื่อมีความศรัทธาต่อพระเจ้า ถ้าเป็นคนดี แต่ไม่มีความเชื่อ คงจะด่าพระเจ้าไปแล้ว คงจะทิ้งศาสนาไปแล้ว เพราะเป็นคนดีแล้วทำไมต้องเจอความทุกข์  แต่เพราะป้ามีความเชื่อ มีความศรัทธาต่อพระเจ้า จึงน้อมรับและสู้ ด้วยการภาวนา สู้ด้วยการสวดสายประคำ เพราะพระเยซูเจ้าสอนเราไม่ให้หลีก หรือเลี่ยงจากความทุกข์ แต่พระองค์สอนเราให้อยู่กับความทุกข์พร้อมกับพระองค์
ตัวอย่างของความเชื่อของ แม่ ยาย ป้า เป็นสิ่งที่อยู่เหนือความดีทุกอย่าง ที่ลูกหลานควรจะดำเนินชีวิต และควรที่จะถ่ายทอดต่อ ๆ กันไป ว่า แม่ของเราเป็นผู้มีความเชื่อที่เข้มแข็ง แม่ของเราเป็นผู้ที่ไม่ทิ้งพระเจ้า
เพราะฉะนั้น ในโลกนี้ คริสตชนอยู่ในโลก แต่ไม่เป็นของโลก ไม่รับค่านิยมของโลกแทนค่านิยมแห่งพระวรสารของพระเจ้า ในโลกนี้ คริสตชนมีหน้าที่ที่ต้องตระหนัก คือ การรักษาความเชื่อ การพัฒนาความเชื่อ การฝึกฝนความเชื่อ การตอบรับความเชื่อต่อพระเจ้า ให้มั่นคง ให้เข้มแข็ง ให้หยั่งรากลึกในจิตใจ วิญญาณของเรา เราอยู่ในโลกนี้ ไม่ใช่เฝ้าแต่จะทำความดี โดยทิ้งความเชื่อ นี่เป็นความคิดที่ผิด แต่ความคิดที่ถูกต้องคือ การเฝ้าระวัง รักษาความเชื่อให้มั่นคง สิ่งที่เป็นผลของความเชื่อ คือ กิจการที่ดีงามต่าง ๆ ที่เราทำนั่นเอง






ขอพระเจ้าประทานการพักผ่อนตลอดนิรันดรแก่ท่านเทอญ
ป้าลูซีอาวิไล  ซาหลาบคำ

1 ความคิดเห็น:

Unknown กล่าวว่า...

พ่อค่ะนิวเพิ่งเห็น ซึ้งใจค่ะพ่อ