BLOGGER TEMPLATES AND TWITTER BACKGROUNDS

วันพุธที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

เข้าเงียบประจำปี 2013/วันที่สอง

วันพุธ ที่ 13 พฤศจิกายน 2013
เวลา 09.00 น.

บทเทศน์

รักและรับใช้

เรื่องเล่า
หญิงสาวคนหนึ่งยังไม่แต่งงาน และเธออยากแต่งงานมาก เธอเป็นคนศรัทธา ทุก ๆ วัน
เธอจะขึ้นไปบนชั้นสองเพื่อสวดภาวนาต่อหน้าพระรูปนักบุญยอแซฟ เพื่อขอให้มีชายหนุ่มมาขอ
เธอแต่งงาน เธอมักจะสวดว่า "โปรดเถิด โปรดส่งใครสักคนมาขอฉันแต่งงานเถิด" เสมอ ๆ วันหนึ่ง
หลังจากที่สวดเสร็จ บังเอิญรูปปั้นนักบุญยอแซฟหล่นลงไปข้างล่าง เธอจึงรีบวิ่งลงมาดู ปรากฎว่า
รูปปัันนักบุญยอแซฟแตกกระจาย และทำให้ศีรษะของชายหนุ่มคนหนึ่งแตกไปด้วย เธอตกใจมาก
จึงรีบไปขอโทษ และทำแผลให้... ต่อมาไม่นาน ทั้งสองก็ได้แต่งงานกัน...

ความบังเอิญ หรือ อุบัติเหตุทำให้เกิดรัก..

พระเจ้าอาจจะใช้ความบังเอิญ หรือ อุบัติเหตุให้เกิดขึ้นในชีวิตของเราก็ได้ เพื่อเป็นการเตือนใจเรา
เพื่อเตือนสติเรา ให้เราเปลี่ยนแปลงการดำเนินชีวิต เช่น น.ออกัสติน  น.เปโตร  หรือ น.เปาโล มีอุบัติเหตุในชีวิตเสมอ และทำให้ท่านเปลี่ยนแปลงตนเอง

ความรัก (จากมนุษย์) และ การรับใช้ (พันธกิจจากพระเจ้า)

บทสนทนาของพระเยซูเจ้าและนักบุญเปโตร (ยน 21:15-17)
พระเยซูเจ้าถามเปโตรว่า "ท่านรักเราไหม?" ถึง 3 ครั้งด้วยกัน และเปโตร ก็ตอบว่า "รัก พระองค์ทรงทราบว่า ข้าพเจ้ารักพระองค์"

พระเยซูเจ้าทรงท้าทายนักบุญเปโตรไม่ใช่เรื่องอื่นใด นอกจากเรื่องของ "ความรัก" ไม่ใช่เรื่องความเชื่อ ไม่ใช่เรื่องความซื่อสัตย์ แต่เป็นเรื่องความรักที่เปโตรจะต้องมอบให้พระองค์

พระองค์ตรัสว่า "จงเลี้ยงดูแกะของเราเถิด"
พระเยซูเจ้าบอกว่า ถ้าท่านรักเรา ท่านจงเลี้ยงแกะของเรา (หมายถึง ของพระเยซูเจ้า ไม่ใช่ของมนุษย์)

พระเยซูเจ้าบอกกับเปโตรว่า "จงเลี้ยง.." หมายถึง เวลานี้ ตอนนี้ ไม่ใช่ในอนาคต หรือ เวลาอื่น แต่เป็นเวลาปัจจุบันนี้

พระเยซูเจ้ามอบอำนาจให้เปโตร ไม่ใช่อำนาจปกครอง แต่เป็นอำนาจในการเลี้ยงดู  อำนาจในการดูแล
ลูกแกะของพระเจ้า อำนาจนั้นก็คือ อำนาจแห่งความรักและการรับใช้ ไม่มีอำนาจอื่น ไม่ใช่การบังคับ ข่มขู่ หรือ เอารัดเอาเปรียบ

นักบุญเปโตรกลับใจ เสียใจ เป็นทุกข์ในเวลาที่ปฏิเสธพระเยซูเจ้า เพราะอะไร?  เพราะว่า นักบุญเปโตรสำนึกว่า "พระเยซูเจ้าทรงรัก และซื่อสัตย์ต่อคำสัญญาของพระองค์เสมอ"  พระเยซูเจ้าสัญญาว่าจะประทาน
กุญแจสวรรค์ให้  จะตั้งพระศาสนจักรบนศิลานี้

แม้ว่าท่านเป็นคนบาป  แม้ว่าท่านเป็นคนปฏิเสธ พระองค์ ปฏิเสธที่จะรู้จักพระองค์ แต่คำสัญญาของ
พระเยซูเจ้ายังคงซื่อสัตย์ต่อท่านเสมอ

เราไม่ได้รับการอภัยจากพระเจ้า เพียงเพราะว่า เราขอโทษ
เราไม่ได้รับการอภัย ไม่ใช่จากการที่เรา คุกเข่าลงสารภาพบาป
แต่มาจาก ความรัก และความซื่อสัตย์ของพระเจ้าที่ทรงมีต่อเรา

ความซื่อสัตย์ของพระเจ้า ทำให้นักบุญเปโตรกลับใจ และซื่อสัตย์ต่อพระองค์จนตลอดชีวิต
ซื่อสัตย์ในการรับใช้ตนตาย เหมือนกับพระองค์

พระเยซูเจ้าตรัสว่า "ท่านรักเรา จงเลี้ยงแกะของเราเถิด"
เมื่อเรารักพระเยซูเจ้า เราก็ต้องรับใช้พระเจ้า ในฝูงแกะของพระองค์

ฝูงแกะ หรือ สัตบุรุษ ไม่ใช่ของเรา  แต่เป็นของพระเจ้า
เรามีหน้าที่เลี้ยงดู มีหน้าที่อุทิศตน เพื่อฝูงแกะของพระเจ้า ที่พระองค์ฝากเราไว้..

ในการรับใช้
พระเยซูเจ้าสอนเรา "ถ้าใครอยากเป็นเอก จงรับใช้คนอื่น จงรับใช้ทุกคน"
พระสันตะปาปายอห์น ปอล ที่ 2 "ผู้นำประเทศเดินบนพรม  แต่ผู้นำพระศาสนจักรจะต้องเป็นเหมือน
พรม เพื่อให้พี่น้องสัตบุรุษเดินอย่างปลดอภัยในสู่ความจริง และความรอด"

หมายความว่า เราจะต้องถ่อมตัวเองลง เพื่อให้คนอื่นเดินบนชีวิตของเรา เพื่อเขาจะได้รับความปลอดภัย
เพื่อเขาจะได้พบพระเจ้า ผ่านทางชีวิตของเรา

การรับใช้ของเรา ย่อมไม่ใช่รับใช้เพื่อจะได้รับรางวัล หรือการตอบแทน เหมือนกับนักธุรกิจ หรือข้าราชการ  แต่การรับใช้ของเราเป้นการรับใช้ที่ไม่หวังผลตอบแทนใดใด เพราะความรักย่อมตอบแทน
ด้วยความรักในตัวของมันเองอยู่แล้ว..

การจะรับใช้ได้ก็ต้องรักเสียก่อน
การจะรักได้ ย่อมต้องรักพระเจ้าเป็นอันดับแรก

"เปโตร ท่านรักเราไหม?"  อันดับแรกที่่เปโตรจะทำได้ ก็คือ รักพระเจ้าก่อน พระเยซูเจ้าถามว่าเจ้ารักเราไหม?  ถ้าเจ้ารักเรา จงรักแกะของแรา  จงเลี้ยแกะของเรา
แกะ กับ เจ้าของ ย่อมแยกออกจากกันไม่ได้ เมื่อรักเจ้าของแกะ ก็ต้องรักแกะด้วย

"คุณพ่อ... ท่านรักเราไหม?"
"จงเลี้ยงดูสัตบุรุษของเราเถิด"
"จงรักลูกวัดของเราเถิด"
"จงหล่อเลี้ยงความเชื่อของลูกวัดของเราเถิด"

พระเยซูเจ้า ฝาก สัตบุรุษไว้ในการดูแลของเรา ภายใต้ อำนาจแห่งความรัก และการรับใช้
สัตบุรุษเป็นของพระเจ้า ไม่ใช่ของเรา เรามีหน้าที่ที่จะต้องรัก รับใช้ ดูแลอย่างดี
มันไม่ง่ายนะที่จะเลี้ยงดูแกะของพระเจ้า.. มันเรียกร้องกรอุทิศตน การเสียสละตนเองอย่างมาก..

เรื่องเล่า..
หลังจากที่พระเยซูเจ้ากลับคืนพระชนมชีพแล้ว ก็เสด็จเข้าสู่สวรรค์ ระหว่างทาง ก็มีบรรดาเทวดา ทูตสวรรค์ออกมาต้อนรับ ชูป้าย ร้องตะโกนว่า "Welcome home" "ยินดีต้อนรับกลับบ้านของเรา" และก็มีเทวดานักข่าว มาสัมภาษณ์พระเยซูเจ้าว่า "พระองค์ได้ทำงานในโลกมากมาย ได้สอน ได้ทำอัศจรรย์ ได้ตายและกลับคืนชีพ ได้ส่งสาวกไปประกาศข่าวดีแล้ว ทุกอย่างสำเร็จแล้ว"  พระเยซูเจ้าตอบว่า "จริง" นักข่าวถามว่า "สมมติว่า พันธกิจล้มเหลว คือ สาวก ไม่ได้ทำงานของพระองค์ สาวกลืมพระองค์ล่ะ จะทำอย่างไร?"

พระเยซูเจ้าตอบว่า "เจ้ารู้ไหมว่า พวกเขาได้สัญญาไว้ว่า เขาจะรักเรา สิ่งที่เราทำดีที่สุดแล้ว แม้เขาจะล้มเหลว แต่เราก็รักเขา เรามั่นใจในความซื่อสัตย์ของเขา"



0 ความคิดเห็น: