BLOGGER TEMPLATES AND TWITTER BACKGROUNDS

วันพุธที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

บทเทศน์เตรียมจิตใจฉองวัดพระคริสตราชา นาจาร

วันศุกร์ ที่ 13 กุมภาพันธ์ 2015

บทเทศน์

พี่น้องที่เคารพรัก ในค่ำคืนนี้เราร่วมจิตร่วมใจเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ในพิธีมิสซา บูชาขอบพระคุณ  คืนนี้เป็นคืนเตรียมจิตใจ ฉลองวัดของเรา  ฉลองความเชื่อของเรา  เราเฉลิมฉลองความเชื่อในพระเยซูคริสตเจ้า  สิ่งที่สำคัญในการเตรียมจิตใจฉลองวัดก็คือ การแก้บาป การรับศีล

พี่น้อง การฉลองวัดจะมีความหมาย และมีคุณค่า และมีความสุขที่สุด ก็ต่อเมื่อ เราได้เตรียมตัวมาตลอดทั้งปี  เราเตรียมตัวมาอยู่เสมอ เหมือนกับเวลาเก็บเกี่ยวข้าว เราทำนา เราใส่ปุ๋ย เราเตรียมดิน เราทำทุกอย่างในนาของเรา เราดูแลอย่างดี หอยเชอร์รี วัชพืช  เรากำจัดให้หมดไป บางคนไปซื้อปุ๋ยมาอย่างแพงมาใส่นาของตนเอง เราออกแรง ยิ่งเราออกแรงมาก ยิ่งเราดูแลมาก เมื่อถึงฤดูเก็บเกี่ยว หรือ การเกี่ยวข้าว แน่นอนว่า เรามีความสุขจากผลผลิต เมล็ดข้าวที่เต็มรวง ผลที่ได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย เพราะเราทำอย่างดี และเต็มที่

เช่นเดียวกัน การฉลองวัด หรือฉลองความเชื่อของเราจะมีคุณค่า และทำให้เรามีความสุข มันจะเป็นผลที่มาจากการเตรียมตัวของเราอย่างดีนั่นเอง ตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมา เราดำเนินชีวิต เราดำรงตนอยู่ในศีลในพรของพระเจ้า เราเจริญชีวิตในกรอบ ตามครรลองครองธรรมของพระบัญญัติและจิตตารมณ์ของพระศาสนา นั่นแหละจะทำให้เรามีความสุขในการฉลองความเชื่อ

ความสุขจากภายใน นำมาซึ่งความสุขภายนอกเสมอ.. ความสุขจากภายนอกไม่สามารถเป็นความสุขสู่ภายในจิตใจของเราได้

การดื่มเหล้า เมามาย จนไม่รู้จักกาลเทศะ ไม่รู้จักผู้ใหญ่ ไม่รู้จักกฎเกณฑ์ ไม่รู้จักพอ แถมอาละวาท และทะเลาะวิวาทกันอีกต่างหาก เป็นความสุขที่แท้จริงหรือเปล่า? คงไม่ใช่ความสุขที่แท้จริงแน่นอน เพราะจะมีแต่คนตำหนิ และด่าได้

การฉลองวัดหรือฉลองความเชื่อ ภายนอกชื่นชมยินดีได้ แต่อย่าทำบาป ม่วนได้ แต่อย่าเฮ็ดชั่ว
พี่น้องที่เคารัก ในค่ำคืนนี้ เราพร้อมใจกันขอบคุณพระเจ้าด้วยกัน  เชิญชวนพี่น้องไตร่ตรองด้วยกัน ในโอกาสการเตรียมจิตใจในค่ำคืนนี้

อันดับแรก ผมอยากจะเชิญชวนเราคิดถึง องค์อุปถัมภ์ของวัด วัดของเราชื่อว่า พระคริสตราชา  ความเป็นมาตามประวัติในหนังสือของมิสซัง ไม่ได้ระบุว่าใครเป็นคนตั้งชื่อนี้ แต่มีความน่าจะเป็นไปได้ว่า เนื่องจากกลุ่มคริสตชนกลุ่มแรกที่มาที่นี่ก็คือ กลุ่มคริสตชนจากวัดช้างมิ่ง นำโดยพ่อเฒ่าคาน เสมอพิทักษ์ และก็มีคุณพ่อมาร์ตี เจ้าอาวาสวัดช้างมิ่งมาฟังแก้บาป และถวายมิสซาให้  ที่นาจาร อยู่กลางป่ากลางเขา  พ่อเฒ่าคาน พาชาวบ้านสวด และเวลาสวดมักจะได้ยินเสียงร้องไห้รอบหมู่บ้าน  ไม่มีใครมาใกล้บริเวณนี้เพราะภูต ผี นางไม้ คงจะเยอะ (ความเชื่อของคนต่างศาสนา) ดังนั้น พระคริสตราชา จึงเหมาะสมแล้วสำหรับวัดที่อยู่กลางป่ากลางเขา มีผีสางต่าง ๆ เพราะว่า   คริสตราชา หมายถึง พระเยซูเจ้าทรงเป็นผู้ที่ปกครองชีวิตของเรา เป็นผู้ที่ดูแลชีวิตของเรา และเราอยู่ภายใต้การปกครองของพระองค์ พระองค์ทรงเป็นผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตของเรา ไม่มีใครมีอำนาจเหนือพระเยซูเจ้าได้ เพราะพระองค์ทรงเป็นกษัตริย์เหนือสิ่งอื่นใดในโลกนี้

คำถามชวนไตร่ตรองก็คือ บรรพบุรุษของเราได้ยึดพระเยซูเจ้าเป็นผู้นำ ผู้คุ้มครอง ผู้ปกปักรักษาจากภูตผีปีศาจ โรคภัยไข้เจ็บต่าง ๆ  แล้วเราล่ะ?  ทุกวันนี้ เราได้ยึดพระเยซูเจ้าเป็นศูนย์กลางของชีวิตหรือไม่? เราดำเนินชีวิตตามคำสอนของพระองค์หรือเปล่า???

พระสันตะปาปาปีโอ ที่ 11 (Pius XI) ได้ประกาศให้วันอาทิตย์สุดท้ายของเดือนตุลาคม เป็นวันฉลองพระคริสตราชา โดยมีเหตุผลว่า เพื่อ ป้องกันความคิดผิดเรื่อง อเทวนิยม โลกียนิยม และฆราวาสนิยม ซึ่งกำลังแพร่หลายในยุค ในสมัยนั้น ต่อมาพระสันตะปาปาเปาโลที่ 6 ได้ปรับปรุงพิธีกรรม และกำหนดให้ฉลองในวันอาทิตย์สุดท้ายของเทศกาลธรรมดา

สิ่งที่ผมต้องการจะเน้นก็คือ ความหมายการตั้งวันฉลองนี้ขึ้น ก็คือ ป้องกันความคิดผิดเรื่อง คือ
a.       อเทวนิยม หมายถึง คนที่ไม่เชื่อว่ามีพระเจ้า คนที่เชื่อในพระเจ้า 
b.      โลกียนิยม หมายถึง ผู้คนกำลังหลงมัวเมา สนุกสนานกับร่างกายของตนเอง หลงไปกับความพึงพอใจของตนเอง โดยไม่สนใจศีลธรรมจริยธรรม ผิดลูกผิดเมีย ผิดผัวผิดเมีย ปล่อยตัวตามราคะตัณหา กิเลสของตนเอง เป็นทาสของสิ่งเหล่านี้
c.      ฆราวาสนิยม คือ คนที่สนใจในทางโลก ไม่สนใจชีวิตนิรันดร ไม่สนใจเมืองสวรรค์ หาอยู่หากินไปวันๆ ไม่มีความหวังในชีวิตหน้า ยุ่งและห่วงแต่ในเวลานี้ เท่านั้น

    ปัจจุบัน ยุคของเราก็เป็นเช่นนี้ ในหมู่บ้านของเรา มีไหม? คนที่ไม่เข้าวัดเข้าวา มีไหมคนที่เย็นชาและละเลยหรือเมินเฉยต่อวัดวาอาราม การสวดภาวนา มีไหมคริสตชนทำตนเหมือนกับคนไม่มีศาสนา วัดบ่เข้า พระเจ้าบ่นบ เราจะทำอย่างไร? เราจะช่วยเหลือเขาอย่างไร? รวมทั้งลูกหลานของเราด้วย บางครั้งก็ไม่เข้าวัดเข้าวา ไม่สนใจพระเจ้า เราจะทำอย่างไร?  คำตอบก็คือ แบบอย่าง..ของพี่น้องแต่ละคน จะช่วยคนเหล่านี้ได้

    นอกจากนี้ ในเรื่องของโลกียนิยม การทำผิดศีลผิดธรรม การทำผิดต่อพระบัญญัติของพระเจ้า การทำลายครอบครัวของตนเอง การไม่ซื่อสัตย์ต่อศีลกล่าว การมีชู้ นอกใจคู่ชีวิตของตนเอง สนุกสนานไปวันๆ ไม่คำนึงถึงศีลธรรมจริยธรรมของพระคริสตเจ้า ในบ้านเรามีไหม? เราจะช่วยเขาอย่างไร? คำตอบก็คือ การเป็นแบบอย่าง..ของพี่น้องแต่ละคน จะช่วยคนเหล่านี้ได้ การยืนหยัดในความหนักแน่น และไม่อ่อนแอในการประจญล่อลวง.. จะช่วยคนที่หลงผิดให้กลับมาหาพระเจ้าได้
    
    พี่น้อง วัดของเรามีพระเยซูเจ้า เป็นราชา เราคงไม่เดินตามใคร นอกจากพระองค์ “ใครที่เป็นศิษย์ของเรา ต้องสละน้ำใจตนเอง แบกกางเขนของตน และตามเรามา”


0 ความคิดเห็น: