BLOGGER TEMPLATES AND TWITTER BACKGROUNDS

วันเสาร์ที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2557

อาทิตย์ สัปดาห์ 19 ธรรมดา A

บทเทศน์


พี่น้องที่เคารพรัก วันนี้เราพากันมาร่วมกันเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันในการเฉลิมฉลองการกลับคืนพระชนมชีพของพระเยซูคริสตเจ้า ให้เรามอบชีวิต กิจการงาน ความกังวลใจต่าง ๆ ในการดำเนินชีวิตไว้กับพระองค์ ให้วอนขอความเชื่อ ความกล้าหาญที่จะดำเนินชีวิตในหนทางของพระองค์เสมอ

วันนี้พระวาจาของพระเจ้าตรัสอะไรกับเรา

ในบทอ่านที่หนึ่ง เราได้เห็น “การเสด็จมาขององค์พระผู้เป็นเจ้าต่อหน้าประกาศกของพระองค์ คือ อิสยาห์”  ก่อนที่หน้านี้ ประกาศกอิสยาห์ได้ถูกตามล่าจากกษัตริย์อาหับและพระนางเยเซเบล เพราะประกาศกอิสยาห์ได้สั่งให้ฆ่าพระที่นับถือพระบาบัลทั้งหมด ทำให้พระนางเยเซเบลไม่พอพระทัย จึงสั่งคนตามล่า ประกาศกจึงหนีไปยังถิ่นทุรกันดาร ท่านมีความรู้สึกอยากจะตาย เพราะทำดีเพื่อประชาชน แต่ก็ถูกตามล่า  พระเจ้าได้ส่งทูตสวรรค์มาเลี้ยงดูท่าน นำอาหาร น้ำมาให้ท่าน ทำให้ท่านมีแรง เดินทางมาถึงภูเขาของพระเจ้า คือ ภูเขาโฮเรบ และที่นี่  ประกาศกอิสยาห์สัมผัสถึงการประทับอยู่ของพระเจ้า ผ่านทางเสียงกระซิบเบา ๆ ไม่ใช่จากพายุแรงกล้า ความรุนแรง หรือแผ่นดินไหว หรือไฟที่ลุกเผาผลาญ

การที่ประกาศกได้สัมผัสถึงการประทับอยู่ของพระเจ้าในชีวิต ทำให้ท่านมีความกล้าหาญที่จะกลับไปเผชิญหน้ากับกษัตริย์ เผชิญหน้ากับสิ่งที่เกิดขึ้น ท่านลงจากภูเขาและทำหน้าที่ของตนเอง

ในพระวรสาร นักบุญมัทธิวได้เล่าถึงชีวิตของพระเยซูเจ้า หลังจากที่ทวีขนมปังเลี้ยงคนแล้ว พระองค์ทรงบอกให้ศิษย์ล่วงหน้าไปก่อน ส่วนพระองค์ทรงส่งประชาชน และพระองค์ก็ เสด็จขึ้นไปบนภูเขา เพื่ออธิษฐานภาวนา ตามลำพัง พี่น้องจะสังเกตเห็นว่า พระเยซูเจ้าทรงภาวนาเสมอ พระเยซูเจ้าทรงภาวนในที่สงบเงียบ บนภูเขาบ้าง ในที่เปลี่ยวบ้าง พระองค์ติดต่อและใกล้ชิดกับพระบิดาเจ้าเสมอ

ส่วนบรรดาศิษย์ได้ลงเรือล่วงหน้าพระองค์ไป เกิดอะไรขึ้น พวกเขาต้องเผชิญกับลม คลื่นที่ซัด ปะทะเรืออย่างหนัก คงจะเต็มไปด้วยความสับสนและวุ่นวายอย่างมาก และเมื่อใกล้จะสว่างพวกเขาเห็นใครก็ไม่รู้เดินบนน้ำ กำลังเข้ามาใกล้พวกเขา ทุกคนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “ผีมา” พวกเขากลัวมาก เสียงดัง เอ็ดอึง

พระเยซูเจ้าตรัส “ทำใจให้ดี เราเอง อย่ากลัวเลย” เปโตรกล้าพิสูจน์ ความเป็นจริง ว่าเป็นผี หรือ พระเยซูเจ้า จึงเดินบนน้ำไปหาพระองค์ตามคำเชื้อเชิญของพระองค์ แต่เมื่อเดินไปสักพัก ก็เริ่มจม เพราะเห็นว่าลมแรง แล้วสุดท้ายก็ร้องให้พระเยซูเจ้าช่วย.. พระองค์ไม่เคยปฏิเสธ จึงช่วยเปโตร และขึ้นบนเรือ

พี่น้องที่เคารพรัก ในบทอ่านที่ 1 เราพบว่า ในความสงบ  เราจะสัมผัสถึงการประทับอยู่ของพระเจ้า เช่นนี้  เราก็ไม่จำเป็นต้องกลัวสิ่งใด เช่นเดียวกับประกาศกอิสยาห์ ท่านกล้าที่จะเดินลงจากเขา และกับไปเผชิญหน้ากับศัตรูที่ต้องการฆ่าท่าน ท่านไปทำหน้าที่ที่พระเจ้ามอบหมายให้ท่านอย่างสิ้นสุดชีวิตของท่าน  ชีวิตของเราก็เช่นกัน มีปัญหาและความทุกข์ มีความยากลำบาก ต้องเผชิญหน้ากับความเจ็บปวด ความไม่เข้าใจ  แม้กระทั่งความกลัว  เชิญชวนให้เราคริสตชน เงียบ และภาวนา ตระหนักถึงการประทับอยู่ของพระเจ้าในชีวิต วางใจในพระองค์ นี่แหละคือขุมพลังในชีวิตของเรา

ในพระวรสาร พระเยซูเจ้า หลังจากทำกิจการงานเสร็จ พระองค์ทรงเสด็จไปภาวนา เงียบ ๆ ตามลำพัง นี่คือ แบบอย่างของชีวิตคริสตชนของเรา ซึ่งเราจะต้องภาวนาเสมอในชีวิต เป็นขุมพลังที่ไม่มีวันหมดสิ้น ที่พระเจ้าทรงมอบให้แก่เรา ความเงียบและการภาวนา เท่ากับพลังในการขับเคลื่อนชีวิตของเรา เพื่อจะสามารถเอาชนะอุปสรรค์ ปัญหาต่าง ๆ ในชีวิต อาศัยพลังของการภาวนา ยิ่งภาวนา เราก็ยิ่งใกล้ชิดกับพระเจ้า ยิ่งใกล้ชิดกับพระเจ้า ชีวิตของเราก็ไม่ต้องกลังสิ่งใด

เราเห็นบรรดาศิษย์ที่แล่นเรือโดยปราศจากพระเยซูเจ้า พวกเขามีความยากลำบาก ต้องเผชิญ ลม พายุ คลื่น ที่โหมใส่เรือของเขา ทำให้มีความวุ่นวาย ความกลัว อย่างมาก จนมองไม่เห็นพระเยซูเจ้า จนไม่สามารถแยกแยะออกได้เลยว่า เป็นพระเยซูเจ้าจริง ๆ หรือไม่? คิดว่าพระองค์เป็นผีด้วยซ้ำไป  ชีวิตคริสตชนของเราเองก็เช่น ในโลกนี้ เราต้องแล่นเรือชีวิต เราต้องพาครอบครัว ลูกหลานของเรา ดำเนินชีวิต ที่ทวนกระแสของสังคม เราจะไหวไหม?  หากเราไม่มีแก่นในชีวิต กระแสสังคม สอนเรา สอนลูกเราให้มุ่งแสวงหาวัตถุนิยม  ความสุขนิยม ประโยชน์นิยม ความสบายนิยม หรือค่านิยมที่ไม่ดีต่าง ๆ เราไหวไหมที่จะพาลูก และครอบครัวของเราทวนกระแสลม.. หากเราปราศจากความเชื่อในพระเจ้า ปราศจากการภาวนา เราคงต้านทานต่ออิทธิพลของโลกไม่ไหวแน่นอน..

ดังนั้น การร้องหาพระเจ้า และ ภาวนา จึงจำเป็นสำหรับชีวิตของเรา และเราเห็นสภาพเรือของบรรดาศิษย์ เมื่อพระเยซูเจ้าเสด็จขึ้นมาประทับ ทุกอย่างสงบ เงียบ


ชีวิต และครอบครัวของเราก็เช่น ให้เราภาวนา เชิญพระเยซูเจ้ามาประทับในครอบครัวและชีวิตของเราเสมอ 


0 ความคิดเห็น: