BLOGGER TEMPLATES AND TWITTER BACKGROUNDS

วันเสาร์ที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

สัปดาห์ที่ 1 เทศกาลเตรียมรับเสด็จฯ ปี A

บทเทศน์


สัปดาห์ที่ 1 เทศกาลเตรียมรับเสด็จของพระคริสตเจ้า

พี่น้องที่เคารพรัก วันอาทิตย์นี้ เป็นวันเริ่มต้นเทศกาลเตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้า ซึ่งพระศาสนจักรเชิญชวนให้เรา “เตรียมตัว” “ตื่นเฝ้า” เพื่อต้อนรับการเสด็จมาของพระคริสตเจ้า  ซึ่งเราต้องเข้าใจทันทีว่า การเตรียมตัวต้อนรับพระคริสตเจ้านี้ มี 2 ความหมายด้วยกันคือ 1. การเตรียมตัวต้อนรับการเสด็จมาบังเกิดของพระเยซูเจ้า คือ วันคริสตมาส  เตรียมตัวต้อนรับกษัตรย์ หรือ พระเมสสิยาห์ที่จะเสด็จมาบังเกิดเป็นมนุษย์เหมือนกับเรา  2. การเตรียมตัวให้พร้อมเพื่อต้อนรับการเสด็จมาของพระคริสตเจ้า ในฐานะที่เป็นกษัตริย์ หรือผู้พิพากษา คือ วันสิ้นพิภพ
พระศาสนจักรเชื้อเชิญให้เราคริสตชน ตื่นตัว และมีสติในการดำเนินชีวิต ในฐานะที่เราเป็นคริสตชน และเป็นผู้มีความเชื่อ เราจะต้องดำเนินชีวิตตามแสงสว่างแห่งความเชื่อนั้น

บทอ่านที่หนึ่ง ได้พูดถึง ภาพอันเป็นความหวังของมนุษย์ ซึ่งจะเกิดขึ้นเมื่อพระเจ้าเสด็จมา ภาพนั่นก็คือ ภาพแห่งสันติสุข ภาพแห่งความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ภาพของการอยู่ด้วยกันอย่างสงบ มีความเป็นพี่น้อง ภาพนี้จะเกิดขึ้น เมื่อมนุษย์ดำเนินชีวิตตามหนทางของพระเจ้า “จงมาเถิด เราจงเดินตามองค์พระผู้เป็นเจ้า พระองค์ทรงเป็นแสงสว่างของเรา” เป็นการเชิญชวนให้คริสตชนดำเนินชีวิตอยู่ในแสงสว่างแห่งพระวรสารของพระคริสตเจ้า เหมือนกับที่พระสันตะปาปาฟรังซิสได้ตรัสสอนเอาไว้ว่า “คริสตชนต้องดำเนินชีวิต โดยมีพระคริสตเจ้าเป็นศูนย์กลาง”

ในพระวรสาร พระเยซูเจ้าได้ตรัสถึงการเสด็จมาครั้งที่ 2 ของพระเจ้า ที่พระองค์จะเสด็จมาเพื่อพิพากษามนุษย์ และมนุษย์จะถูกแยกออกไป คนดี และคนชั่วจะต้องแยกออกจากกัน และพระองค์จะพิพากษามนุษย์ตามการกระทำของเราแต่ละคน และตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา บทพระวรสารก็ได้พูดถึงเหตุการณ์อันน่าสะพรึงกลัว เหตุการณ์ที่จะทำให้โลกแตก ซึ่งสร้างความหวาดกลัวให้กับมนุษย์ (สำหรับคนที่ไม่พร้อม สำหรับคนที่ไม่ได้เตรียมตัว) บรรดาศิษย์ต่างก็ถามว่าเหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้นวันไหน? เมื่อไร? พระเยซูเจ้าไม่เคยบอกเวลา แต่พระองค์ทรงบอกให้เรามีท่าทีในการเตรียมพร้อม ในการมีสติที่จะดำเนินชีวิต ไม่ต้องพะวงกับวันและเวลา แต่ให้มีสติในการดำเนินชีวิต รู้ว่าตัวเองเป็นคริสตชน ก็ให้ทำหน้าที่ของการเป็นคริสตชนอย่างดี

สิ่งที่พระองค์บอกกับเราก็คือ 1.  จงตื่นเฝ้า  2. จงเตรียมพร้อมไว้

พระองค์ทรงยกตัวอย่างให้เราเห็น ชัด ชัด และจะจะ... เรื่อง ขโมยขึ้นบ้าน ขโมยจะขโมยในเวลาที่เราไม่รู้ตัว ในวันและเวลาที่เราเผลอ เราขโมยตื่นเฝ้าอยู่เสมอ และรอคอยอย่างมีสติ และมีความตั้งใจจริง .. จะต้องขโมยเอามาให้ได้.. พระเยซูเจ้าตรัส ถ้าเรารู้ว่าขโมยจะมาขโมยเวลาเที่ยงคืน เราก็คงเตรียมตัวให้พร้อมที่จะต้อนรับมันอย่างอบอุ่นแน่นอน แต่ในความเป็นจริง ไม่ใช่เช่นกัน ขโมยจะมาในเวลาที่เราเผลอ แค่ไม่กี่นาที ก็สามารถทำได้ เช่นเดียวกัน พระเจ้าจะเสด็จมาหาเราในเวลาที่เราไม่รู้  ถ้าเรารู้ เราก็คงจะเตรียมตัวอย่างดี แน่นอน

พระองค์ยกตัวอย่างอีก เรื่องของโนอาห์ พระเจ้าทรงเตือนประชาชนทุกคนถึงความตาย การพิพากษา ถึงการทำลายล้าง (น้ำท่วม) แต่คนส่วนใหญ่ ไม่ได้ยินเสียงของพระเจ้า คนส่วนใหญ่ไม่ฟังเสียงของพระเจ้าที่เตือน บอก และสอน ให้เป็นคนดี และมีสติในการดำเนินชีวิต มีเพียงครอบครัวของโนอาห์เท่านั้น ที่ได้ยินเสียงของพระเจ้า ส่วนคนอื่น ๆ ก็ไม่สนใจ ไม่แคร์ คงจะอีกนานกว่าโลกนี้จะแตก คงอีกนานกว่าที่เราจะตาย คงอีกนาน.. เป็นเรื่องของอนาคต อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด ไม่สนใจ..ปัจจุบัน กินดื่ม เที่ยว เสพสุข ทำให้เต็มที่ก็พอแล้ว.. นี่คือ ท่าทีของคนที่ไม่คิดอะไรมาก ดำเนินชีวิตไปเรื่อย ๆ ดำเนินชีวิตไปตามสัญชาตญาณของการที่ต้องมีชีวิต  มีชีวิตไปวัน ๆ ไม่มีเป้าหมายใด.. สุดท้ายคนพวกนี้ก็ต้องตายเพราะการกระทำที่เมินเฉยและไม่สนใจที่จะกลับใจ หรือเปลี่ยนแปลงการดำเนินชีวิต.. รอดพ้นมีเพียงโนอาห์ ผู้ยำเกรงพระเจ้า เท่านั้น

พี่น้องที่เคารพรัก  “จงทำเวลานี้ให้ดีที่สุด ในฐานะที่เราเป็นคริสตชน ในฐานะที่เราเป็นผู้มีความเชื่อ” พร้อมกับมีสติในการดำเนินชีวิต นักบุญเปาโลสอนเราว่า “เราจงละทิ้งกิจการแห่งความมืดมนเสีย จงสวมเกราะของความสว่าง จงดำเนินชีวิตเหมือนกับเวลากลางวัน”  นั่นคือ การเตรียมตัวเองให้พร้อม กลางวัน เรามีสติ กลางคืนเราขาดสติ.. กลางวันเราควบคุมตัวเองได้ กลางคืน ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้เลย..



0 ความคิดเห็น: