BLOGGER TEMPLATES AND TWITTER BACKGROUNDS

วันพฤหัสบดีที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

บทเทศน์เตรียมจิตใจฉลองวัดหนองแซง


ค่ำคืนของวันที่ 29 พฤศจิกายน 2012

ได้รับเกียรติจากคุณพ่อฉลอง แก้วอาสา เจ้าอาวาสวัดนักบุญอันดรูว์ บ้านหนองแซง
เพื่อเทศน์เตรียมจิตใจ โอกาสฉลองวัดในวันที่ 1 ธันวาคม 2012 นี้

บทเทศน์


บทเทศน์
เตรียมจิตใจโอกาสฉลองวัดนักบุญอันดรูว์  หนองแซง

พี่น้องในค่ำคืนนี้ เรามาร่วมจิตร่วมใจกัน เตรียมจิตเตรียมใจของเราในโอกาสฉลองความเชื่อ หรือว่าฉลองวัดของเรา ซึ่งการฉลองวัด หรือ การฉลองความเชื่อ นี้ถือว่าเป็นสิ่งที่สำคัญในชีวิตคริสตชนของเรา เพราะความเชื่อเรียกเราและเชื้อเชิญเราให้เข้าเป็นบุตรของพระเจ้า เพราะความเชื่อเราจึงได้รับศีลล้างบาป และเพราะความเชื่อ เราจึงกลายเป็นบุตรของพระเจ้า มีส่วนในมรดกแห่งชีวิตนิรันดรของพระองค์

ทุก ๆ ปี จึงเป็นความสำคัญและจำเป็นที่จะต้องทำการเฉลิมฉลองความเชื่อของเรา โดยการเตรียมจิตเตรียมใจอย่างดี เพื่อเราจะได้ฉลองความเชื่ออย่างเต็มที่ (การฉลองความเชื่ออย่างเต็มที่ไม่ใช่การดื่มเหล้าเมาสุราอย่างเมามาย ไม่ลืมหูลืมตา หรือหัวราน้ำ)  แต่การฉลองความเชื่ออย่างเต็มที่ก็คือ เข้าวัด เข้าวา แก้บาป รับศีล การครองตัวเองให้บริสุทธิ์จากธรรมชาติฝ่ายเนื้อหนัง และจากการเอาแต่ใจของตนเอง จากคำพูดคำจาที่อยากจะด่าคนอื่น ด่าลูกด่าหลาน หรือ การบ่นต่อว่าพระเจ้า  การดำเนินชีวิตที่สุดจริต ไม่คดโกง ไม่เอารัดเอาเปรียบ ยึดมั่นในคุณธรรมและความดีงาม เช่น ซื่อสัตย์ สุจริต อยู่ในความจริงเสมอ เป็นต้น

ดังนั้น การฉลองวัดคือ การฉลองความเชื่อ เป็นฉลองภายในจิตใจของเรา ฉลองความสัมพันธ์ที่เรามีกับพระเจ้า ฉลอง ขอบคุณพระเจ้าสำหรับความเชื่อที่เราได้รับจากพระองค์  เมื่อภายในจิตใจของเรามีความชื่นชมยินดี มีความสุขกับพระเจ้าแล้ว เราจึงแสดงออกมาภายนอก

หากการฉลองวัดของเรา เราไม่ได้แก้บาป ไม่ได้รับศีล การฉลองความเชื่อก็ไร้ความหมาย เพราะเราฉลองความเชื่อของเรา เราจะต้องทำตนให้สมกับองค์อุปถัมภ์วัดของเรา นั่นคือ นักบุญอันดรูว์

นักบุญอันดรูว์ (รู้ไหมว่าหมายความว่าอะไร) ความหมายของชื่อก็คือ สมป็นชายชาติบุรุษ หรือ ผู้มีความกล้าหาญสมกับที่เป็นชายบุรุษ ก็คือ เป็นคนกล้าหาญ เป็นคนจริงจัง เป็นคนกระตือรือร้นในการเป็นพยานถึงพระคริสเจ้า นักบุญอันดรูว์เป็นน้องชายของนักเปโตร นักบุญอันดรูว์เป็นศิษย์ของยอห์น ผู้ทำพิธีล้าง นักบุญอันดรูว์เป็นคนที่บอกกับพี่ชายว่า พระเยซูเจ้านี่แหละคือพระเมสสิยาห์ นักบุญอันดรูว์ถูกจับและถูกตรึงบนกางเขน แต่เป็นกางเขนแบบไขว้ หรือรูปอักษร X

นี่คือ แบบอย่างของความเชื่อขององค์อุปถัมภ์ของเรา เป็นสิ่งที่เราต้องเลียนแบบชีวิตของท่าน ในความกล้าหาญ ในการเป็นพยานถึงความเชื่อ ยืนยันด้วยชีวิตของท่าน ท่านเชื่อมั่นในพระเยซูเจ้า และก็ได้ดำเนินชีวิตตามความเชื่อนั้น

เราก็เช่นเดียวกัน ต้อง กล้าหาญ เด็ดเดี่ยวในการเป็นพยานด้วยความเชื่อ เพื่อให้ความเชื่อของเราเติบโตและเข้มแข็ง

ความเชื่อของเราเปรียบเหมือนกับต้นไม้ ที่ต้องเจริญเติบโตขึ้นทุก ๆ วัน จนกลายเป็นต้นไม้ใหญ่ที่แข็งแรง มีกิ่งก้านใบที่สวยงาม และเป็นที่อาศัยของทุกสิ่งได้ ดังเช่นที่พระเยซูเจ้าเปรียบเหมือนกับเมล็ดมาสตาร์ด ที่เป็นเมล็ดเล็ก ๆ แต่เมื่อเติบโตกลายเป็นต้นไม้ใหญ่ จนนกในอากาศมาทำรัง

ความเชื่อของเราก็จะต้องเป็นเช่นนี้ ค่อย ๆ เติบโต ในชีวิตประจำวัน ค่อย ๆ พัฒนา เจริญงอกงาม กลายเป็นความเข้มแข็งของชีวิต สามารถถ่ายทอดความเชื่อที่ถูกต้องไปยังลูกหลานของตนเองได้

พระสันตะปาปาเบเนดิกต์ที่ 16 ได้เทศน์ ในวันเปิดปีแห่งความเชื่อว่า ความเชื่อของคริสตชนเป็นการพบปะกับที่แท้จริงกับพระคริสตเจ้า เป็นการสร้างความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับพระองค์  และพระองค์ได้เทศน์อีกตอนหนึ่งว่า ศูนย์กลางความเชื่อของคริสตชนคือ พระเยซูคริสตเจ้า ซึ่งเราจะต้องประกาศไปยังเพื่อนพี่น้องของเรา

พี่น้องที่เคารพรัก นี่คือ สิ่งที่เราต้องตระหนัก นี่คือสิ่งที่เราต้องทำความเข้าใจ และต้องนำมาปฏิบัติเพื่อให้กลายเป็นชีวิตของเรา
               
ความเชื่อเป็นเรื่องส่วนบุคคล แต่ไม่ใช่เรื่องส่วนตัว หมายความว่าอะไร?

ความเชื่อเป็นเรื่องส่วนบุคคล ก็หมายถึง แต่ละบุคคลถูกเรียกจากพระเจ้าให้มาเป็นบุตรของพระเจ้า โดยผ่านทางศีลล้างบาป แต่ละบุคคลต้องเรียนรู้ ต้องเรียนคำสอน เพื่อให้มีความรู้เกี่ยวกับพระเจ้า เพื่อจะได้เชื่อในพระเจ้าได้อย่างถูกต้อง ไม่ใช่เชื่อในพระเจ้าแบบงมงาย หรือคิดเอาเอง แต่ละบุคคลต้องลงมือปฏิบัติตามพระธรรมคำสอนของพระ ด้วยตัวเอง ไม่มีใครสามารถทำแทนกันได้ เช่น การทำบุญ การทำความดี การเข้าวัดเข้าวา เป็นต้น ไม่มีใครทำแทนกันได้ เราต้องลงมือทำด้วยตนเอง แต่ละบุคคลต้องสนิทสัมพันธ์กับพระเจ้าแบบตัวต่อตัวด้วยการมามิสซา ด้วยการสวดภาวนา เป็นต้น


ความเชื่อไม่ใช่เรื่องส่วนตัว ก็หมายความว่า เราจะแสดงออกถึงความเชื่อเพียงลำพัง เพียงคนเดียวไม่ได้ ความเชื่อเป็นการแสดงออกเป็นกลุ่มชน หรือ เป็นส่วนรวม นั่นคือ ผู้มีความเชื่อจะสรรเสริญ ขอบคุณพระเจ้าเพียงลำพังไม่ได้ เพราะผู้มีความเชื่อได้ชื่อว่า เป็นกลุ่มคริสตชน เป็นกลุ่มผู้มีความเชื่อ เป็นการเรียกร้องให้แสดงออกถึงความเชื่อแบบเป็นกลุ่มและหมู่คณะ เพื่อความเป็นน้ำหนึ่งในเดียวกัน เราจะสังเกต กิจกรรมคาทอลิกของเรา เน้นการทำเป็นกลุ่ม เช่น การมาร่วมมิสซา เรามากันเป็นกลุ่ม เป็นหมู่คณะ เพื่อร่วมกันสรรเสริญและขอบคุณพระเจ้า การประชุมกลุ่มคริสตชนพื้นฐาน ไม่ได้ทำเพียงคนเดียว แต่เราต้องทำเป็นกลุ่ม เพื่อช่วยเหลือซึ่งกันและกัน

พี่น้องที่เคารพรัก การแสดงออกถึงความเชื่อในชีวิตประจำวันของเราเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างมาก เพราะว่า ยิ่งเราแสดงออกในความเชื่อชัดเจนมากเท่าไร เราก็จะยิ่งเข้าใจและรักพระเจ้ามากเท่านั้น พระสันตะปาปาเบเนดิกที่ 16 ตรัสว่า ความเชื่อเติบโตขึ้น ด้วยการดำเนินชีวิตตามความเชื่อ

การแสดงออกถึงความเชื่อ โดยเฉพาะในครอบครัวนั้นเป็นสิ่งที่พระศาสนจักรเรียกร้อง และส่งเสริมสนับสนุนให้บรรดาครอบครัวทุกครอบครัวได้กระทำ..นั่นคือ การมาวัดเป็นครอบครัว พ่อแม่ลูก  ตายายหลาน มาวัดมาวา มาแก้บาปรับศีลด้วยกัน นี่คือ การแสดงออกถึงความเชื่อของครอบครัวเราอย่างแท้จริง และความเชื่อนี่แหละที่จะทำให้ครอบครัวของเราไม่มีวันตาย ความเชื่อจากตายาย จากพ่อแม่ สู่ลูกหลานนี่แหละที่จะทำให้ความเชื่อในครอบครัวของเรามีชีวิตชีวา ฉะนั้น การปฏิบัติศาสนกิจต่าง ๆ อย่าลืมนำลูกหลานมาร่วมด้วย เพื่อเป็นการถ่ายทอดความเชื่อให้เติบโตต่อไป


0 ความคิดเห็น: