BLOGGER TEMPLATES AND TWITTER BACKGROUNDS

วันพุธที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

บทเทศน์เตรียมจิตใจฉลองวัดสุขเจริญ



บทเทศน์เตรียมจิตใจฉลองวัดแม่พระกวาดาลูเป (Madonna della Guadalupe)




พี่น้องที่เคารพรัก ในค่ำวันนี้เป็นวันเตรียมจิตเตรียมใจของชาวเราผู้มีความเชื่อ มีความศรัทธาในพระเจ้า เพื่อว่า ในวันพรุ่งนี้เราจะได้เฉลิมฉลองความเชื่อของเราอย่างยิ่งใหญ่

ก่อนอื่น อยากจะทำความเข้าใจก่อนว่า เมื่อเราพูดถึงการฉลองวัด เราคิดถึงอะไร?

ประการแรก คือ องค์อุปถัมภ์ของวัด ซึ่งก็เท่ากับเป็นองค์อุปถัมภ์ของชีวิตคริสตชนของเราด้วย วัดของเราเป็นวัดที่อยู่ภายใต้การดูแล เอาใจใส่ของแม่พระแห่งกัวดาลูเป  แม่พระทำอะไรบ้าง
1. ประจักษ์มาหาชายอีนเดียแดงคนหนึ่งชื่อ ดิเอโก เขาเป็นคริสตชนใหม่ เพิ่งรับศีลล้างบาป และเขาก็เป็นหม้ายด้วย เนื่องจากภรรยาเพิ่งจะเสียชีวิต แต่ดิเอโกนี้ เป็นคนที่มีความศรัทธามาก เขาจะสวดภาวนาบ่อย ๆ ทั้งส่วนตัวและในการร่วมมิสซา วันหนึ่งขณะที่เขากำลังเดินทางไปร่วมมิสซานั้นเอง ระหว่างทางเขาได้ยินเสียงดนตรีที่ดังขึ้นมาอย่างไพเราะ เขามองดู ก็เห็นเมฆส่องแสงเป็นสีรุ้งออกมา และเขาก็ได้ยินเสียงเรียกให้ขึ้นมาบนภูเขา เมื่อปีนขึ้นไป เขาก็พบสตรีผู้หนึ่ง ถามเขาว่า จะไปหน? เขาก็ตอบว่า จะไปร่วมมิสซา สตรีนั้นก็บอกให้เขาไปบอกพระสังฆราชให้สร้างวิหารที่นี่ เพราะแม่พระจะฟังคำภาวนาของทุกคนที่มาวอนขอในวิหารหลังนี้ เมื่อไปบอกแล้ว พระสังฆราชก็สองจิตสองใจ เพราะอาจจะมาจากปีศาจก็ได้ จึงปฏิเสธไป และให้ดิเอโก ขอเครื่องหมายว่า พระนางคือ แม่พระจริง ๆ  แม่พระได้นัดพบกับดิเอโก แต่ปรากฏว่า เมื่อกับไปถึงบ้านลุงของดิเอโกป่วยหนัก เขาต้องรีบไปหาหมอจนลืมนัดกับแม่พระ ในวันต่อมาเมื่อเขามาพบแม่พระ เขาก็ขอโทษที่ไม่ได้มาตามนัด แม่พระตรัสว่า

ฟังนะ ลูกรัก ลูไม่ต้องเป็นห่วงกังวลด้วยสิ่งใด ไม่ต้องกลัวการป่วยหรือความทุกข์
เราผู้เป็นมารดาของลูกอยู่ที่นี่มิใช่หรือ?
ลูกไม่ได้อยู่ภายใต้ความอารักขาคุ้มครองของแม่หรือ?
แม่มิได้เป็นผู้รับผิดชอบลูกด้วยหรือ?
ลูกยังต้องการอะไรอีก?
ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องการป่วยของลุง เขาจะไม่ตาย รู้ไว้เถิดว่า เวลานี้เขาสบายดีแล้ว
  
แม่พระก็บอกให้ดิเอโกไปเก็บดอกไม้บนภูเขา เขาก็และเก็บดอกกุหลาบใส่ผ้าคลุมของตัวเองมาให้แม่พระ แล้วแม่พระก็จัดเรียงดอกกุหลาบนั้น แล้วบอกให้นำไปให้พระสังฆราชดู เมื่อไปถึงคนรับใช้ไม่ยอมให้เข้าพบ และเห็นว่า ดิเอโก หอบอะไรมาด้วยก็อยากจะดู แต่ดิเอโกไม่ยอมให้ดู จึงมีการแย่งกัน และดิเอโกกลัวว่าดอกกุหลาบจะช้ำจึงเปิดให้ดู  สิ่งที่ปรากฏออกมาคือ ไม่มีดอกกุหลาบ แต่กลายเป็นรูปแม่พระปรากฏอยู่บนผ้าคลุมของดิเอโก คนใช้จึงวิ่งไปบอกพระสังฆราช และท่านก็ได้นำไปเก็บไว้ในวัด เพื่อถวายเกีรยติแด่แม่พระ
2. ผลที่ตามมาก็คือ การกลับใจ ของชาวอินเดียแดง ชาวแม็กซิโก นี่คืออัศจรรย์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่เกิดขึ้น แม่พระเป็นเสมือนผู้แพร่ธรรมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของแม็กซิโก 
ที่สุด ปี 1753 แม่พระแห่งกวาดาลูเปได้กลายเป็นองค์อุปถัมภ์ของชาติแม็กซิโก และพระสันตะปาปาปีโอที่ 10 ได้ประกาศให้เป็นองค์อุปถัมภ์ของทวีปลาตินอเมริกา

3.  สำหรับเราคริสตชน แม่พระเป็นแม่ของเรา แม่แห่งความเชื่อของเรา แม่พระที่อยู่ใกล้ชิดกับเรา แม้ในยามที่เราอ่อนแอ หรือ เข้มแข็ง แม่พระคอยเป็นกำลังให้กับเรา  การสวดภาวนาสายประคำ เป็นการแสดงออกถึงความรักต่อแม่พระที่ดีที่สุดวิธีหนึ่ง เมื่อเราสวดสายประคำ แม่พระก็ฟังคำภาวนาของเรา ฟังเสียงของแม่พระที่ตรัส กับดิเอโก และแน่นอนว่า ตรัสกับเราด้วย 
"ฟังนะ ลูกรัก ลูไม่ต้องเป็นห่วงกังวลด้วยสิ่งใด 
ไม่ต้องกลัวการป่วยหรือความทุกข์
เราผู้เป็นมารดาของลูกอยู่ที่นี่มิใช่หรือ?
ลูกไม่ได้อยู่ภายใต้ความอารักขาคุ้มครองของแม่หรือ?
แม่มิได้เป็นผู้รับผิดชอบลูกด้วยหรือ?
ลูกยังต้องการอะไรอีก?"



ประการที่สอง คือ การฉลองความเชื่อ มีความหมายเท่ากับการเฉลิมฉลอง สรรเสริญพระเจ้า ก็มีค่าเท่ากับการฉลองพระเจ้า เพราะว่าสิ่งที่เราเชื่อก็คือ พระเจ้า เมื่อเราฉลองความเชื่อทุกปี ก็เท่ากับเป็นการบอกตัวเองว่า เราเชื่อในพระเจ้า ปีนี้เรายังเชื่อในพระเจ้า ปีนี้เรายังมีพระเจ้าในชีวิตของเรา
คล้าย ๆ เป็นการรื้อฟื้นศีลล้างบาปทั้งหมู่บ้าน คล้ายเป็นการรื้อฟื้นความเชื่อที่เรามี ที่เราได้รับมาจากบรรพบุรุษ ปู่ย่าตายาย พ่อแม่ของเรา ฉะนั้นการฉลองวัด หรือ การฉลองความเชื่อจึงเป็นสิ่งที่สำคัญมาก พระศาสนจักรในเมืองไทยจึงเน้นให้มีการทำเช่นนี้ ทุกปี เพื่อเป็นการรื้อฟื้น  กระตุ้น และให้เราตระหนักว่า เราเป็นคริสตชน เราเป็นผู้มีความเชื่อ เราเป็นลูกของพระเจ้า
การฉลองความเชื่อนี้ ไม่ใช่แค่ความเชื่อของเราส่วนตัว แต่เป็นความเชื่อของครอบครัวของเรา แต่เป็นความเชื่อของชุมชนของเรา หรือ หมู่บ้านของเรา
การฉลองความเชื่อ จึงมี 3 ระดับ คือ ระดับส่วนตัว  ระดับครอบครัว  และระดับหมู่บ้าน ซึ่งจะต้องควบคู่และไปด้วยกัน จากความเชื่อส่วนตัว ก็ขายออกไปสู่ครอบครัว จากครอบครัวก็กระจาย และแสดงออกทางการร่วมมือกับหมู่บ้าน
เมื่อเป็นเช่นนี้ จึงไม่ใช่ว่า สามี หรือ ภรรยา มาวัด มาแก้บาป มารับศีลฯ เพียงคนเดียว
ไม่ใช่ว่า คนหนึ่งมาวัด อีกคนหนึ่งอยู่บ้าน เฝ้าบ้าน
ไม่ใช่ว่า พ่อแม่มาวัด ส่วนลูกจะไปไหนก็ไป จะอยู่ที่ไหนก็ไม่สนใจ
ความเชื่อในครอบครัวเป็นสิ่งสำคัญ การมาวัดมาวาด้วยกันเป็นครอบครัว เป็นสิ่งสำคัญ และจำเป็นในการหล่อเลี้ยง และหล่อหลอมความสัมพันธ์ระหว่างพ่อแม่ และลูก
เป็นหน้าที่ของพ่อแม่ ที่ต้องเอาใจใส่ต่อความเชื่อของลูก ๆ (บอกลูกให้ไปวัดไปวา สอนลูกให้เข้าวัดเข้าวา เป็นตัวอย่างแก่ลูกในการแก้บาป รับศีล) ต้องเอาใจใส่อย่างจริง ๆ จัง ๆ เด้อ? เพื่อความเชื่อของครอบครัวของเราจะได้คงอยู่เสมอและตลอดไป เพื่อความเชื่อที่เราได้รับมาจากพ่อแม่ หรือ บรรพบุรุษของเราจะได้ไม่ตาย แต่จะยังคงมีชีวิตอยู่ในบรรดาลูก ๆ หลาน ๆ ของเราสืบไป

เราจะเตรียมจิตใจอย่างไร?
เตรียมตัวระยะยาว             หมายถึง การปฏิบัติศาสนกิจอย่างสม่ำเสมอ ด้วยความเอาใจใส่ ก็คือ การเข้าวัดเข้าวา ทุกวันอาทิตย์ ไม่ขึ้นกับฤดูกาลของการทำมาหากิน เช่น การมาวัดวันอาทิตย์ไม่ขึ้นกับฤดูการทำนา ฤดูการเกี่ยวข้าว หรือฤดูกาลกรีดยาง เป็นต้น  การสวดภาวนาเป็นประจำ (ในที่นี้หมายถึงการคิดถึงพระเจ้า การวอนขอพระเจ้า)
นอกจากนี้ ยังหมายถึง การดำเนินชีวิตให้อยู่ในศีลในพร ในหลักธรรมคำสอนของพระเจ้า นั่นคือ ถือความรัก มีความซื่อสัตย์ และความยุติธรรมในการดำเนินชีวิต กับเพื่อนพี่น้อง กับสามี ภรรยา หรือ ลูก ๆ ของตนเอง ช่วยเหลือจุนเจือซึ่งกันและกัน เป็นต้น
การเตรียมตัวระยะเข้มข้น หมายถึง การปฏิบัติตนเป็นคริสตชนอย่างเข้มข้น โดยอาศัยการร่วมมือกับทางวัด เช่น ก่อนการฉลองวัด หรือ ฉลองความเชื่อ ก็เตรียมจิตใจ รับศีลอภัยบาป ฟังเทศน์เตรียมจิตใจ รับศีลมหาสนิทด้วยใจศรัทธา เป็นต้น
ที่สำคัญคือ รักษาความบริสุทธิ์ทั้งกาย วาจาใจ และการกระทำ นั่นคือ กาย ก็อยู่ในสถานที่เหมาะสม วาจาก็เปล่ง พูดออกมาแต่สิ่งดีดี ใจก็คิด หรือปรารถนาแต่ความดีงาม และการกระทำก็พึงระวังไม่ให้กระทำผิดทั้งต่อตัวเอง ต่อครอบครัว และต่อเพื่อนพี่น้อง..
นี่แหละคือ การเตรียมฉลองวัด หรือ ฉลองความเชื่ออย่างถูกต้อง และมีคุณค่ามากที่สุด..

1 ความคิดเห็น:

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

ขอบคุณค่ะ