สอบวิชา การแต่งงานในพันธสัญญาเดิม ภาคกฏหมายและประกาศก
วันนี้สอบเขียน...
ให้เลือกตอบเพียงข้อเดียว..ก็เลยเลือกหัวข้อ..
การแต่งงานที่เป็นสัญลักษณ์ในหนังสือประกาศกโฮเชยา..
ซึ่งมี ๓ บทเท่านั้นที่พูดถึงเรื่องการแต่งงานไว้อย่างชัดเจน คือ บทที่ ๑ ถึง บทที่ ๓
ในบทที่ ๑
มีความสำคัญตั้งแต่เริ่มต้น..
พระเจ้าทรงสั่งให้ประกาศกโฮเชยาไปแต่งงานกับหญิงโสเภณีคนหนึ่งและให้กำเนิดบุตรกับนาง..
เพราะว่า แผ่นดินเต็มไปด้วยการผิดประเวณี และความไม่ซื่อสัตย์ต่อพระเจ้า
และประกาศกโฮเชยาก็ทำตามพระประสงค์ของพระเจ้า..โดยการแต่งนางกับหญิงโสเภณี..
พระเจ้าทรงต้องการบอกกับชาวอิสราเอลว่า.. พวกเขานั้นไม่ซื่อสัตย์ต่อพระองค์
พวกเขาเป็นเหมือนหญิงโสเภณี.. พวกเขาเป็นชู้
เพราะว่า พวกเขาหันตัวเองไปนมัสการ หรือ หันไปเคาพรรูปเคารพอื่น ไม่ใช่พระเจ้าเที่ยงแท้..
และที่สำคัญไปอีกกว่านั้นก็คือ ชื่อของลูกทั้งสามคน..
คนแรกชื่อว่า ยิสราเอล
คนที่สองชื่อว่า ไม่รัก หรือ ไม่ให้อภัย
คนที่สามชื่อว่า ไม่ใช่ประชากร
ทุกอย่างล้วนมีความหมายที่พระเจ้าต้องการจะสอน บอก และเตือนชาวอิสราเอลทั้งสิ้น..
เนื่่องจากสาเหตุของความไม่ซื่อสัตย์ต่อพระเจ้า ทำให้ชาวอิสราเอลนอกใจพระเจ้า
เป็นชู้กับรูปเคารพอื่น
ซึ่งการเป็นชู้ หรือ การผิดประเวณีนั้น เป็นเรื่องที่รุนแรง และต้องรับโทษสถานหนัก..
การเป็นชู้ หรือ การผิดประเวณีนั้น ต้องโทษถึงตาย
และผลของความไม่ซื่อสัตย์แสดงออกมาในชื่อของลูกทั้งสามของประกาศก
พระเจ้าไม่รัก หรือ ไม่ให้อภัยชาวอิสราเอลต่อไปอีกแล้ว
พระเจ้าไม่นับว่า ชาวอิสราเอลเป็นประชากรที่เลือกสรรของพระองค์อีกต่อไปแล้ว
หากเป็นเช่นนี้ พวกเขาจะขาดซึ่งพระหรรษทาน การอวยพร การปกป้องจากพระเจ้า
ในบทที่ ๒
ประกาศกได้พูดถึงสถานการณ์ของประชากรซึ่งได้หันหน้าไปหาพระอื่น
ซึ่งพวกเขาคิดว่า จะนำความสุข ความอุดมสมบูรณ์มาสู่ชีวิตของพวกเขา
ประกาศกได้เปรียบเทียบความไม่ซื่อสัตย์ของชาวอิสราเอลว่าเป็นเหมือนความสัมพันธ์
ระหว่างสามี และ ภรรยา
ในความรู้สึกแรกต้องการที่จะตัดขาดจากนาง ต้องการที่จะลงโทษนางที่มีชู้
ในอีกความรู้สึกหนึ่ง ต้องการการคืนกลับมา ต้องการการกลับใจ
ในบทที่ ๓
ได้พูดถึง การตามหาภรรยาที่เป็นชู้ หรือ ผิดประเวณี เพื่อจะเรียกให้กลับคืนมา..
เพื่อจะรับนางมาเป็นภรรยาอีกครั้งหนึ่ง
ในทำนองเดียวกัน พระเจ้าก็ออกติดตาม ตามหาผู้ที่หลงผิด ติดตามพระอื่น
เอาใจออกหาจากพระองค์เช่นกัน
สรุปไตร่ตรอง...
แม้ว่า ภรรยาของประกาศกจะเป็นหญิงโสเภณี ประกาศกก็ยังรัก และสร้างชีวิต
สร้างครอบครัวกับนาง และให้กำเนิดบุตรกับนาง..
พระเจ้าก็เช่นกัน.. แม้ว่ามนุษย์จะทำผิดต่อพระองค์อย่างมากมาย หลายครั้งนับไม่ถ้วน.
แต่พระองค์ก็ยังคงรัก และคอยดูแลมนุษย์เสมอ เสมือนสามีดูแลภรรยา
สามี..ในยุคปัจจุบันนี้..ทำเช่นนี้ได้หรือ?
ยอมรับการมีชู้ หรือ การผิดประเวณีของภรรยาของตนเองได้หรือ?
หรือ ยังรัก ยังยกย่องให้เกียรติภรรยามีชู้ ผิดประเวณีได้หรือ?
คงจะเป็นไปได้ยาก.. เพราะการผิดประเวณี หรือการมีชู้..เป็นการทำลายทุกอย่างของสามี
แต่พระเจ้า..ทำได้..เพราะความรักไม่มีขอบเขต..
ภรรยาจะพบสามีที่ให้อภัยในความผิด บกพร่องที่ใหญ่ขนาดนี้ได้หรือ??
ภรรยาจะสามารถคบชู้ ผิดประเวณีได้ตามใจตนเองปรารถนาได้หรือ?
คงเป็นไปไม่ได้.. และไม่ควรที่จะทำด้วย..เพราะเป็นการทำลายชีวิตครอบครัวของตนเอง..
ชีวิตการแต่งงานของประกาศก ขึ้นอยู่กับพระเจ้า..
พระเจ้าทรงเป็นพื้นฐาน เป็นเหมือนกับผู้อยู่เบื้องหลังของการแต่งงานของมนุษย์
พระประสงค์ของพระเจ้า..คือความเป็นหนึ่งเดียวกันของมนุษย์
ซึ่งแสดงออกทางการแต่งงาน..หนึ่งเดียวเท่านั้น..
อันที่จริง..ชีวิตการแต่งงานของประกาศก เป็นเครื่องหมาย หรือ สัญลักษณ์ที่แสดงออกถึง..
ความรักของพระเจ้า
การให้อภัย
การรอคอย
การเอาใจใจ
ต่อมนุษย์อย่างหาที่สุดไม่ได้
มนุษย์ก็ควรที่จะเรียนแบบความรักของพระองค์
พยายามเดินไปในเส้นทางแห่งความรักที่หาขอบเขตไม่ได้
พยายามทำให้ความรักของพระเจ้าเป็นจริงในชีวิตคู่ของตนเอง
วันเสาร์ที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2554
สอบวันที่สี่
เขียนโดย don Pietro Virote Phosawang ที่ 10:17 0 ความคิดเห็น
วันศุกร์ที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2554
สอบวันแรก
วันนี้เป็นวันแรกของการสอบ ลำดับสอบที่ ๔๔
กว่าจะสอบเสร็จ..ก็ต้องรอจนถึง ๑๗.๐๐ น.
กว่าจะกลับถึงบ้าน.. ก็ต้องรอจนถึง ๑๘.๑๕ น.
ต้องฝ่าอากาศที่หนาวเย็นอีกต่างหาก..
ลำบากและทุกข์ยากจริง จริงเลย
วันนี้สอบเรื่อง..
ในหัวข้อ..การหย่าร้างไม่ได้..
เงื่อนไขของการแต่งงานคือ การหย่าร้างไม่ได้..
หลายคนมองว่า เป็นเรื่องของศาสนคริสต์เท่านั้น ที่มีเงื่อนไขเช่นนี้..
และคริสตชนเองก็มองว่า การหย่าร้างไม่ได้เป็นสัจจธรรม ที่ยืนยันถึงความเชื่อของเราเท่านั้น..
และเป็นเรื่องของชาวคริสต์เท่านั้น
คนที่ไม่ใช่คริสต์ก็ไม่ต้องถือ ก็ไม่ต้องปฏิบัติ..ก็สามารถแยกกัน หย่ากันได้ตามสบาย และง่าย ๆ
คุณคิดผิดแล้ว..
แท้จริงแล้ว..
การแต่งงานเป็นการหย่าร้างไม่ได้โดยตัวของมันเอง
หย่าร้างไม่ได้โดยธรรมชาติของมันเอง
เพราะการแต่งงานที่หย่าร้างไม่ได้นี้สัมพันธ์หรือเกี่ยวข้องกับมนุษย์ทุกคน
ไม่ใช่เฉพาะผู้มีความเชื่อเท่านั้น เพียงแต่ว่า ผู้มีความเชื่อนั้น ให้ความหมายในลักษณะที่แตกต่าง..
ทำไมการแต่างานจึงหย่าร้างไม่ได้โดยธรรมชาติ??
เพราะว่า การหย่าร้างไม่ได้เกี่ยวข้องสัมพันธ์กับความดีส่วนรวม.. ความดีพื้นฐาน
นั่นคือ ความดีของมนุษย์
ที่สำคัญ..แม้ว่าจะมีการอย่าร้างเกิดขึ้นระหว่างสามีและภรรยา..
พึงรับรู้ไว้ว่า ข้อผูกมัน หรือ พันธสัญญาระหว่างกันนั้น...ไม่ได้สูญหายไปไหน
การหย่าร้าง..ไม่ได้เป็นการยกเลิกพันธะของการแต่งงาน
และ เงื่อนไขของการแต่งงานนี้ไม่มีวันสิ้นสุด..จะคงอยู่ตลอดไป..
ในตัวของ สามีและภรรยา.. เอง
การหย่าร้าง..ถือว่าเป็นความชั่วในตัวเอง
เพราะว่า เป็นการต่อต้านความดีของมนุษย์
ทำลายความสัมพันธ์ และพันธสัญญา หรือข้อผูกมัดที่มีต่อกันและกัน...
หัวข้อที่สอง.. Tabù dell'incesto คือ ข้อห้ามการผิดประเวณีในครอบครัวของตนเอง
หมายความว่า เป็นข้อห้ามการมีความสัมพันธ์ทางเพศระว่างพ่อกับลูก หรือ พี่ชายกับน้องสาว
หรือ ลุงกับหลาน
กฎข้อห้ามนี้ เป็นกฎทางธรรมชาติที่ไม่สามารถละเมิด หรือฝ่าฝืนได้
กฎข้อห้ามนี้ เป็นกฎที่มีอยู่ในทุกสังคมและวัฒนธรรม นั่นคือ เป็นกฎสากล
กฎข้อห้ามนี้ เป็นเรื่องเกี่ยวกับการกระทำทางเพศต่อกันและกัน
ข้อห้ามนี้ เป็นข้อห้ามอย่างเด็ดขาด.. โดยปราศจากเหตุผลใดใดทั้งสิ้น
กฎข้อห้ามนี้ มันฝั่งอยู่ในตัวของมนุษย์ อยู่ในจิตสำนึก และการรับรู้ของมนุษย์ทุกคน
ไม่สามารถประนีประนอมหรือผ่อนปรนได้เลย..
ทำไม??
เพราะว่า คนหนึ่งที่เรียกตัวเองว่าพ่อ.. ไม่สามารถที่จะกลายเป็น.. สามี ได้
หรือ คนหนึ่งที่มีบทบาทของการเป็น.. แม่.. ก็ไม่สามารถที่จะกลายเป็นภรรยา..ได้
และในทำนองเดี๋ยวกันกับบทบาทของสมาชิกในครอบครัว..
บทบาทและเอกลักษณ์เป็นลักษณะเฉพาะของแต่ละบุคคล..ไม่สามารถแทน หรือ เพิ่มขึ้นได้
ชื่อของครอบครัว คือ เอกลักษณ์ของที่เราได้รับมาจากการให้บทบาทของแต่ละคนในครอบครัวเรา
การละเมิด การฝ่าฝืน..เหมือนกับเป็นการทำลายธรรมชาติความเป็นมนุษย์ของตนเอง
ทำลายความเป็นครอบครัวโดยธรรมชาติของตนเอง..
ผู้กระทำผิด หรือ ละเมิด.. สมควรตายสถานเดียวเท่านั้น.. (ตัดสินเอง)
หัวข้อที่สาม.. สิทธิของการแต่งงานตามธรรมชาติ
หัวข้อที่สี่.. ครอบครัวและการแต่งงานในบริบทของความสัมพันธ์เกี่ยวกับมนุษย์วิทยา
และสุดท้าย..
ก็นั่ง ซด..อาหารจีน..คือ บะหมี่นี่เอง
ซัดซะไม่เหลือแม้แต่น้ำ..แซบอีหลี...
เขียนโดย don Pietro Virote Phosawang ที่ 19:15 0 ความคิดเห็น
วันอังคารที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2554
พักสายตา
ไม่มีอะไรทำ.. หรือ ไม่ได้ทำอะไร..นอกจากอ่านหนังสือ..
ดูเหมือนจะเอาจริงเอาจัง..ที่ไหนได้..ก็เอาจริงอยู่
การจะทำอะไรที่เน่นเกินไป..ก็ไม่ดี
การจะทำอะไรที่ผ่อนเกินไป..ก็ไม่ไดี
การจะทำอะไรเพียงแค่กึ่ง กึ่ง กลาง กลาง ก็ไม่ดี
การทำอะไรตามความเหมาะสม
เขียนโดย don Pietro Virote Phosawang ที่ 20:52 0 ความคิดเห็น
วันศุกร์ที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2554
ช่วงเตรียมสอบ
การสอบกำลังจะเริ่มต้นอีกแล้ว...
สิ่งแรกที่ต้องทำก็คือ....
๑. ให้กำลังใจแก่ตัวเองจากถ้อยคำตัวเอง
เขียนโดย don Pietro Virote Phosawang ที่ 14:19 0 ความคิดเห็น
วันศุกร์ที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2554
เข้าเงียบประจำปี ๒๐๑๑
วันที่ ๕ มกราคม ๒๐๑๑
การไตร่ตรอง...บทเทศน์ พระสังฆราช ENRICO DAL COVOLO
"จงฟังเถิด" บทสอนของพระเจ้าและพระศาสนจักรในเรื่องเกี่ยวกับกระแสเรียกของการเป็นพระสงฆ์
เขียนโดย don Pietro Virote Phosawang ที่ 11:18 0 ความคิดเห็น
วันพฤหัสบดีที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2554
เข้าเงียบประจำปี ๒๐๑๑
วันที่ ๔ มกราคม ๒๐๑๑
การไตร่ตรอง...บทเทศน์ พระสังฆราช ENRICO DAL COVOLO
"จงฟังเถิด" บทสอนของพระเจ้าและพระศาสนจักรในเรื่องเกี่ยวกับกระแสเรียกของการเป็นพระสงฆ์
เขียนโดย don Pietro Virote Phosawang ที่ 14:23 0 ความคิดเห็น
วันพุธที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2554
เข้าเงียบประจำปี ๒๐๑๑
วันที่ ๓ มกราคม ๒๐๑๑
การไตร่ตรอง... บทเทศน์ พระสังฆราช ENRICO DAL COVOLO
"จงฟังเถิด" บทสอนของพระเจ้าและพระศาสนจักรในเรื่องเกี่ยวกับกระแสเรียกของการเป็นพระสงฆ์
เวลา ๑๖.๐๐ น.
เขียนโดย don Pietro Virote Phosawang ที่ 14:16 0 ความคิดเห็น
วันอังคารที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2554
เข้าเงียบประจำปี ๒๐๑๑
การไตร่ตรอง.. บทเทศน์ พระสังฆราช ENRICO DAL COVOLO
"จงฟังเถิด" บทสอนของพระเจ้าและพระศาสนจักรในเรื่องเกี่ยวกับกระแสเรียกของการเป็นพระสงฆ์
วันที่ ๓ มกราคม ๒๐๑๑
เวลา ๐๙.๑๐ น.
การกระทำแรกเริ่มในประวัติศาสตร์ทางพระคัมภีร์ของกระแสเรียก นั่นคือ การเรียกของพระเจ้า
๑. ในปฐมกาล กระแสเรียกคือพระหรรษทาน
๒. พระวาจา เทียบ ๑พกษ ๑๙: ๑-๒๑
๓. การรำพึง
๔. สำหรับการภาวนาและสำหรับชีวิต
เขียนโดย don Pietro Virote Phosawang ที่ 22:47 0 ความคิดเห็น
เข้าเงียบประจำปี ๒๐๑๑
การไตร่ตรอง..บทเทศน์ "จงฟังเถิด" บทสอนของพระเจ้าและพระศาสนจักรในเรื่องกระแสเรียกของสงฆ์
วันที่ ๒ มกราคม ๒๐๑๑
บทนำ
"ขอทรงโปรดประทานสติปัญญาแก่ข้าพระองค์ด้วย เพื่อข้าพระองค์จะได้ปกครองคนของพระองค์อย่างยุติธรรม มิฉะนั้นแล้ว ข้าพระองค์จะปกครองคนมากมายเช่นนี้ได้อย่างไร?" (๑พกษ ๓,๙)
บทภาวนาของกษัตริย์ซาโลมอน.. เมื่อพระเจ้าทรงถามว่า "เจ้าต้องการอะไร.." และ กษัตริย์หนุ่มก็ขอสิ่งที่สำคัญที่สุด..
นั่นคือ หัวใจที่อ่อนโยน หัวใจที่พร้อมจะรับฟังเสียงของพระเจ้า
ก่อนการเข้าเงียบ..สิ่งที่เราจะต้องทำก็คือ การภาวนาวอนขอพระหรรษทานจากพระเจ้า เพื่อเราจะได้ยินและฟังเสียงของพระองค์..
มันเป็นความยากลำบากของเราในการที่จะละทิ้งสิ่งที่เรียกว่า ความเคยชิน.. เราทำหลายสิ่งหลายอย่างในชีวิตประจำวัน อย่างต่อเนื่องและเป็นระบบ.. แต่กลับต้องมาหยุด และ ละไว้.. เชกสเปียร์ กล่าวว่า "ความเคยชินเป็นเหมือนสัตว์ประหลาด ที่สามารถทำให้ความรู้สึกดีดีกลายเป็นเพียงแค่ฝุ่นผงไปได้"
จำเป็นที่เราจะต้องมาคิด พิจารณาทบทวนดูชีวิตของเรา
ที่ผ่านมา เราเข้าเงียบหลาย ๆ ครั้งเป็นอย่างไรบ้าง? เกิดผลมากน้อยแค่ไหนในชีวิต..
เราจะต้องเลียนแบบศิษย์ของพระเยซูเจ้าที่ขอร้องให้พระองค์สอนการสวดภาวนาที่ถูกต้อง..
เราเช่นกัน ควรที่จะอ้อนวอนให้พระองค์สอนการภาวนาแก่เรา
ข้าแต่พระเจ้า ข้าพระองค์ไม่สามาถที่จะภาวนาได้ โปรดสอนข้าพระองค์ด้วยเถิด
พระองค์เท่านั้นทรงเป็นการภาวนา
พระองค์ทรงภาวนาบนภูเขา ในเวลากลางคืน
พระองค์ทรงภาวนาในสวนแห่งความทุกข์ทรมาน
พระองค์ทรงภาวนาบนกางเขน
พระองค์ทรงเป็นอาจารย์ของการภาวนา
พระองจารย์ โปรดสอนข้าพระองค์ให้รู้จักการภาวนาด้วยเถิด..
พระเจ้าทรงฟังคำภาวนาของเราเสมอ พระองค์ไม่เคยที่จะเมินเฉย หรือละเลยการภาวนาของเรา
ตรงกันข้าม พระองค์ทรงเอาใจใส่ และเชื้อเชิญให้เราเข้ามาหาพระองค์
บรรดาศิษย์หลังจากกลับมาจากการทำภารกิจ การเทศน์สอน เหนื่อย..เหมือนกับชีวิตของเรา
มีหน้าที่ การงาน ความรับผิดชอบหลายอย่างในชีวิต... เหนื่อย
พระเยซูเจ้าเชื้อเชิญเรา.. เชิญมาพักกับเราสักหน่อยเถิด.. เพื่อท่านจะได้พักผ่อน..
เราจงแสวงหา และพำนักในพระองค์
กิจการต่าง ๆ ละไว้ และวางใว้ในพระหัตถ์ของพระองค์
ในการภาวนาเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการดำเนินชีวิต..
เป็นเสมือนการติดต่อสัมพันธ์กับพระเจ้าผู้ทรงรักเราอย่างหาที่สุด
เขียนโดย don Pietro Virote Phosawang ที่ 11:09 0 ความคิดเห็น
วันจันทร์ที่ 3 มกราคม พ.ศ. 2554
เดินยามราตรี..หลังคริสตมาส 2010
สถานที่ ๗ น้ำพุเตรวี่..
แม้ว่าอากาศจะเย็นหรือหนาวแค่ไหน?? ก็ไม่หวั่นไหว..พร้อมจะสู้.. เพราะมีแค่คืนนี้คืนเดียวเท่านั้น
น้ำพุที่นำความสุขสำหรับหนุ่มสาว และนักท่องเที่ยว..
สามหนุ่ม สามแบบ และหลากหลาย
เธอคนนี้.ผู้จัดการส่วนตัว.. คอยดูแล ทุกสิ่งและทุกอย่างจริง จริ๊ง...เด้อ
สถานที่ ๘ ปิอัสซ่าเวเนเซีย
ที่แห่งนี้..ทุก ๆ ปีจะมีการประดับประดาในโอกาสต่าง ๆ ไว้อย่างสวยงาม
ถือว่าเป็นหน้าเป็นตาให้กับกรุงโรมก็ว่าได้..
ไปด้วยกัน มาด้วยกัน..นั่งด้วยกัน เดินด้วยกัน เพราะเราก็มีแค่นี้.. แค่กันและกัน..
เขียนโดย don Pietro Virote Phosawang ที่ 13:50 0 ความคิดเห็น