BLOGGER TEMPLATES AND TWITTER BACKGROUNDS

วันพุธที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

เข้าเงียบประจำปี 2013/วันที่สอง ภาคบ่าย

วันพุธ ที่ 13 พฤศจิกายน 2013
เวลา 15.00 น.

บทเทศน์

เอกลักษณ์ของพระสงฆ์

เรื่องเล่า

อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ เป็นผู้ที่มีชื่อเสียงมากในเรื่องฟิสิกส์ เขาได้บรรยายตามมหาวิทยาลัยต่าง ๆ
มากมาย และเช่นเดียวกัน วันนี้ เขาก็จะไปบรรยายในมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ขณะที่เขานั่งอยู่ในรถส่วนตัว
คนขับรถก็พูดว่า "นายรู้ไหมว่า ผมได้ยินเรืองที่นายบรรยายมาตั้ง 30 กว่าครั้งแล้ว ผมจำได้ทุกอย่าง และผมสามารถบรรยายแทนท่านได้ พูดเหมือนอย่างที่ท่านพูดได้"  ไอน์สไตน์ ก็ถามว่า "จริงหรือ?  ถ้าอย่างนั้น วันนี้ เจ้าบรรยายแทนเราก็แล้วกัน ส่วนเราจะเป็นคนขับรถ"
เมื่อไปถึงมหาวิทยาลัยดังกล่าว คนขับรถที่ทำตัวเป็นไอน์สไตน์ ก็วางท่าท่างเหมือนตัวจริงทุกอย่าง และไอน์สไตน์ ก็เดินก้มหน้า เพราะตัวเองเป็นคนขับรถ
เมื่อเข้ามาในห้องบรรยาย บรรดาคณาจารย์ และนักศึกษาต่างก็จดจ้อง มองเขา ฟังเขาบรรยายถึงกฎฟิสิกส์ต่าง ๆ เขาก็พูดด้วยความมั่นใจ เหมือนกับว่า เขามีความรู้จริง ๆ
พอบรรยายเสร็จ ทุกคนก็ปรบมือให้ และเมื่อถึงเวลาคำถาม อาจารย์คนหนึ่งก็ถามถึงปัญหาด้วยโจทย์เลขที่ยากและร่ายยาวมา คนขับรถที่ทำตนเป็นไอน์สไตน์ ก็บอกว่า "ปัญหานี่ง่ายมาก แม้แต่คนขับรถของผมก็ยังตอบได้เลย" เขาจึงเชิญคนขับรถ ที่เป็นไอน์สไตน์ตัวจริงขึ้นมาตอบคำถามนั้น ทุกคนต่างก็เชื่อว่า เขาเก่งจริง แม้แต่คนขับรถก็ยังทำได้เลย...

คุณพ่อมักซีเลียน ชาวโปแลนด์  ได้เสียสละชีวิตของตนเองเพื่อคนอื่น ในค่ายนาซี เมื่อทหารต้องเลือกคนหนึ่งขึ้นมาเพื่อที่ฆ่า เพราะมีคนสามารถหนีค่ายไปได้ ชายคนนั้นอ้อนวอน เพราะว่าเขามีลูก มีภรรยา
มีครอบครัวที่ต้องเลี้ยงดู และเขายังไม่อยากตาย แต่ทหารไม่ฟัง คุณพ่อมักซีเลียนร้องว่า "ผมยินดีตายแทนคนนี้" ทหารถามว่า "ใครพูด มันเป็นใคร"  คุณพ่อตอบว่า "ผมเป็นพระสงฆ์คาทอลิก ผมไม่มีภรรยา ไม่มีลูก ไม่มีครอบครัว ผมยินดีตายแทนคนนี้"

ศีลบวชทำให้เรามีความละม้ายคล้ายกับพระคริสตเจ้า เราได้รับมอบอำนาจเหมือนกับพระคริสตเจ้า
เราเป็นสมณราชตระกูลสงฆ์  เราเป็นผู้แทนของพระคริสตเจ้าผู้เป็นศีรษะ
ฉะนั้น ชีวิตสงฆ์ไม่ใช่อาชีพ ไม่ใช่บทบาทสำคัญทางการสังคม การเมือง แต่พระสงฆ์ เป็นผู้ที่แสดง
ตนถึงเอกลักษณ์แห่งการเป็นพระคริสตเจ้า
ในพิธีบวช การเป็นสงฆ์ของเรา มาจากพระบุคคลของพระคริสตเจ้า ไม่ใช่มาจากสิ่งของในโลกนี้
เราเน้นไปที่ พระสงฆ์เป็นใคร? คำตอบก็คือ พระคริสตเจ้า

การที่เรามองว่า เราเป็นใคร?
ทำให้เรามีความชัดเจนในการกระทำ เพราะการกระทำย่อมไหลออกมาจากสิ่งที่ เราเป็น
การเป็น จึงเป็นเอกลักษณ์ของเรา
เราเป็นพระสงฆ์ เราจึงกระทำอย่างที่เราเป็นพระสงฆ์
เราเป็นพระสงฆ์ เราจึงแสดงออกอย่างที่เราเป็นพระสงฆ์

เอกลักษณ์ของเรา ต้องปรากฎออกมา และเราก็ต้องกล้าที่จะยืนยัน เป็นอันดับแรกถึงการเป็นสงฆ์ของเรา เพราะนั่นคือชีวิตของเรา  ตัวตนของเรา

เมื่อเราบวชเป็นพระสงฆ์ เราเป็นพระสงฆ์ตลอดชีวิต ไม่ว่าเราจะทำหน้าที่ได้หรือไม่ได้ก็ตาม ไม่ว่าเราจะทำอะไรก็ตาม เราเป็นสงฆ์เสมอ  แม้จะเจ็บป่วยนอนบนเตียง เราก็เป็นพระสงฆ์

เราจะต้องมองเอกลักษณ์ที่เป็นภายในของชีวิตสงฆ์ นั่นคือ สิ่งที่เราเป็น
ภายในตัวของสงฆ์ มีตราประทับที่ไม่อาจจะลบเลือนได้ ไม่เหมือนกับแสตมป์ ที่สามารถถอนได้
แต่พระสงฆ์มีตราประทับของพระจิตเจ้า นับวันยิ่งซึมซับ และหยั่งรากลึกลงไปในจิตใจ
ในตัวตนของเรา ทำให้เรากลายเป็นพระคริสตเจ้า จนเราไม่สามารถแยกตัวเองออกจากตราประทับนี้ได้

ความละม้ายคล้ายคลึงพระคริสตเจ้า เป็นความละม้ายคล้ายภายใน  ในการเป็น ไม่ใช่เหมือนพระเยซูเจ้าเพียงแต่รูปลักษณ์ภายนอก ผมยาว หนวดยาว.. แต่ต้องเหมือนพระองค์ในความซื่อสัตย์
ความซื่อสัตย์แห่งการเป็นสงฆ์ ซื่อสัตย์ต่อความรักของพระองค์ นี่คือสิ่งที่สำคัญ

เราจงภูมิใจในความเป็นสงฆ์ของเรา

แม้จะมีความอ่อนแอ แต่พระเจ้าก็ใช้เราผู้อ่อนแอนี่แหละทำงานของพระองค์ สิ่งสำคัญคือ การสำนึกเสมอว่า เราเป็นหนึ่งเดียวกับพระคริสตเจ้า เพื่อจะสามารถเอาชนะความอ่อนแอของเราได้
เราต้องสำนึกว่า เราเป็นหนึ่งเดียวกับพระเยซูเจ้า เราจึงไม่กลัวการประจญ ไม่กลัวการทดลอง
ไม่กลัวกลลวงของปีศาจ เพราะเรามีพระคริสตเจ้าอยู่กับเรา

ความซื่อสัตย์ จึงเป็นศักดิ์ศรี และเอกลักษณ์ของพระสงฆ์

เราต้องซื่อสัตย์ต่อพระบุคคลของพระเยซูเจ้า ซึ่งเป็นเจ้าบ่าว และต่อพระศาสนจักร ซึ่งเป็นเจ้าสาว
เราซื่อสัตย์ต่อบุคคล ไม่ใช่ต่อสิ่งของสิ่งหนึ่ง และเราต้องสำนึกถึงความรักต่อพระศาสนจักร
ที่เป็นพระวรกายของพระคริสตเจ้า
ที่สำคัญ เราจะต้องคิดถึงพระเยซูเจ้าทุกวัน ทุกวัน และเสมอ

เรื่องเล่า

สามีภรรยาคู่หนึ่งใช้ชีวิตร่วมกันมาพอสมควร แต่ว่า เมื่อแต่งงานกันแล้ว สามีเป็นโรคจิต รักษาไม่หาย และเจ้าหน้าที่บ้านเมืองพยายามจะนำตัวชายคนนี้ไปรักษาที่สถานที่ที่รักษาโรคนี้ แต่ภรรยาไม่ยอม
นางบอกว่า "ฉันรักสามีของฉัน เขาต้องการฉัน และฉันก็ได้สัญญาเมื่อตอนแต่งงานว่า ฉันรักเขา และจะอยู่กับเขาเสมอ" แต่พวกเจ้าหน้าที่บอกว่า "เขาไม่รู้เรื่องอะไรแล้ว" นางก็ตอบว่า "ไม่ใช่สิ่งที่สำคัญว่า เขาจะรู้หรือไม่ แต่เขาเป็นสามีของฉัน ความรักของฉันที่มีต่อเขาไม่ได้มีน้อยไปกว่าในวันที่ฉันและเขาแต่งานกันใหม่ ๆ เลย และเขาเป็นสามีของฉันตลอดไป..."

เรากับพระคริสตเจ้าเป็นอย่างไร?  เราเป็นพระสงฆ์เสมอนะ..

การภาวนา   ทำให้เรามีความชัดเจนในความรักที่พระเจ้ามีต่อเรา
                    "ปราศจากเรา ท่านไม่สามารถทำอะไรได้เลย"
                    "เราต้องติดกับลำต้นเสมอ"
พระสงฆ์ต้องการการภาวนามากกว่าสัตบุรุษ พระสงฆ์ต้องภาวนามากกว่าสัตบุรุษ เพราะความสัมพันธ์ของเรากับพระคริสตเจ้า เหมือนกับกิ่งก้านที่ติดกับลำต้น
เหมือนกับลมหายใจ กับอากาศ ที่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันอย่างที่แยกออกจากกันไม่ได้เลย

พระสงฆ์เป็นนักภาวนา นะ เพราะเราจะรับพระหรรษทาน ของประทานจากพระเจ้าผ่านทางการภาวนา
เพื่อนำสิ่งนี้ไปสู่เพื่อนพี่น้องสัตบุรุษ

พระสันตะปาปายอห์น ปอล ที่ 2 ตรัสว่า "พ่อไม่เคยที่จะละเลยการถวายมิสซาทุกวัน"  "มิสซาเป็นศูนย์กลางสูงสุดของชีวิต ทุกวันของชีวิตของพ่อ"

คนที่ต้องการศีลมหาสนิทมากที่สุด ก็คือ พระสงฆ์

พระสงฆ์แจกศีลมหาสนิท ก็เท่ากับว่า พระสงฆ์แจกตัวเองให้กับสัตบุรุษด้วย


0 ความคิดเห็น: