BLOGGER TEMPLATES AND TWITTER BACKGROUNDS

วันเสาร์ที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2557

อาทิตย์ที่ 2 เทศกาลธรรมดา ปี A


บทเทศน์


พี่น้องที่เคารพรัก วันนี้สัปดาห์ที่ 2 ของเทศกาลธรรมดา และเป็นวันภาวนาเพื่อสันติภาพด้วย
พระวรสาร วันนี้ เราได้ยิน ยอห์น ได้เรียกพระเยซูเจ้าว่า พระองค์ทรงเป็นลูกแกะของพระเจ้า 
และได้ชี้ให้เราเห็นพันธกิจหรือว่างานของพระองค์ ก็คือ การไถ่บาปมนุษย์ หรือการลบล้างบาปของโลก

ในพันธสัญญาเดิม โดยปกติลูกแกะ เราคงเคยได้ยิน เมื่อชาวยิวฆ่าลูกแกะปัสกา 
และเอาเลือดทาที่ประตูบ้านของตน เพื่อเป็นเครื่องหมายแสดงให้ทูตสวรรค์ของพระเจ้าเห็นว่า 
เป็นบ้านที่จะต้องได้รับความรอด เป็นเหมือนกับการข้ามผ่านไป เป็นเครื่องหมายแห่งความรอดของชาวยิว 
นี่คือลูกแกะปัสกา

พระเยซูเจ้าทรงเป็นลูกแกะปัสกาที่แท้จริง เลือดของพระองค์ที่ทรงหลั่งบนไม้กางเขนที่เนินเขากัลป์วาลิโอ
เป็นเลือดที่ไถ่เรา ให้ชีวิตแก่เรา เป็นเหมือนกับการเจิมเรา เพื่อช่วยเราให้รอดพ้นจากบาป โทษของบาป 
และความตาย

พี่น้องที่เคารพรัก พระเยซูเจ้ามาในโลกนี้ พระองค์มาเพื่อช่วยเราให้รอดพ้นจากบาปและความตาย 
ในชีวิตของพระเยซูเจ้า พระองค์ตระหนักถึงบทบาทและหน้าที่นี้ 
และพระองค์ทรงกระทำด้วยจิตสำนึกแห่งความรับผิดชอบ 

ดังนั้น เราจึงเห็น การสอนของพระองค์ พระองค์สอนด้วยชีวิต ด้วยความเชื่อมั่นและมั่นใจว่า 
ผู้ฟังของพระองค์จะเชื่อในสิ่งที่พระองค์ทรงสอน และปฏิบัติตามคำสอนของพระองค์ 
เพื่อพวกเขาจะได้รับชีวิตที่เป็นอิสระจากบาปและความตาย

“บาปของโลก” อะไรล่ะคือ บาปของโลก?

คำว่า บาป ในภาษาลาติน มีความหมายว่า “ความรุนแรง” หรือ “การแตกหัก”  ในภาษาฮีบรู แปลว่า “การสูญเสียความเป็นตัวของตัวเอง” ดังนั้น บาปจึงหมายถึง” การหลงทางที่จะไปหาพระเจ้า”

เราเห็นตัวอย่าง จากอาดัมและเอวา บิดามารดาคู่แรก บรรพบุรุษของเรา พวกเขาได้กระทำการแตกหักจากพระเจ้า หรือ พวกเขาได้สูญเสียสถานะแห่งชีวิตพระหรรษทาน ด้วยการทำบาป นั่นคือ ไม่เชื่อฟังพระเจ้า ไม่ฟังเสียงของพระเจ้าที่พระองค์ตรัส แต่พวกเขากับหลงตัวเอง สำคัญตัวเองดี สุดยอด และทำตามใจของตัวเอง โดยไม่สนใจของพระเจ้า แล้วเกิดอะไรขึ้น สิ่งที่ตามมาก็คือ การหลงทาง ไม่รู้ว่าจะกลับไปหาพระเจ้าได้อย่างไร? เพราะการไม่เชื่อฟัง และการทำตามใจตัวเองของพวกเขา

พระเยซูเจ้ามาในโลก เพื่อลบล้างบาปของโลก วันนี้ นักบุญยอห์นบอกว่า พระองค์ทรงเป็นลูกแกะของพระเจ้า และนี่แหละคือ เส้นทางของพระองค์ พระองค์จะลบล้างบาปของโลกด้วยการเป็นเหมือนลูกแกะที่จะต้องถูกฆ่า และการเป็นลูกแกะของพระเจ้า พระองค์ทรงใช้วิธีการที่จะนำมนุษย์ไปหาพระบิดา หรือ วิธีการที่ถูกฆ่าของพระองค์ก็คือ การยอมเชื่อฟังพระบิดาทุกอย่าง โดยไม่ปริบ่น

พี่น้อง บาป ความรุนแรง ความขัดแย้ง เพราะการเอาแต่ใจของตัวเอง เพราะการแสวงหาผลประโยชน์สู่ตัวเอง เพราะการทำตามอำเภอใจของตัวเอง เราเห็นในครอบครัวของเรา ครอบครัวแตกแยก เพราะ พ่อ แม่ ลูก ไม่ฟังเสียงของกันและกัน หรือ เพราะพ่อ ไม่ฟังเสียงแม่ แม่ไม่ฟังเสียงพ่อ จึงทำให้เกิดความรุนแรงในครอบครัว  ในหมู่บ้านของเรา หากสมาชิกในหมู่บ้านไม่ฟังเสียงของกันและกัน ไม่ฟังเสียงของกฎเกณฑ์ ย่อมเกิดการทะเลาะเบาะแว้งกัน หรือ ในประเทศชาติ การเอาผลประโยชน์สู่ตัวเอง การไม่ฟังเสียงของคนอื่น การไม่ฟังเสียงของกันและกัน ผลก็คือ ความแตกแยก

อะไรที่จะมาผสานความแตกแยกได้?

มนุษย์แตกแยกกับพระเจ้า มนุษย์หลงทาง หรือ หาทางไปหาพระเจ้าไม่เจอ เพราะพวกเขาไม่รู้จักพระเยซูเจ้า ไม่จักเสียงของพระองค์ พระเยซูเจ้าฟังเสียงของพระบิดาเจ้าด้วยความเชื่อฟัง แม้จะต้องถูกฆ่า พระองค์ก็ไม่กลัวสิ่งใด

ดังนั้น มนุษย์จะไปหาพระเจ้า หรือ พระบิดาได้ ก็ต้องผ่านหนทางแห่งความเชื่อฟัง ความนบนอบต่อธรรมบัญญัติ ต่อคำสอน และต่อพระบัญญัติด้วยความเชื่อฟัง

การถือตามพระบัญญัติของพระเจ้า และพระศาสนจักร นั่นแหละเป็นเหมือนกับการที่เรากำลังเดินไปสู่เขากัลป์วาลิโอ เรากำลังจะตายเพื่อจะได้ชีวิตใหม่ นั่นคือ การตายต่อน้ำใจของตัวเอง การตายต่อการเอาแต่ใจของตัวเอง  และการมีชีวิตใหม่ก็คือ การดำเนินชีวิตในความถูกต้อง การดำเนินชีวิตในความดีงาม การช่วยเหลือซึ่งกันและกัน การพูดจาดี อยู่ในศีลในธรรม ฟังเสียงของพระเจ้าในชีวิตจริง


พี่น้อง พระเยซูเจ้าเป็นแบบอย่างแห่งความเชื่อฟัง จนถึงที่สุด 
เราก็ต้องดำเนินชีวิตในความเชื่อฟังพระเจ้าจนถึงที่สุด เช่นเดียวกัน 



วันพุธที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2557

อาลัยรัก.. พ่อเสงี่ยม


วันพุธ ที่ 15 มกราคม 2014


คำไว้อาลัย

คุณพ่ออันตน เสงี่ยม  ดีศรีวรกุล  แบบอย่างชีวิตสงฆ์ที่ซื่อสัตย์ในกระแสเรียก

ในนามอธิการ  คณะสงฆ์ประจำบ้านเณร และบรรดาลูก ๆ สามเณร ขอร่วมแสดงความอาลัยในการจากไปของคุณพ่ออันตนเสงี่ยม  ดีศรีวรกุล และขอขอบคุณคุณพ่อ ที่ได้อยู่ด้วยกันกับบรรดาลูก ๆ สามเณร บริการและรับใช้บรรดาลูก ๆ สามเณรด้วยความเต็มใจและยินดี  ดังคำนักบุญเทเรซาแห่งพระกุมารเยซู ที่ว่า  “ความรักคือการให้ทุกสิ่งทุกอย่าง และการเสียสละตนเอง”  คุณพ่อได้ทำให้เป็นจริงในชีวิต โดยการเป็นพ่อวิญญาณของสามเณรหลาย ๆ คน รวมทั้งแบบอย่างในคำเทศน์สอน ที่เอาจริงเอาจัง ดุดัน ท้าทาย และมีพลังเพื่อกระตุ้นบรรดาลูก ๆ สามเณรให้มีความตั้งใจจริงในการติดตามพระเยซูคริสตเจ้า ครั้งหนึ่งคุณพ่อเทศน์สอนว่า “สามเณรจะต้องพยายามเลียนแบบชีวิตของนักบุญเพื่อบรรลุถึงความศักดิ์สิทธิ์”

ทุก ๆ เช้า เที่ยง และเย็น เราจะเห็นคุณพ่อเดินมาที่ห้องอาหาร อย่างช้า ๆ  ทุก ๆ วันคุณพ่อจะนั่งรับประทานอาหารร่วมกันกับเรา และทุก ๆ ครั้ง คุณพ่อจะร่วมในกิจกรรมของบ้านเณรไม่เคยขาด คุณพ่อเป็นหนึ่งเดียวกับบ้านเณรเสมอ คุณพ่อมักจะบ่นในเวลาที่ลูก ๆ สามเณรกลับบ้านว่า “รู้สึกเหงา” แต่เมื่อลูก ๆ สามเณรกลับมาบ้านเณร มีเสียงดังเจี้ยวจ้าว คุณพ่อยิ้มและมีความสุข คุณพ่อเป็นเหมือนพ่อใหญ่ประจำบ้านเณรที่ให้ความอบอุ่นในบ้านเณรของเรา

ขอบคุณชีวิตของคุณพ่อที่ได้ให้แก่บ้านเณร และขอภาวนาต่อพระเจ้าโปรดประทานการพักผ่อนตลอดนิรันดรให้กับคุณพ่อ  ลูก ๆ สามเณรสัญญาว่าจะภาวนาให้คุณพ่อเสมอ


ด้วยความอาลัยรักในพระคริสตเจ้า


(คุณพ่อวิโรจน์   โพธิ์สว่าง)


อธิการบ้านเณรฟาติมา


โอกาสฉลองนักบุญอันตน วันที่ 13 มิถุนายน 2013






โอกาสผูกแขนส่งสามเณรไปบ้านเณรกลาง




ครั้งเมื่ออยู่โรงพยาบาล



โอกาสร่วมมิสซาบุญ






"เราจะต้องไม่ประนีประนอมกับปีศาจ ปีศาจมันฉลาดกว่าเราเยอะ เราต้องวอนขอพระเยซูเจ้าช่วย"

"ให้เราดูนักบุญเทเรซา เธอเป็นเด็กตัวเล็ก ๆ แต่ใจใหญ่ ทำสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ เป็นการใช้โทษบาป
และภาวนา"

"เณร.. ต้องเป็นคนดี"

"เราอยู่ด้วยกัน เราต้องรักกัน"


ขอคุณพ่อได้พักผ่อนอย่างสงบ สันติสุข ในพระเจ้า

ขอพระเจ้าประทานรางวัลแห่งความรักและความซื่อสัตย์ให้แก่คุณพ่อ

ขอภาวนาให้คุณพ่อเสมอ...

ลูก ๆ ทำผิดสิ่งใด ขอคุณพ่อได้อภัย..

ขอบคุณที่อยู่กับเราเสมอ....


วันเสาร์ที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2557

ฉลองพระเยซูเจ้าทรงรับพิธีล้าง


วันอาทิตย์ ที่ 12 มกราคม 2014 ฉลองพระเยซูเจ้าทรงรับพิธีล้าง

บทเทศน์


พี่น้องที่เคารพรัก วันนี้เป็นวันเริ่มต้นเทศกาลธรรมดาสัปดาห์ที่ 1
และวันนี้ก็เป็นวันเริ่มต้นภารกิจของพระเยซูเจ้าเช่นเดียวกัน พระเยซูเจ้าทรงรับพิธีล้าง เป็นเหมือนกับการยืนยัน 
การตอกย้ำถึงภารกิจที่พระองค์จะต้องทำให้สำเร็จบนโลกนี้

พระเยซูเจ้าทรงรับพิธีล้าง จำเป็นหรือไม่? และพิธีล้างของยอห์น คืออะไร?
น่าจะเป็นสิ่งที่เราควรจะมาคิดพิจารณาในวันนี้ จากคำถามที่ว่า พระเยซูเจ้าทรงจำเป็นต้องรับพิธีล้างหรือไม่?
คำตอบก็คือ ไม่จำเป็น และพิธีล้างของยอห์น ก็คือ การแสดงออกถึงเครื่องหมายแห่งการกลับใจ
เพื่อจะได้รับการอภัยโทษบาปจากพระเจ้า  ดังนั้นพระเยซูเจ้าไม่จำเป็นต้องรับพิธีล้าง ไม่จำเป็นต้องกลับใจ
 เพราะพระองค์ทรงพระบุตรของพระเจ้า พระองค์ไม่มีบาป พระองค์ทรงเป็นพระเจ้า 
แล้วทำไมพระเยซูเจ้าจึงรับพิธีล้างนี้ล่ะ? 

คำตอบก็คือ “การทำตามพระประสงค์ของพระบิดา”

พี่น้องที่เคารพรัก วันนี้ผมอยากจะเชื้อเชิญให้เรา มองดู เอกลักษณ์ หรือ ภารกิจที่แท้จริงของพระเยซูเจ้า
ซึ่งไม่ใช่สิ่งอื่นใด แต่นั่นคือ การทำตามพระประสงค์ของพระบิดาเจ้า พระองค์ทรงรับพิธีล้างจากยอห์น
ก็เพื่อเป็นการย้ำ และเป็นการพิสูจน์ว่าพระประสงค์ของพระบิดาเจ้าคืออะไร? และพระประสงค์พระบิดาเจ้า

ก็คือ การเชื่อฟัง

เราจะเห็นตลอดพระชนมชีพของพระเยซูเจ้า พระองค์ทรงดำเนินชีวิตด้วยความเชื่อฟังพระประสงค์ของพระบิดาเจ้าเสมอ ไม่ว่าจะทำอะไร ก็ตาม เช่น การเลือกบรรดาอัครสาวก การทำอัศจรรย์ต่าง ๆ
 การทวีขนมปัง การปลุกคนตายให้กลับคืนชีพ พระองค์จะถามพระบิดาเจ้าก่อนเสมอ

ที่บ่อน้ำของยาโคบ หญิงชาวสะมาเรียมาคุยกับพระเยซูเจ้า ขณะที่เธอเข้าไปในหมู่บ้าน บรรดาศิษย์นำอาหารมาให้
 พระเยซูเจ้าบอกว่า เรามีอาหารที่ท่านไม่รู้จัก  บรรดาศิษย์งง ว่า ใครเอาอะไรมาให้พระเยซูเจ้ากินก่อนหรือเปล่า?
 อาหารของเราคือ การทำตามพระประสงค์ของพระบิดาเจ้า

ที่ภูเขามะกอก พระเยซูเจ้าอธิษฐานว่า พระบิดาเจ้าข้า ถ้าพระองค์มีพระประสงค์ โปรดทรงนำถ้วยนี้ไปจากข้าพเจ้าเถิด แต่อย่าให้เป็นไปตามใจข้าพเจ้า ขอให้เป็นไปตามพระประสงค์ของพระองค์เถิด (ลก 22:42)

เมื่อทหารมาจำกุมพระองค์ เปโตรชักดาบฟันหูผู้รับใช้สมณะคนหนึ่งขาด พระเยซูเจ้าตรัสว่า “เก็บดาบใส่ฝักเสีย เราจะไม่ดื่มจากถ้วยที่พระบิดาประทานให้เราหรือ?” (ยน 18:11)

บนไม้กางเขน “พระบิดาเจ้าข้า ข้าพเจ้ามอบจิตของข้าพเจ้าไว้ในพระหัตถ์ของพระองค์” (ลก 23:46)

พี่น้องที่เคารพรัก เราจะเห็นว่าตลอดพระชนมชีพของพระองค์ ก็คือ การทำตามพระประสงค์ของพระบิดาเจ้า
ด้วยความนอบน้อม เชื่อฟัง ไม่ว่าจะในสถานการณ์พิเศษ ในสถานการณ์ธรรมดาของชีวิต ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก
ที่จะต้องตัดสินใจ แต่ ทุกอย่างพระองค์ทรงมอบไว้ในพระหัตถ์ของพระบิดาเจ้า

พระองค์มาในโลกนี้ เพื่อ ชี้ แสดงให้เราเห็นว่า การทำตามพระประสงค์ของพระบิดาเจ้านั้น เป็นสิ่งที่จำเป็นและสำคัญ
เพื่อเราจะได้ใกล้ชิด และเป็นหนึ่งเดียวกับพระองค์

เมื่ออาดัม-เอวาทำบาป พวกเขาได้ทำบาปในการไม่เชื่อฟัง เขาใช้เสรีภาพในการทำลายพระประสงค์ของพระบิดาเจ้า
 พวกเขาทำตามอำเภอใจของตนเอง พวกเขาปฏิเสธที่จะเชื่อฟัง และฟังเสียงของพระเจ้า
ผลก็คือ ความยากลำบากในชีวิต ผลก็คือ ความตาย

พระเยซูเจ้า พระองค์มาในโลก ต้องการให้มนุษย์คืนดีกับพระเจ้า ต้องการให้มนุษย์เข้าหาพระเจ้า
 วิธีการของพระองค์ก็คือ การนอบน้อมเชื่อฟัง การทำตามพระประสงค์ของพระบิดาเจ้าในทุกเรื่องในทุกกรณี
 และแม้แต่ความตาย ตามประสามนุษย์ที่จะพูดถึงพระเยซูเจ้าก็คือ “ลูกเชื่อฟังพ่อจนตาย” 
นี่แหละทำให้เราได้ยินในพระคัมภีร์ว่า “ผู้นี้เป็นบุตรสุดที่รักของเรา เป็นผู้ที่เราโปรดปราน” (มธ 3:17)

พี่น้อง เราเป็นบุตรของพระเจ้า พระองค์ทรงสร้างเรามา
แต่เดิมเราก็ยังงง งง ว่า เราเกิดมาเพื่ออะไร? เรามีชีวิตอยู่เพื่ออะไร? หรือใครเป็นผู้ให้กำเนิดเราอย่างแท้จริง
ผ่านทางศีลล้างบาป ในนามของพระบิดา และพระบุตร และพระจิต เราทราบว่า นี่คือ เครื่องหมาย และภารกิจของเรา
 เราทราบว่า เราคือ บุตรของพระเจ้า และภารกิจของเราก็คือ การทำตามพระประสงค์ของพระบิดาเจ้า
 โดยผ่านทางการทำตาม การดำเนินชีวิตให้อยู่ในคำสอนของพระเยซูเจ้า ตามรอยของพระเยซูเจ้า
  โดยเฉพาะในเรื่องของ “การเชื่อฟังพระวาจา คำสอน และพระบัญญัติของพระองค์” เราทำได้
และจะต้องทำให้ได้ตามแบบอย่างของพระเยซูเจ้า

“ลูกจำเป็นต้องเชื่อฟังบิดาจนตาย” การเชื่อฟังนี้แหละที่ทำให้เราเป็นที่พอพระทัยของพระเจ้า

 และการเชื่อฟังนี้แหละจะนำเราให้เป็นหนึ่งเดียวกับพระองค์



วันเสาร์ที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2557

เทศน์เตรียมจิตใจ วัดนาคำ


วันที่ 2 มกราคม 2014

ได้รับเชิญให้ไปเทศน์เตรียมจิตใจ โอกาสฉลองวัดพระนามพระเยซู บ้านนาคำ
เวลา 19.00 น.

บทเทศน์


พี่น้องที่เคารพรัก วันนี้เราพากันมาร่วมมิสซาเตรียมจิตเตรียมใจของเรา เพื่อจะได้เข้าสู่การเฉลิมฉลองความเชื่อของเรา ความเชื่อของชุมชนของเรา  ความเชื่อของครอบครัวของเรา โดยมีจุดศูนย์กลางแห่งความเชื่อคื พระเยซูคริสตเจ้า และวัดของเราก็อยู่ภายใต้การปกครองดูแลของพระองค์ พระนามของพระองค์ คือ พระนามเยซู...

เราเคยถามกันและกันไหมว่า “ทำไมวัดของเราจึงได้ชื่อว่า “วัดพระนามพระเยซู”  หากจะถามถึงต้นเหตุ ก็คงต้องไปถาม คุณพ่อยอแซฟ กอมบูริเออ ผู้ก่อตั้งวัด ผู้ก่อตั้งกลุ่มคริสตชน ว่าทำไมจึงใช้ชื่อ พระนามเยซู เป็นชื่ออุปถัมภ์ชาวบ้านนาคำแห่งนี้  แน่นอนว่า เราไม่สามารถที่จะทำได้ หรือ หากจะไปถามผู้เฒ่าผู้แก่ บรรพบุรุษที่ร่วมสมัยกับคุณพ่อ ก็คงจะลำบากเช่นเดียวกัน

อย่างไรก็ตาม ชื่อวัดพระนามเยซู เราซึ่งเป็นสัตบุรุษก็คงจะภูมิใจ และอบอุ่นใจ อย่างแน่นอน เพราะ ชีวิตของเรา ลูกหลานของเรา อยู่ภายใต้การดูแลเป็นพิเศษของพระเยซูเจ้า


ความหมายชื่อ

คำว่า “เยซู” หมายถึง “ผู้ช่วยให้รอดพ้น”  เหมือนกับชื่อของ โยชูวาห์ ในพันธสัญญาเดิม เป็นชื่อที่พระเจ้าได้ประทานให้ เพราะว่า “ผ่านทางเยซู พระองค์จะช่วยประชากรของพระองค์ให้พ้นจากบาป” นี่คือ บทบาทพิเศษของพระองค์ พระองค์ทรงช่วยพวกเขาให้พ้นจากโทษของบาป ด้วยการชำระล้างในเลือดของพระองค์ พระองค์ทรงช่วยพวกเขาให้พ้นจากการครอบงำของบาปโดยประทานพระจิตลงมาอยู่ในตัวของพวกเขา พระองค์ทรงช่วยพวกเขาในเวลาที่เขาตกในบาป เมื่อเขาตายไปพระองค์ทรงช่วยให้อยู่กับพระองค์ เพราะพระองค์ชนะบาปและความตาย และพระองค์จะทำให้ร่างกายของเรากลับเป็นขึ้นมาในวาระสุดท้ายด้วย

พระเยซูเป็นใคร?

พระบุตรของพระเจ้า : พระเยซูเจ้าได้รับการยืนยันจากเทวดาคาเบรียล ที่มาแจ้งข่าวดีแก่แม่พระว่า พระนางจะตั้งครรภ์และให้กำเนิดบุตรชายคนหนึ่ง ซึ่งเป็นผลมาจากพระจิตเจ้า พระองค์จะเสด็จลงมาเหนือพระนาง และพระอานุภาพของพระผู้สูงสุดจะแผ่เงาปกคลุมพระนาง บุตรที่จะเกิดมาจึงเป็นบุตรของพระเจ้า เป็นพระบุตรสุดที่รักของพระเจ้า    เราจะเห็นว่า เมื่อพระเยซูเจ้ามีชีวิตอยู่ พระองค์พยายามสอนและแสดงให้เราเห็นเสมอว่า พระองค์ทรงเป็นบุตรของพระเจ้า เช่น การเคารพต่อพระประสงค์ของพระบิดาเจ้า การเชื่อฟังพระบิดาเสมอ แลไม่ว่าจะทำอะไร พระองค์ก็สวดภาวนาถึงพระบิดาตลอดเวลา ไม่ว่าจะในการเลือกอัครสาวก ไม่ว่าจะทำอัศจรรย์ ไม่ว่าจะรับทรมาน หรือ แม้แต่บนกางเขน พระองค์ก็ยังคิดถึงพระบิดาเสมอ เพราะพระองค์ตระหนักถึงการเป็นบุตรของพระเจ้า  บุตรมีหน้าที่ในการเคารพและเชื่อฟัง
          
เราทุกคนเป็นบุตรของพระเจ้า : เป็นผู้ที่เกิดมาจากพระเจ้าในศีลล้างบาป ในนามของพระบิดา พระบุตร พระจิตเจ้า และผ่านทางศีลล้างบาป เราก็เป็นผู้ที่เกิดใหม่ในพระเจ้า มีชีวิตในพระเจ้า มีชีวิตเพื่อพระเจ้า แสดงให้เห็นว่า เราเป็นคนของพระเจ้า พี่น้องเมื่อเราเป็นบุตรของพระเจ้าผ่านทางศีลล้างบาป เมื่อเราเป็นคริสตชน ผ่านทางศีลล้างบาปแล้ว หน้าที่ของเราก็คือ เลียนแบบชีวิตของพระเยซูเจ้า นั่นคือ การเคารพ และเชื่อฟังพระองค์ ไม่ว่าเราจะทำอะไรในชีวิตของเรา เราจะต้องคิดถึงพระองค์ ไม่ว่าจะสุขหรือทุกข์ ไม่ว่าจะร้องไห้ หรือ ดีใจ ไม่ว่าจะเผชิญกับความเจ็บปวดหรือความทุกข์ทรมาน  เราก็ต้องวางใจและมั่นใจในความรักของพระเจ้าที่มีต่อเรา เหมือนพระเยซูเจ้าทรงไว้วางใจในพระบิดาเจ้า เพราะความสำนึกในการเป็นบุตรของพระองค์ ที่จะต้อง เชื่อฟังและวางใจ


พระเยซูคริสตเจ้าทรงเป็นแบบอย่างที่สมบูรณ์ที่สุด
ในฐานะของการเป็นบุตร ตลอดพระชนมชีพของพระองค์ พระองค์พยายามแสดงให้เราเห็นว่า พระองค์ทรงรักพระบิดา และเป็นหนึ่งเดียวกับพระบิดา พระเยซูเจ้าพยายามแสดงให้เราเห็นว่า

เราต้องรักเพื่อนมนุษย์อย่างไร? 
พระเยซูเจ้าทรงเทศน์สอน และกระทำแต่ความดีต่อบุคคลอื่น พระองค์พูดความจริง และอิงในความถูกต้องเสมอ ต่อคนที่อิจฉา เบียดเบียน ทำให้พระองค์ทนทุกข์ ต่อคนที่ใส่ร้ายป้ายสี พระองค์ทำอย่างไร?ต่อสถานการณ์อย่างนี้ พระองค์สอนให้รักกันและกัน สอนให้อภัยให้แก่กันและกัน สอนให้ภาวนาให้แก่คนที่เกลียดชังเรา หรือ เราเกลียดชัง และสอนให้เรารักแม้แต่ศัตรูของเรา ภาวนาให้เขา ทำดีต่อเขา แม้แต่คนที่ฆ่าพระองค์ พระองค์ก็ยังสามารถให้อภัยได้ พระองค์เอาความเข้มแข็งมาจากไหน? ข้าแต่พระบิดาเจ้าข้า โปรดอภัยให้เขาด้วย เพราะเขาไม่รู้ว่า เขากำลังทำอะไร? ดูเหมือนว่า ความเข้มแข็งของพระเยซูเจ้า แม้เผชิญต่อหน้าความตาย พระองค์มีความเข้มแข็งมาจาก “พระบิดา” นั่นคือ เชื่อฟัง และวางใจ

การรักเพื่อนมนุษย์ดูเหมือนว่าเป็นยาขม สำหรับคริสตชน การรักศัตรูดูเหมือนว่าเป็นเหมือนกับยาพิษสำหรับคริสตชน เพราะหากใครทำแล้วดูเหมือนว่าตัวเองจะตาย ตัวเองจะขายหน้า ตัวเองจะเสียเปรียบ มันจึงยากมากที่จะทำ ยากมากสำหรับการรักเพื่อนมนุษย์

เรื่องเล่า ที่แถบภูเขาที่หนาวเย็นทางภาคเหนือของประเทศอินเดีย นักเดินทางแสวงบุญสู่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์มักจะมีวิธีการที่จะทำให้ตัวเองอุ่นเสมอด้วยวิธีแปลก เช่น ชายสามคนนี้ ก็มีวิธีการของพวกเขาคือ เขาจะเอาหม้อดินใบเล็ก ๆ แล้วเอาถ่านที่ติดไฟใส่ไว้ข้างในหม้อ แล้วปิดมันไว้ เอาเชือกมัดมันไว้ แล้วห่อด้วยผ้า แล้วก็เหน็บไว้ใต้แขน ทำให้อบอุ่น ขณะที่ทั้งสามกำลังเดินทางไปยังภูเขาศักดิ์สิทธิ์ คนหนึ่งในสามสังเกตว่า มีเพื่อนเดินทางอื่น ๆ ที่หนาวอยู่ เขาจึงเอาถ่านไฟออกมาจากหม้อของเขา แล้วก็ก่อไฟขึ้น เพื่อช่วยเพื่อให้ได้รับความอบอุ่น ให้เขารอดตายจากความหนาว  เมื่อออกเดินทางมาได้สักระยะไกล ๆ แล้ว ทางเดินเริ่มมืดลง คนที่สองจึงได้เอาไฟของตนเองออกมาเพื่อจุดไต้ชูไปข้างหน้า พวกเขาจึงมองเห็นทางเดินและเดินไปอย่างปลอดภัย เมื่อคนที่สามเห็นการกระทำของเพื่อนสองคน ก็หัวเราะเยาะ “ทำไมคุณถึงโง่นัก พวกคุณเสียสละไฟของตนเองให้คนอื่นอย่างนั้น” ทั้งสองถึงถามว่า ไหน เอาไฟของคุณมาให้เราดูซิ เมื่อเขาเปิดออกมา ปรากฏว่า ถ่านไฟดับไปนานแล้ว มีเพียงเถ้าถ่านเท่านั้น เขาเสียไฟไปเปล่า ๆ โดยไม่มีประโยชน์ใดเลย


เราต้องสุภาพถ่อมตนอย่างไร? แบบอย่างนี้เขาเห็นได้ชัดเจนมาก พระเยซูเจ้าสุภาพถ่อมตนมาก มากที่สุดก็ว่าได้ เห็นจาก
a.     การเสด็จมาบังเกิดเป็นมนุษย์ เกิดอย่างยากจน เกิดอย่างเงียบ เกิดท่ามกลางความหนาวเย็น เกิดมาท่ามกลางความต่ำต้อย คือ ความไม่มีอะไรเลย พระเจ้าก็เกิดมา
b.    การตายบนไม้กางเขน ตายอย่างโจร ผู้ร้าย ตายอย่างไร้เกียรติและศักดิ์ศรีของความเป็นคน พระเจ้ายอมทนทุกข์ทรมานเพื่อเราทุกคน
c.     พระสันตะปาปาฟรังซิสตรัสว่า “เราจะต้องเป็นคนสุภาพถ่อมตน ยอมรับว่าชีวิตของเราขาดพระเจ้าไม่ได้ เราต้องยอมถ่อมตนลงรับพระหรรษทานของพระเจ้า เหมือนกับทะเลทรายที่ต้องการน้ำ เราก็ควรจะกระหายหาพระองค์เช่นนั้น

เรื่องเล่า  นักเพ่งฌานชาวเยอรมัน ชื่อ ทาร์เลอ เขาได้เล่าว่า วันหนึ่งเขาพบขอทานคนหนึ่งและได้พูดกับขอทานนั้นว่า “เพื่อนเอ๋ย พระเจ้าประทานอากาศดีแก่ท่าน” ขอทานตอบว่า “ผมขอบคุณพระเจ้าที่ผมไม่เคยมีวันไหนที่อากาศไม่ดีเลย”  “ถ้าอย่างนั้นคุณก็ขอให้พระเจ้าประทานชีวิตที่มีสุขแก่เจ้าสิ” ขอทานตอบว่า “ขอบคุณพระเจ้าที่ผมไม่เคยไม่มีความสุขเลย” เจ้าหมายความว่าอะไร? ขอทานตอบว่า “เวลาที่อากาศดี เวลาที่ฝนตก ก็ขอบคุณพระเจ้า เวลาที่ผมมีมาก เวลาที่ผมหิว ก็ขอบคุณพระเจ้า นี่คือพระประสงค์ของพระองค์ แล้วจะให้ผม ไม่มีความสุขได้อย่างไร ถ้าเป็นพระประสงค์ของพระเจ้า” ทาร์เลอ มองดูชายขอทาน ถามต่อไปว่า “ท่านเป็นใคร?” เขาตอบว่า “ผมเป็นกษัตริย์” แล้วอาณาจักรของท่านอยู่ที่ไหน? เขาตอบว่า “อยู่ในหัวใจของผม” นี่คือสภาพของคนที่มีความศรัทธาอย่างแท้จริง


ในขณะที่คุณกำลังเดินไปในเส้นทางของพระเจ้า จงอย่าให้ชีวิตขึ้นอยู่กับความรู้สึก