BLOGGER TEMPLATES AND TWITTER BACKGROUNDS

วันเสาร์ที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2555

อาทิตย์สัปดาห์ที่ 22 ธรรมดาปี B






บทเทศน์


หนังสือห้าเล่มแรกของพระคัมภีร์ ได้แก่ หนังสือปฐมกาล หนังสืออพยพ หนังสือเลวีนิติ หนังสือกันดารวิถี และหนังสือเฉลยธรรมบัญญัติ หนังสือเหล่านี้ได้บรรจุคำสัญญาแห่งความรักไว้  นั่นคือ คำสัญญาของพระผู้สร้าง คำสัญญาของพระเจ้า พระองค์ทรงสัญญาว่า พระองค์ทรงรักเราและต้องการที่จะอยู่กับเราเพื่อช่วยรักษาเรา เพื่อเราจะได้อยู่ดีมีความสุข และคำสัญญานี้ได้แสดงออกมาใน กฎบัญญัติของพระองค์ ที่บรรจุปรีชาญาณและความรักของพระองค์

กฎหมายของพระเจ้าบรรจุธรรมเนียมประเพณี และกฎระเบียบสำหรับการดำเนินชีวิตที่ดี  พระบัญญัติสิบประการเป็นส่วนหนึ่งของกฎหมาย เป็นส่วนหนึ่งของคำสัญญาแห่งความรัก เป็นส่วนหนึ่งของพันธสัญญาระหว่างมนุษย์กับพระเจ้า เราจะสามารถปฏิบัติตามกฎบัญญัติของพระเจ้าได้อย่างง่ายดาย หากเราเข้าใจจิตตารมณ์ของกฎบัญญัติของพระองค์ แต่หากเรามองกฎบัญญัติเพียงภายนอก เป็นเพียงคำสั่ง เป็นเพียงสิ่งที่ต้องปฏิบัติ เรากจะไม่สามารถเข้าถึงจิตตารมณ์ของกฎบัญญัติได้ เพราะขีดจำกัดของความเป็นมนุษย์  แต่ถ้าเราเข้าใจว่า กฎบัญญัติเป็นเสมือนของประทานหรือของขวัญจากพระเจ้า กฎบัญญัติเป็นเหมือนกับแขนที่อ่อนนุ่มที่โอบกอดเรา ที่รักษาเรา ปกป้องเรา  เราก็จะสามารถปฏิบัติตามกฎบัญญัติของพระเจ้าได้อย่างง่ายดาย เพราะการปฏิบัติมาจากภายในใจ จากหัวใจของเรา
เช่น การมาวัดวันอาทิตย์ พระศาสนจักรสอนว่า คริสตชนต้องมาวัด ถ้าหาเรามองว่า การมาวัดเป็นการบังคับจากพระศาสนจักร เราก็จะสามารถเลือกที่มาก็ได้ ไม่มาก็ได้ เพราะเมื่อมีการบังคับ เราก็ไม่อยากจะมา  แต่ถ้าเราเข้าใจว่า การมาวัดวันอาทิตย์ เป็นการมาเพื่อแสดงออกถึงความรัก ถึงการขอบคุณพระเจ้าร่วมกันของผู้มีความเชื่อ เราย่อมมาด้วยใจอิสระและมีความสุข ไม่มีคำบ่นว่า เสียเวลาเปล่า ๆ เพราะการสรรเสริญพระเจ้า ไม่ใช่การเสียเวลา

โมเสสบอกกับประชาชนว่า จงฟังข้อกำหนดและกฎเกณฑ์ และจงปฏิบัติ แล้วจะมีชีวิต  ต้องปฏิบัติตามอย่างซื่อสัตย์ การปฏิบัติตามพระบัญญัติทุกคนจะได้เห็นและเข้าใจว่า พระเจ้าของเราทรงสถิตอยู่ใกล้ชิดเรา

โมเสสบอกว่า ต้องฟัง ต้องรู้จัก ต้องทำความเข้าใจข้อกำหนดและกฎเกณฑ์ เพื่อว่า กฎเกณฑ์นั้นจะได้ไม่ขัดใจ ไม่เป็นเหมือนนามทิ่มแทงจิตใจของเรา จะได้ไม่บีบบังคับเรา

เมื่อเข้าใจแล้ว จงปฏิบัติ ปฏิบัติตามกฎเกณฑ์บัญญัติ ทำให้เป็นจริง ทำให้เกิดขึ้นในชีวิตของเรา  หลักในการปฏิบัติก็คือ ต้องปฏิบัติด้วยความซื่อสัตย์ ต้องทำด้วยความสม่ำเสมอ คือ เสมอต้น เสมอปลาย ไม่ใช่เป็นช่วง ๆ ขาด ๆ หาย ๆ

เพื่อว่า เราจะได้มีชีวิต เป็นชีวิตที่เราจะได้รับจากการปฏิบัติตามกฎเกณฑ์  เป็นชีวิตที่มาจากพระเจ้า เป็นชีวิตร่วมกับพระเจ้า เพราะพระเจ้าอยู่ใกล้เรา พระเจ้าสถิตอยู่กับเรา  เมื่อพระองค์อยู่ใกล้เรา เราจะต้องกลัวสิ่งใด  เราจะยังขาดสิ่งใด และเรายังต้องการสิ่งใดอีกหรือ?

นักบุญยากอบ ก็บอกกับบรรดาคริสตชนเช่นเดียวกัน จงน้อมรับพระวาจา จงปฏิบัติตามพระวาจา มิใช่ฟังเพียงอย่างเดียว เท่ากับเป็นการหลอกตัวเอง มาร์ติน ลูเธอร์ ผู้นำการแตกแยกในศาสนาคริสต์ของเรา เขาเน้นว่า ความเชื่อเท่านั้นที่จะช่วยให้รอดได้  แต่สำหรับเราคริสตชน จากคำสอนของนักบุญยากอบในวันนี้ เราจะเห็นว่า ความเชื่อจะต้องมีการกระทำด้วย เมื่อมีความเชื่อ แล้วละทิ้งหญิงหม้ายและเด็กกำพร้าได้หรือ?  การให้ความสนใจและเอาใจใส่ต่อความเดือดร้อนของกันและกัน นั่นแหละเป็นการแสดงออกของความเชื่อ การกระทำด้วยความเมตตา ความรักต่อคนอื่นที่ออกมาจากความเชื่อ จะทำให้เราเข้มแข็งและเติบโตในความเชื่อ ในความรักต่อพระเจ้านับวันยิ่งมากขึ้น

ในพระวรสาร พระเยซูเจ้าเน้นย้ำว่า สิ่งที่ทำให้มนุษย์เป็นมลทินนั้น เป็นสิ่งที่มาจากภายใน ไม่ใช่สิ่งที่มาจากภายนอก   สิ่งที่เข้าทางปาก ไม่เป็นมลทิน แต่ที่อยู่ในใจ และออกมาทางปาก นั่นแหละทำให้เป็นมลทิน  ดังนั้น จุดเริ่มต้นของความดีงาม หรือ ความบริสุทธิ์ หรือ ความชั่วร้าย หรือ มลทินบาป นั้นก็มาจากใจ มาจากเจตนา มาจากหัวใจของมนุษย์ทั้งสิ้น

เราไม่สามารถเปลี่ยนแปลงโลกใบนี้ทั้งใบได้ตลอดชีวิตของเรา แต่เราสามารถเปลี่ยนแปลงตัวเองเองแต่ละคนได้ โดยเริ่มจากภายในตัวของเราเองเสียก่อน พระเยซูเจ้าต้องการให้เราเปลี่ยนแปลงหัวใจของเรา และดัดแปลงหัวใจของเราให้ตรงกับพระบัญญัติของพระเจ้า เพื่อที่จะสร้างจิตใจใหม่ ให้เป็นเหมือนกับจิตใจของพระเจ้า ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรัก ความเมตตา การให้อภัย การแบ่งปัน และความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่

พี่น้องที่เคารพรัก เราถูกสร้างและถูกเรียกมาให้เป็นผู้กระทำ หรือ ผู้ปฏิบัติตามพระวาจาของพระเจ้า พวกเราไม่ได้ถูกเรียกมาเพื่อที่จะทำความพอใจของโลก  เราถูกเรียกมาให้เป็นบุตรที่ศักดิ์สิทธิ์ในฐานะที่เราเป็นอวัยวะอันศักดิ์สิทธิ์ของพระคริสตเจ้า พวกเราถูกเรียกมาเพื่อที่จะกระทำกิจการศักดิ์สิทธิ์ นั่นคือ ความรัก ความชื่นชมยินดี สันติสุข ความอดทน ความใจดี ความใจกว้าง ความซื่อสัตย์ ความสุภาพและการรู้จักควบคุมตนเอง ไม่มีกฎหมายใดที่ต่อต้านความดีเหล่านี้

ให้เราตระหนักเสมอว่า  ผู้ที่เป็นของพระคริสตเจ้าย่อมตรึงร่างกายแห่งกิเลสตัณหาและความปรารถนาพึ่งพอใจทางร่างกายนี้ไว้กับไม้กางเขนของพระคริสตเจ้าแล้ว ถ้าเรามีชีวิตโดยอาศัยพระจิตเจ้าเป็นผู้นำทาง เราก็จงปล่อยให้พระองค์นำทางเรา ดังนี้ เราจะกลายเป็นผู้ปฏิบัติตามพระวาจาของพระเจ้าอย่างแท้จริง



0 ความคิดเห็น: