BLOGGER TEMPLATES AND TWITTER BACKGROUNDS

วันพุธที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2555

วันพฤหัสบดี 20 ธรรมดา ปี B

พระวรสาร



Gospel                                                                                                           Mt 22:1-14


Jesus again in reply spoke to the chief priests and the elders of the people in parables saying,
"The Kingdom of heaven may be likened to a king
who gave a wedding feast for his son.
He dispatched his servants to summon the invited guests to the feast,
but they refused to come.
A second time he sent other servants, saying,
'Tell those invited: "Behold, I have prepared my banquet,
my calves and fattened cattle are killed,
and everything is ready; come to the feast."'
Some ignored the invitation and went away,
one to his farm, another to his business.
The rest laid hold of his servants,
mistreated them, and killed them.
The king was enraged and sent his troops,
destroyed those murderers, and burned their city.
Then the king said to his servants, 'The feast is ready,
but those who were invited were not worthy to come.
Go out, therefore, into the main roads
and invite to the feast whomever you find.'
The servants went out into the streets
and gathered all they found, bad and good alike,
and the hall was filled with guests.
But when the king came in to meet the guests
he saw a man there not dressed in a wedding garment.
He said to him, 'My friend, how is it
that you came in here without a wedding garment?'
But he was reduced to silence.
Then the king said to his attendants, 'Bind his hands and feet,
and cast him into the darkness outside,
where there will be wailing and grinding of teeth.'
Many are invited, but few are chosen."



ข้อคิด

ความจริงอย่างหนึ่งในวันนี้เกี่ยวกับอาณาจักรของพระเจ้า นั่นก็คือ

พระเจ้าทรงเชื้อเชิญทุกคนให้เข้ามาสู่พระอาณาจักรสวรรค์ โดยใช้งานเลี้ยงแห่งการแต่งงานเป็นเครื่องหมายว่า การแต่งงานเป็นความชื่นชมยินดีสำหรับทุกคนฉันใด อาณาจักรสวรรค์ก็เช่นกันนำความสุขและความชื่นชมยินดีสำหรับมนุษย์ทุกคนด้วย

พระเจ้าทรงออกแรงเพื่อให้มนุษย์ได้เข้ามาสู่อาณาจักรของพระองค์
พระเจ้าทรงลงทุนเพื่อให้มนุษย์ได้รอดพ้นและเข้ามามีส่วนร่วมความสุขและความยินดีในพระองค์
สิ่งที่พระเจ้าทรงกระทำ เพื่อมนุษย์ก็คือ การส่งพระเยซูเจ้ามาบังเกิดเป็นมนุษย์

ความจริงเกี่ยวกับมนุษย์ในงานเลี้ยงก็คือ  การทำตัวไม่เหมาะสม

หลายคนที่ได้รับการเชื้อเชิญจากพระเจ้า แต่พวกเขา ปฏิเสธ
หลายคนได้รับการเรียกจากพระเจ้า แต่พวกเขา ไม่สนใจ
หลายคนรู้จักคำสอนของพระเยซูเจ้า แต่พวกเขา เมินเฉย
หลายคนรู้จักหนทางนำไปสู่พระเจ้า แต่พวกเขา ไม่ใส่ใจ

ทำไมมนุษย์จึงกล้าปฏิเสธการเชื้อเชิญของพระเจ้า

  1. เพราะมนุษย์มีอิสระเสรีภาพ และอำเภอใจ สามารถเลือกและตัดสินได้ด้วยตนเอง (บาปเกิดขึ้นเพราะการใช้เสรีภาพที่ผิดต่อพระประสงค์ของพระเจ้า)
  2. เพราะมนุษย์เห็นว่าสิ่งสำคัญกว่าการมีส่วนร่วมกับพระเจ้า ก็คือ ตัวเอง สิ่งที่เป็นของตัวเอง และโลกนี้
  3. เพราะว่ามนุษย์ไม่ได้ใส่ใจและตระหนักถึงการเชื้อเชิญของพระเจ้า



ข้อมูลเกี่ยวกับการแต่งงานของชาวยิว


ครั้นเมื่อหนุ่มสาวชาวยิวประสงค์จะแต่งงาน จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องทำตามระเบียบประเพณีของชาวยิวอย่างเคร่งครัดเนื่องจากชาวยิวถือเรื่องสถาบันครอบครัวเป็นศูนย์กลางของการอยู่ร่วมกันในสังคม ประกอบกับความเชื่อทางศาสนายูดาห์ว่าการอยู่เป็นโสดนั้นไม่สมควรพึงกระทำ

ด้วยเหตุนี้สังคมชาวยิวจึงให้ความสำคัญกับการแต่งงานและสนับสนุนให้ชาวยิวแต่งงาน ยิ่งไปกว่านั้นชาวยิวผู้เคร่งครัด (Orthodox Jewish) ถือว่าพิธีแต่งงานเป็นพิธีกรรมอันศักดิ์สิทธิ์ที่จะต้องปฏิบัติให้ถูกต้องตามจารีตตั้งแต่การทำสัญญาก่อนแต่งงาน การหมั้น ไปจนถึงการจัดงานมงคลสมรส


กล่าวคือเมื่อหนุ่มสาวประสงค์จะแต่งงานแล้ว จะต้องทำสัญญาก่อนแต่งงาน หรือ เคทุบาห์ (Ketubah: Marriage Contract) ก่อนวันสมรส ด้วยความยินยอมของทั้งสองฝ่ายเพื่อย้ำเตือนถึงภาระผูกพันที่หนุ่มสาวจะต้องปฏิบัติต่อกันภายหลังแต่งงาน การจัดการทรัพย์สินมรดก รวมไปถึงภาระหน้าที่เลี้ยงดูบุตร และภาระหน้าที่ต่อบุตรเมื่อมีการหย่าร้างเกิดขึ้น

จากนั้นจึงเข้าสู่ขั้นตอนการแต่งงานซึ่งประกอบด้วย 2 ส่วน
หลักคือพิธีหมั้น หรือ ชิดดุคิน (Shiddukhin) และพิธีแต่งงาน หรือ นิสสุอิน (Nisuin) ซึ่งประเพณีแต่เดิมของชาวยิวระบุให้ต้องทิ้งช่วงห่างนาน 1 ปี ระหว่างพิธีหมั้นและพิธีแต่งงาน ทว่าปัจจุบันนี้มีชาวยิวจำนวนไม่น้อยที่รวบรัดเวลาโดยจัดพิธีหมั้นและงานแต่งงานติดต่อกันในวันเดียว


0 ความคิดเห็น: