BLOGGER TEMPLATES AND TWITTER BACKGROUNDS

วันเสาร์ที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2555

อาทิตย์สัปดาห์ที่ 26 ธรรมดา B


บทเทศน์


พี่น้องที่เคารพรัก  การเป็นคริสตชน การเป็นศิษย์ติดตามองค์พระเยซูเจ้านั้น นับว่าเป็นความโชคดีของเราเหลือเกิน โชคดี เพราะว่ามีพระเจ้าผู้ทรงพระทัยดี ผู้ทรงพระเมตตา ผู้ทรงรักเรา พระองค์คอยดูแลเราเสมอ   ทั้งศีลมหาสนิท  ที่หล่อเลี้ยงชีวิตของเรา  ทั้งพระวาจาของพระเจ้า ที่เป็นเข็มทิศ นำทางชีวิตของเรา เพื่อเราจะได้เดินตรงมุ่งหน้าไปหาพระเจ้า อีกทั้งยังเป็นอุปกรณ์ปกป้องเราให้พ้นจากอำนาจของความชั่วอีกด้วย

ในบทอ่านที่ 1 หนังสือกันดารวิถี คำพูดของโมเสสที่พูดกับโยชูวาในวันนี้ว่า อันที่จริง เราอยากให้ประชาชนของพระเจ้าทุกคนเป็นประกาศก และให้พระเป็นเจ้าประทานพระจิตของพระองค์แก่ทุกคน  ในสมัยก่อนการเป็นประกาศกจะต้องได้รับการเลือกจากพระเจ้า การเป็นประกาศกจะต้องประกาศพระวจนะของพระเจ้า ประกาศความถูกต้อง ประกาศความดี ต่อต้านความชั่ว และอำนาจของปีศาจ คนที่จะทำเช่นนี้ได้จะต้องได้รับพระพรพิเศษจากพระเจ้า ไม่ใช่คนธรรมดาคนหนึ่งจะทำก็ทำได้ เพราะหน้าที่ของการเป็นประกาศกเรียกร้องความเข้มแข็ง เรียกร้องความกล้าหาญ และความอดทน  เพราะต้องพูดความจริง ต้องประกาศในสิ่งที่คนอื่นไม่ชอบ ต้องประกาศพระวาจาย้ำแล้ว ย้ำอีก เตือนแล้วเตือนอีก จนกว่าจะตาย หากไม่ได้รับพระพรพิเศษจากพระเจ้า ย่อมไม่สามารถทำได้

เราทุกคนได้รับศีลล้างบาป และได้รับพระจิตเจ้าแล้ว และเราทุกคนก็เป็นประกาศกของพระเจ้า เรามีพลังที่หนุนหลัง เรามีพระหรรษทานที่ช่วยเหลือเราอยู่  ฉะนั้นอย่ากลัวที่จะประกาศความจริง อย่ากลัวที่จะยืนยันความถูกต้อง

ในพระวรสาร ให้เราพิจารณาคำพูดของพระเยซูเจ้า พระวาจาของพระองค์ที่ตรัสแก่เราเพื่อสอนและเป็นแนวทางในการดำเนินชีวิตของเราในวันนี้ 

ในภาคแรก   ยอห์นได้ห้ามคนหนึ่งที่ขับไล่ปีศาจในนามของพระเยซูเจ้า เพราะคนนั้นไม่ได้เป็นศิษย์ของพระองค์  และพระเยซูเจ้าบอกว่า ผู้ใดที่ไม่ต่อต้านเรา ก็เป็นฝ่ายเรา    ฝ่ายของพระเยซูเจ้าก็คือ ผู้กระทำความดี ผู้ที่ดำเนินชีวิตอยู่ในศีลธรรม ผู้ที่ดำเนินชีวิตอยู่ในความถูกต้อง ผู้ที่มีชีวิตอยู่ในความรัก ความยุติธรรม ความเห็นอกเห็นใจกันและกัน  สรุปแล้ว ทุกคนที่กระทำความดี และเลือกความดี ก็เป็นฝ่ายของพระเยซูเจ้า  ก็ไม่ได้ต่อต้านพระเยซูเจ้า  ดังนั้น ทุกคนจึงเป็นคนของพระคริสตเจ้า แม้จะไม่ใช่คริสตชนก็ตาม แม้จะเป็นคนต่างศาสนาก็ตาม หากเขาดำเนินชีวิตอย่างดีแล้ว เขาก็เป็นคนของพระเจ้า 
เราจะต้องไม่อิจฉาคนอื่นเมื่อเห็นเขากระทำความดี เราจะต้องไม่ขัดขวางคนอื่นเมื่อเขาจะทำถูกต้อง แต่เราควรที่จะใจกว้างต่อกันและกัน เราควรที่จะส่งเสริมและสนับสนุนการทำความดีและความถูกต้อง แม้ว่าคนนั้นจะไม่ใช่คริสตชน หรือเป็นใครก็ตาม

ภาคที่สอง  ถ้ามือข้างหนึ่งเป็นเห็นให้ท่านทำบาป  ถ้าเท้าข้างหนึ่งของท่าน หรือ ถ้าตาข้างหนึ่งของท่านเป็นเหตุให้ท่านทำบาป จงตัดมันทิ้งเสีย จงควักมันออกเสีย ดีกว่าจะตกนรกทั้งร่างกาย นี่เป็นคำพูดที่รุนแรง และน่ากลัวมากทีเดียว ถ้าหากเราปฏิบัติตามตัวอักษร แน่นอนว่าหลายคนคงจะพิการไปแล้ว ถูกตัดมือ ตัดเท้า ถูกควักดวงตาไปแล้ว เพราะว่าเราทุกคนเป็นคนบาป มีความบกพร่อง มีความอ่อนแอ แต่ในความหมายที่แท้จริงก็คือ พระเยซูเจ้าต้องการจะบอกเราว่า เราจะต้องเอาจริงเอาจังในการที่จะระมัดระวังตนเอง เราจะต้องใส่ใจในการที่จะกำจัดสิ่งที่เป็น ต้นตอของความชั่วร้ายต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นมือ หรือเท้า หรือตาของเราก็ตาม ดีกว่าให้ร่างกายทั้งครบต้องตกนรก   ในสุภาษิตของชาวยิวกล่าวว่า  ตาและมือเป็นนายหน้าของบาป” “ตาและใจเป็นเครื่องมือของบาป

ตาเป็นส่วนของการมอง ขณะที่มือ และเท้าเป็นส่วนของการกระทำของมนุษย์ทั้งครบ นั่นคือ เป็นตัวแทนของการมองเห็นและการกระทำทั้งหมด โดยทางตาและมือ มนุษย์ทั้งครบสามารถถูกชักนำให้ทำบาป  ฉะนั้น สิ่งใดก็ตามที่ล่อลวงเราให้ทำบาปต้องถูกขจัดออกไปเสียจากชีวิตของเรา ถ้านิสัยบางอย่างสามารถนำไปสู่ความชั่วร้าย ถ้าการคบค้าสมาคมกับบางคนสามารถเป็นสาเหตุของการกระทำชั่ว หรือถ้าความพึงพอใจบางอย่างสามารถเปลี่ยนเป็นความหายนะ  สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ต้องถูกขจัดออกไปจากชีวิตของเรา ไม่ว่าจะเป็นคำพูดคำจา ความคิด ความรู้สึก จิตใจที่ทำให้เรานั้นเป็นบาป เป็นมลทิน เราจะต้องขจัดมันออกไปเสีย

เราเป็นคริสตชน เราจะต้องทำให้ได้ เราจะต้องฝึกฝนตนเองอยู่เสมอ และทุก ๆ วันด้วย เมื่อมีโอกาสที่จะทำบาป เราก็จะต้องฝืนและเอาชนะให้ได้
               
               ในบทอ่านที่2 จากจดหมายของน.ยากอบถึงกลุ่มคริสชน  ท่านพูดถึงคนมั่งมี คนที่ร่ำรวยที่ได้มาจากการเบียดเบียนคนอื่น ได้มาจากความอยุติธรรม หรือการคดโกง การเอารัดเอาเปรียบคนอื่น ท่านบอกว่า บุคคลเหล่านี้จะพินาศ หากไม่เปลี่ยนแปลง เพราะความสุขที่เขาได้จากความทุกข์ของคนอื่นในเวลานี้จะเปลี่ยนเป็นความเศร้าโศกเมื่อเวลานั้นมาถึง   
               
          น.ยากอบต้องการให้เรามีใจกว้าง เปิดใจออก และมีใจเผื่อแผ่ต่อกันและกัน ที่สำคัญอย่ายึดติดกับทรัพย์สมบัติในโลกนี้มากจนเกินความพอดี เพราะจะทำให้เรามองไม่เห็นคนอื่น จะทำให้เราลืมความรัก ความเมตตาต่อคนอื่นไปได้ เพราะเมื่อเงินทองมาปิดตาของเราไว้แล้ว เราจะมองไม่เห็นอะไรเลย
               



0 ความคิดเห็น: