BLOGGER TEMPLATES AND TWITTER BACKGROUNDS

วันเสาร์ที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2554

บทเทศน์ผู้ล่วงลับ

แบ่งปันความคิด..


พี่น้องที่เคารพรัก ในค่ำคืนนี้เราพากันมาที่สุสานของหมู่บ้านของเรา
ซึ่งเป็นที่ที่ฝังร่างกายของบรรดาผุ้มีความเชื่อ คือ บรรพบุรุษของเราไว้ที่นี่
ฝั่งร่างกายของผู้มี่เรารู้จักไว้ที่นี่ และจะฝังร่างกายของเราไว้ ณ ที่นี้ด้วยในอนาคต
เราพากันมาในค่ำคืนนี้เพื่อสวดภาวนาอุทิศให้กับผู้ล่วงลับทุกคน
ซึ่งได้เดินทางจากพวกเราไปก่อน ไปยังบ้านแท้ ไปยังบ้านของพระบิดาเจ้า
ล่วงหน้าเราไปก่อน อีกทั้งยังเป็นการแสดงออกถึงความกตัญญูรู้คุณ
เป็นการบ่งบอกว่า เรายังคิดถึง มีความสัมพันธ์กับญาติพี่น้องของเราที่ล่วงลับไปแล้ว
เพราะว่า โดยอาศัยคำภาวนา โดยอาศัยมิสซาอุทิศให้ผู้ล่วงลับนี้
เป็นการวอนขอพระเมตตาจากพระเจ้าเพื่อผู้ล่วงลับทุกคนจะได้มีความพร้อมที่จะอยู่กับพระองค์
ในพระสมณสาส์น พระศาสนจักรในโลกปัจจุบัน ซึ่งเป็นสมณสาส์นหลังสังคายนาวาติกันที่ 2  
ได้อธิบายความเชื่อเกี่ยวกับปัญหาความตายโดยรวมความคิด 3 ประการคือ
1.  มนุษย์มีชะตากรรม ที่จะบรรลุถึงความสุขหลังจากความตาย มนุษย์จึงจะมีชีวิตอยู่อย่างต่อเนื่อง
                         พระเจ้าไม่ต้องการให้มนุษย์ต้องตาย  และพระองค์ได้พิชิตความตาย
2.  โดยการสิ้นพระชนม์และกลับคืนชีพ และ จะทำให้มนุษย์กลับคืนชีพด้วย
                          เพื่อมนุษย์จะได้เป็นหนึ่งเดียวกับพระเจ้า
3.  มนุษย์สามารถชิดสนิทกับพี่น้องผู้ล่วงลับไปได้ โดยอาศัยความสัมพันธ์กับพระคริสตเจ้า

นี่คือคำสอนของพระศาสนจักรที่ถ่ายทอดมาถึงเรา เพื่อให้เรามั่นใจว่า
1.   มีความสุขที่แท้จริง และจริงแท้แน่นอนอยู่เบื้องหลังของความตาย
           ในความหมายของพระศาสนจักรได้บอกว่ามนุษย์ไม่ได้ตาย
            แต่จะมีชีวิตต่อเนื่องต่อไปในอีกลักษณะหนึ่ง เป็นลักษณะที่แตกต่างจากโลกนี้
                     เป็นลักษณะที่สมบูรณ์มากกว่า เป็นลักษณะที่แท้จริงของชีวิต คนที่ตายไปในเวลานี้
เขาตายอันเนื่องมาจากร่างกาย แต่แก่นคือ วิญญาณของเขานั้นไม่ได้ตาย เพราะเป็นชีวิตที่เป็นนิรันดร
2.   การไถ่กู้หรือการช่วยให้รอดพ้นจากความตาย โดยการตายและการกลับคืนพระชนมชีพของพระเยซูเจ้า
            เป็นเครื่องหมายและเครื่องบ่งบอกว่า มนุษย์เป็นผู้มีชีวิต เพราะว่า แม้ว่ามนุษย์จะต้องตาย
            แต่พระเจ้าก็ยังกระทำให้มนุษย์ชีวิตอีก 
            ผ่านทางความตาย
           พระเจ้าจะทำให้มนุษย์กลับมีชีวิตอีกครั้ง ซึ่งจะไม่เหมือนกับชีวิตในปัจจุบันนี้
          แต่จะเป็นชีวิตที่สมบูรณ์และดีกว่า เพราะว่า พระเจ้าพระองค์ทรงเป็นพระเจ้าของผู้เป็น
                          เป็นพระเจ้าของผู้มีชีวิต ไม่ใช่พระเจ้าของผู้ตาย
3.   อาศัยความสัมพันธ์ ความเป็นหนึ่งเดียวกับพระคริสตเจ้า ผ่านทางการร่วมมิสซา
             การสวดภาวนา เราผู้ซึ่งมีชีวิตอยู่ เรามีสามารถชิดสนิทสัมพันธ์กับพี่น้องที่ล่วงลับได้
            เช่น การขอมิสซาให้กับผู้ล่วงลับ การสวดภาวนาถึงพวกเขา การทำความดี 
             ทำบุญทำทานอุทิศความดี หรือการอดทน การพลีกรรมใช้โทษบาปในชีวิตปัจจุบันนี้ถวายทดแทน
              ชดเชยบาปของพี่น้องของเราที่ล่วงลับไปแล้วได้..

ดังนั้น พี่น้องที่เคารพรัก คนที่ตายกับคนที่มีชีวิตอยู่จึงเป็นหนึ่งเดียวกันอาศัยพระเยซูคริสตเจ้า
ซึ่งเป็นศูนย์กลางและเป็นแก่นของชีวิตทั้งของเราและของผู้ล่วงลับ
และผ่านทางพระองค์เราชิดสนิทสัมพันธ์ซึ่งกันและกัน

พี่น้องที่เคารพรัก เราพากันมาสวดภาวนาอุทิศให้กับผู้ล่วงลับในวันนี้
เป็นการมาเพื่อยืนยันถึงความเชื่อในพระเจ้า เชื่อในความรักของพระเจ้า
เชื่อในชีวิตหลังความตาย เชื่อในการกลับคืนชีพของผู้ตาย เป็นความเชื่อของคริสตชนของเรา
อีกทั้งยังเป็นการกระตุ้นเตือนจิตเตือนใจของเราด้วยว่า สักวันหนึ่งเราก็จะต้องตาย
ไม่มีใครอยู่ยืนยง อยู่ค้ำฟ้า ไม่มีใครสักคนเดียวที่จะไม่ตาย เมื่อคิดถึงความตายที่จะมาถึงตัวเราเอง
ขณะที่เรามีชีวิตอยู่ เรามีเวลาที่จะกระทำความดี สะสมบุญกุศลเอาไว้
เพราะว่า มีเพียงความดีงาม ความเชื่อ ความรัก ความไว้วางใจในพระเจ้าเท่านั้นที่จะอยู่กับเรา
ที่จะติดตัวของเราไปตลอดชีวิต

สักวันหนึ่งเราต้องตาย หากเรามัวแต่หลง หมกมุ่นแต่สิ่งของของโลกนี้
เราก็จะเป็นเหมือนกับหญิงโง่ที่ไม่เตรียมน้ำมันสำรองไว้รอรับเจ้าบ่าว
ทั้ง ๆ ที่ตัวเองก็รู้ว่าต้องออกมารอรับเจ้าบ่าว เราความโง่เขลา เพราะความเฉยฉา
เพราะความไม่รู้ จึงไม่ได้เตรียมพร้อม เราเองก็เช่นกัน เราก็รู้ว่า สักวันเราต้องตาย
เราจึงจำเป็นที่จะต้องเตรียมตัวให้พร้อมไว้เสมอ มีน้ำมันแห่งความรัก ความดี
ความชอบธรรมไว้ติดตัวเสมอ เหมือนกับหญิงฉลาดที่พร้อมเสมอสำหรับการรอรับเจ้าบ่าว..

0 ความคิดเห็น: