BLOGGER TEMPLATES AND TWITTER BACKGROUNDS

วันเสาร์ที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2555

อาทิตย์สัปดาห์ที่ 23 ธรรมดาปี B


บทเทศน์

เอฟฟาธา จงเปิดเถิด

พี่น้องที่เคารพรัก
ตามประสบการณ์ของเรา เมื่อมีสิ่งที่ปิดอยู่ ถ้าเราอยากจะรู้ว่าอะไรซ่อนอยู่ภายใน เราย่อมเปิดมันออก เช่น ห้องที่ปิดอยู่ เราอยากจะเข้าไปข้างไป เราก็ต้องเปิดออก หรือ ทีวีที่ปิดอยู่ หากเราอยากจะดูรายการต่าง ๆ เราก็ต้องเปิด

เราจะสังเกตว่า สิ่งที่เปิดจากภายนอกไปสู่ข้างในนั้น มันเป็นสิ่งที่ง่าย แต่การจะเปิดจากข้างใน ออกมาสู่ภายนอกนั้นเป็นเรื่องที่ยากลำบาก

เพราะว่า การจะเคลื่อนจากภายนอกไปสู่ภายใน มันเป็นการกระทำของเราเอง เป็นเราเองที่ลงมือกระทำ มันเป็นความต้องการ และความปรารถนาของเรา มันจึงง่าย แต่การจะเปิดจากข้างในออกมาสู่ภายนอก มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับเรา ไม่ได้ขึ้นอยู่กับสิ่งภายนอก แต่มันขึ้นอยู่กับคนนั้น ๆ ว่าจะต้องการเปิดตัวเองรับสิ่งภายนอกหรือเปล่า?

ประสบการณ์ในครอบครัวของเรา เราบอกเตือนสั่งสอนลูกของเราว่า ให้ทำดี ให้ไปวัดไปวา บอกให้ลูกของเราอย่าทำดื้อ อย่าซน ให้เชื่อฟัง ให้ว่านอนสอนง่าย แต่คือความปรารถนาดีของพ่อแม่  นั่นคือ จากภายนอก เข้าสู่ภายใน แต่ถ้าหากว่าภายในปิดอยู่ เราจะบอกจะเตือน จะสอนอย่างไร? มันก็เข้าไม่ถึง เพราะใจที่ปิดอยู่ ใจที่ไม่ต้อนรับ นี่คือความปรารถนาของลูก

ในประสบการณ์ทางศาสนาของเราก็เช่นกัน เราเรียนรู้จักคำสอน หนทาง วิถีชีวิตคริสตชน เราได้รับการอบรม เทศน์สอนหนทางของพระเจ้าจากบรรดาพระสงฆ์  เราได้รับความเชื่อที่ถูกถ่ายทอดมาจากบรรพบุรุษของเรา เราเห็นแบบอย่างของผู้มีความเชื่อ นี่ก็เป็นกระบวนการจากภายนอกเพื่อเข้าสู่ภายใน  แต่หลายครั้งเราก็ยังไม่ได้ทุ่มเทเต็มที่ ยังไม่ออกแรงเต็มที่ในการที่จะอุทิศตนเองเพื่อพระเจ้า และรับใช้เพื่อนมนุษย์ของเรา หลายครั้งเราก็ยังเป็นคนเดิม นิสัยเดิม ๆ มีชีวิตเดิม ๆ ทำตามกระแสของโลก ทำตามใจตนเอง ทั้ง ๆ ที่เราเป็นผู้มีความเชื่อ และได้รับศีลล้างบาป แต่เราก็ยังทุ่มเทชีวิตให้กับสิ่งอื่นมากกว่าพระเจ้าของเรา  

เพราะว่า มันไม่ใช่ออกมาจากภายในจิตใจของเรา หากจิตใจของเราตอบรับต่อความเชื่อ หากหัวใจของเราตอบสนองต่อความรักของพระเจ้าแล้ว แน่นอนว่า เราย่อมดำเนินชีวิตในหนทางของพระเจ้าได้โดยไม่มีเงื่อนไข เราจะสามารถรักพระเจ้าและเพื่อนมนุษย์ได้โดยไม่มีข้อแม้ และไม่บ่น

วันนี้เราได้ยินเสียงของพระเยซูเจ้าตรัสว่า เอฟฟาธา จงเปิดเถิด เป็นคำสั่งที่พระเยซูเจ้าสั่งความใบ้และหูหนวกที่อยู่ในคนหนึ่งให้ออกไปจากตัวของเขา จงเปิดเถิด นั่นคือ เปิดตา เปิดหู และที่สำคัญเปิดใจของชายคนนั้น ให้เห็น ให้ได้ยิน และให้ได้สัมผัสถึงความรักของพระเจ้า เมื่อเขาพร้อมที่จะตอบรับต่อเสียงของพระเจ้า เมื่อใจของเราพร้อมที่จะฟังเสียงของพระเจ้า อัศจรรย์ก็เกิดขึ้น การเปลี่ยนแปลงจากภายในสู่ภายนอก ก็เกิดขึ้น เป็นอัศจรรย์ที่พระเจ้าทรงกระทำ โดยการร่วมมือของมนุษย์ในการตอบรับต่อเสียงของพระองค์

พี่น้องที่เคารพรัก  บางครั้งเราก็เป็นคนหูหนวก ทำเป็นไม่ได้ยินพระวาจาของพระเจ้า เพื่อจะได้ไม่ต้องกลับใจ เพื่อจะได้ใช้ชีวิตอย่างดี ไปเรื่อย ๆ  เราหูหนวก ไม่ได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือของเพื่อนมนุษย์ ไม่ได้ยินเสียงของคนอื่น เพื่อจะได้ไม่ต้องสูญเสียสิ่งใด

บางครั้งเราก็ทำตนเป็นเหมือนกับคนเป็นใบ้ ไม่กล้าที่จะพูดพระวาจาของพระเจ้า ไม่กล้าที่จะพูดความจริง ไม่กล้าบอก ไม่กล้าเตือนซึ่งกันและกัน ดีแต่นินทาว่าร้ายให้กันและกัน

พี่น้องที่เคารพรัก ภายนอกนั้นไม่สำคัญมากนัก แต่หากสภาพจิตใจของเราอยู่ในสภาพของคนหูหนวก เป็นใบ้ เราจะมองไม่เห็นถึงความรักของพระเจ้าที่ทรงมีต่อเรา เราจะไม่ได้ยินเสียงของพระเจ้าที่คอยบอกเตือน และชี้แนะแก่ชีวิตของเรา   ที่สำคัญ เรามองไม่เห็นความเป็นคนของคนคนนั้น นั่นแหละคือสิ่งที่น่ากลัวมากกว่า

น.เปาโลบอกเราว่า อย่าให้ความเชื่อของเรามีความลำเอียง หรืออย่าเลือกที่รักมักที่ชัง นั่นคือ โดยปกติ ตามธรรมชาติของมนุษย์ของโลกทั่วไป  เรามักจะต้อนรับคนที่แต่งกายดูดี งามหรู อย่างดี  ส่วนคนที่แต่งกายด้วยเสื้อผ้าที่ขาด สกปรก เราก็มักจะขับไล่ หรือแสดงออกถึงความรำคาญ ความรังเกียจ นี่แสดงว่าเรากำลังลำเอียง เพราะเรามองแต่บุคคลจากภายนอกมากกว่าจากภายใน  ถ้าจะต้อนรับแขกก็จะต้องต้อนรับทุกคน 

พระเยซูเจ้าให้เรารักทุกคน


0 ความคิดเห็น: