BLOGGER TEMPLATES AND TWITTER BACKGROUNDS

วันศุกร์ที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562

ผู้ล่วงลับ 2019




บทเทศน์เตือนจิตใจก่อนระลึกถึงผู้ล่วงลับ

ความเข้าใจเบื้องต้นเกี่ยวกับชีวิต (เห็นคุณค่าของชีวิตแต่ไม่ยึดติด)

ชีวิตบนโลกมนุษย์

คริสตชนทุกคนจะต้องคิดว่า ชีวิตบนโลกนี้มีเพียงชีวิตเดียวเท่านั้น มีเกิด มีระยะเวลา มีขอบเขต มีสิ้นสุด หมายความว่า เราไม่ต้องคิดมาก ว่าเราจะมีชีวิตในโลกนี้ตลอดนิรันดร ไม่ต้องยึดติดกับสิ่งที่มีในโลกนี้ เพราะเมื่อถึงเวลาหนึ่งเราก็จะต้องจบชีวิตลงอย่างแน่นอน  แล้วจำเป็นต้องมีชีวิตไหม? แน่นอนว่า จำเป็นต้องมีชีวิตอยู่และพยายามอย่างหนักที่จะมีชีวิตให้ดีด้วย ที่ว่าจำเป็นต้องมีชีวิต เพราะว่า ชีวิตเป็นของประทานจากพระเจ้า พระองค์ให้ชีวิตแก่เรา พระองค์เป่าลมปราณของพระองค์เข้ามาในตัวเรา เราจึงเป็นผู้ที่พระเจ้าทรงให้ชีวิต และเมื่อมีชีวิต เราจะต้องพยายามอย่างหนักที่จะมีชีวิตที่ดี หมายถึง ดูแลชีวิตให้ดี ทั้งด้านร่างกายและจิตใจ ด้านร่างกายก็คือ ไม่ปล่อยให้ตัวเองอดๆ อยากๆ นั่นคือ งอมือ งอเท้า ไม่ทำมาหากิน ขี้เกียจทำงาน  ด้านจิตใจก็คือ การดำเนินชีวิตในความดีงาม เป็นคนดี ช่วยเหลือคนอื่น ไม่เอาเปรียบคนอื่น ไม่ทำลายคนอื่น  พยายามหล่อหลอมชีวิตของตนเองให้อยู่ในหนทางของพระเจ้า

ชีวิตบนโลกนี้ดูแล้ว มันสั้น แม้ดูเหมือนระยะเวลายาวนาน 40 50 70 80ปี เพราะความเคยชินทำให้เราคิดว่า โลกนี้น่าอยู่ และมีหลายอย่างในชีวิตประจำวันทำให้เรารู้สึกไม่เบื่อที่จะอยู่ในโลก แต่ความจริงก็คือ ชีวิตมันสั้น และมีเวลาไม่มากในการที่จะสะสมความดี หรือ สร้างบุญกุศล หรือสร้างความสัมพันธ์กับพระเจ้า และกับเพื่อนพี่น้อง  บางคนเสียดายเวลาไม่ได้เข้าวัด ไม่ได้แก้บาป ไม่ได้รับศีล บางคนเสียดายเวลาที่ยังไม่ได้คืนดีกัน ที่ยังไม่ได้ให้อภัยกัน ที่ยังไม่ได้ทำดีเพื่อกันและกัน เพราะเวลามันสั้น

ชีวิตในโลกหน้า/ชีวิตหลังความตาย/ชีวิตนิรันดร

มีอีกชีวิตหนึ่งที่สืบเนื่องมาจากชีวิตในโลกนี้ ชีวิตในโลกหน้ามีแน่นอนและเป็นชีวิตตลอดนิรันดร ไม่มีกลับชาติมาเกิด ไม่มีตายแล้วเกิดใหม่ ไม่มีการระลึกชาติ ไม่มีอะไรอีก นอกจากการมีชีวิตอยู่กับพระเจ้าเท่านั้น และเราจะกลับคืนชีพในพระคริสตเจ้า คือ พระคริสตเจ้าจะทำให้เรากลับคืนชีพในวันสุดท้าย
พระเยซูเจ้าตรัสเกี่ยวกับอาณาจักรสวรรค์ มัทธิว 32 ครั้ง พูดถึง สวรรค์ มาระโก 6 ครั้ง พูดถึงชีวิตนิรันดร มัทธิว 5ครั้ง มาระโก 4 ครั้ง ลูกา 3 ครั้ง ยอห์น 18 ครั้ง พูดถึงโลกหน้า ลูกา 2 ครั้ง
นี่คือคำยืนยันจากพระเยซูเจ้าผู้ลงมาจากสวรรค์ พระองค์ทรงเป็นพระบุตรของพระเจ้า และชัดเจนว่า เราทุกคนจำเป็นต้องไปสวรรค์  ต้องอยู่บนสวรรค์ ต้องเอาตัวเองให้รอดไปสวรรค์ให้ได้
พระองค์ย้ำด้วยว่า เราจะต้องช่วยกัน สมาชิกในครอบครัวจะต้องช่วยกัน เตือนกัน นำพากันและกัน และช่วยคนอื่นด้วย ให้เอาตัวเองไปสวรรค์ กลุ่มหรือกิจกรรมของพระศาสนจักร หรือวัด หรือ มิสซัง เป็นการกระตุ้นเพื่อให้เราช่วยกันและกันให้เอาตัวรอดไปสวรรค์

ความเข้าใจเบื้องต้นเกี่ยวกับคนตาย

คนตายคือคนที่ร่างกายและวิญญาญแยกจากกันและจะรวมเป็นหนึ่งเดียวกันอีกไม่ได้ ไม่มีใครมีอำนาจที่จะรวมร่างกายกับวิญญาณให้เป็นหนึ่งเดียวกัน นอกจาก พระเจ้าเท่านั้น พระองค์ทรงกระทำกับมนุษย์เมื่อเกิดมา และจะทำอีกครั้งเมื่อการพิพากษาประมวลพร้อมเกิดขึ้นคือ วันสิ้นพิภพ จะเป็นสภาพนิรันดรสำหรับมนุษย์
สภาพคนตายจะไม่สามารถทำอะไรได้เลย กระทำอะไรก็ไม่ได้ ไม่สามารถทำดี ไม่สามารถทำชั่วได้ ทำได้เพียงแค่รอคอย 1)พระเมตตาจากพระเจ้า 2)การชำระตนให้บริสุทธิ์  สภาพการรอคอยนี้ เรียกว่า การอยู่ในไฟชำระ สภาวะหรือช่วงเวลาแห่งการรอคอย ตามระยะเวลาของความบาป มลทินจะหมดสิ้นไป

ระยะเวลาของพระเจ้า ใน 2ปต 3:8 สำหรับองค์พระผู้เป็นเจ้า เพียงหนึ่งวันก็เหมือนกับหนึ่งพันปี และหนึ่งพันปีก็เหมือนกับหนึ่งวัน

เราจะช่วยคนตายให้ได้รับพระเมตตาอย่างไร?

ทำบุญอุทิศให้ผู้ล่วงลับ

อะไรคือบุญ
พจนานุกรมฉบับบัณฑิตยราชฐาน พ.ศ.2554 บุญคือ ความสุข ความดี
บุญกุศลคืออะไร (2006-2009, 2025-2027)  บุญกุศลคือ สิ่งที่ทำให้เรามีสิทธิ์ที่จะรับการตอบแทนจากการกระทำดีต่อพระพักตร์พระเป็นเจ้า มนุษย์ไม่สมควรได้รับบุญกุศลใดๆ เลย แต่มนุษย์ได้รับทุกสิ่งที่ให้เปล่าจากพระองค์

สิ่งที่ทำให้เรามีสิทธิ์ได้รับการตอบแทน หมายถึงอะไร หมายถึงการกระทำใดใดที่เป็นการกระทำที่พระเจ้าพอพระทัย (การกระทำดี การกระทำตามบัญญัติของพระองค์)จะได้รับการตอบแทนอย่างแน่นอน การกระทำดี/ทำตามพระบัญญัติไม่เกี่ยวกับขนาดของความดีตามประสามนุษย์ แต่ขึ้นอยู่กับความตั้งใจที่จะกระทำ เช่น การให้ทาน ไม่เกี่ยวกับจำนวนเงิน (มีมาก ก็ให้มาก มีน้อย ก็ให้น้อย) ตั้งใจให้ เต็มใจให้

ขอมิสซา และ การภาวนา เป็นการกระทำที่ได้ทั้งผู้กระทำและผู้ที่อุทิศบุญให้ เพราะคำภาวนาเป็นการวอนขอพระเมตตา พระหรรษทานจากพระเจ้าเพื่อตนเองและเพื่อคนอื่น

ดำเนินชีวิตอุทิศเพื่อผู้ล่วงลับ การดำเนินชีวิตให้สอดคล้องและเป็นไปตามหลักความดีงาม




0 ความคิดเห็น: